วรรณกรรมพระพุทธาจารย์เหลียนเซิน หลูเซิ่งเยี่ยน เรื่อง ‘การเปิดเผยมหาสังสารวัฎ’ (ภาษาไทย) เล่มที่ 3 กำหนดออกวางตลาดปลายเดือนสิงหาคมนี้ เป็นต้นไป ท่านผู้มีจิตศรัทธา สามารถหาซื้อได้ตามร้านหนังสือชั้นนำโดยทั่วไป
เมื่อขุนคลังเลื่อนตำแหน่ง
อาตมากับ’มหาราชาตงอิ’เป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน มหาราชาตงอิคือ ‘มหาราชาเทียนฉีเหยินเซิ่นขุนเขาตะวันออกแห่งไท่ซาน’ หรือเรียกย่อๆ ว่า ‘ราชาเทียมฟ้า’ หรือ ‘เทพเจ้าขุนเขาตะวันออกไท่ซาน’ หรือ ‘ไท่ซานหู่จุน’
ฮ่องเต้ทุกสมัยของประเทศจีน เช่น หู้ซีซื่อ ยิ่งตี้เสีนหลง หวงตี้อิวสง ตี้เหยา ตี้ซุ่น เป็นต้น ล้วนเคยไปที่ภูเขาไท่ซานเพื่อแต่งตั้งตำแหน่งให้แก่ มหาราชาตงอิ
ต่อมาฮ่องเต้ทุกๆ สมัยเมื่อประเทศสงบสุขจะมีการทำพิธีไหว้ตามประเพณี มีการแต่งตั้งพระนามให้เจ้าเขาไท่ซาน ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องสำคัญประจำชาติ
ในราชสมัยฮั่นและราชสมัยถัง จะมีการเซ่นไหว้บูชามหาราชาตงอิไม่เคยขาดเลยสักครั้ง
อาตมากับมหาราชาตงอิเองก็เป็นเพื่อนสนิทกัน
ในนั้นก็มีเหตุปัจจัยอยู่เพราะอาตมาเคยเกิดในสมัยราชวงศ์ถังและได้รู้จักกับมหาราชาตงอิมาหลายปีแล้ว
ใครๆ ก็รู้ว่ามหาราชาตงอินั้นมีอำนาจมาก แต่ไม่รู้ว่าใต้บัญชาท่านมีขุนคลัง 12 ท่าน ซึ่งอันว่าขุนคลังนี้ก็คือในสำนักของตงอิมีอยู่ 12 ท่านที่มีหน้าที่บริหารสมบัติในโลกมนุษย์และปรโลก
เจ้าหน้าที่ ขุนคลัง 12 ท่าน ต่างบริหารคลังสมบัติ 12 แห่ง ท่านที่ 1 แซ่ตู้ ท่านที่ 2 แซ่หลี่ ท่านที่ 3 แซ่หยวน ท่านที่ 4 แซ่ย่วน ท่านที่ 5 แซ่หลิ่ว ท่านที่ 6 แซ่จู ท่านที่ 7 แซ่เหลย ท่านที่ 8 แซ่สวี่ ท่านที่ 9 แซ่เฉิน ท่านที่10 แซ่จี้ ท่านที่ 11 แซ่ซิ ท่านที่ 12 แซ่เถียน
ขุนคลังทั้ง 12 ท่านนี้ไม่ได้อยู่ประจำอยู่ที่สำนักตงอิ แต่ได้มีการโยกย้ายเช่นกัน และการโยกย้ายนั้นก็มีการสอบ
ขุนคลังก็มีการเลื่อนตำแหน่งไปเป็นเจ้าของใหญ่ที่ภูเขาอื่น มีอำนาจสามารถบริหารได้ทั้งหมด ขุนคลังทั้ง 12 ท่านนี้เองก็คุ้นเคยกับอาตมา ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงมาขอคำแนะนำจากอาตมาอยู่บ่อยๆ และพวกขุนคลังเองก็รู้ต้นตอที่มาของอาตมา จึงชอบมาถามปัญหาทางพุทธรรมอยู่เป็นประจำ และขณะเดียวกันยังขอให้ช่วยทำนายว่าเมื่อไรพวกเขาจะได้เลื่อนตำแหน่ง
จะว่าไปแล้วมันก็เป็นเรื่องที่น่าพิศวงจริงๆ นะ
เนื่องจากอาตมานั้นเคยเกิดในสมัยราชวงศ์ถังซึ่งเป็นสมัยที่ราชวงศ์ถังรุ่งเรืองที่สุด เคยเซ่นไหว้มหาราชาตงอิและกับทั้ง 12 ท่าน ขุนคลังก็ยิ่งสนิทสนมกัน
แต่พอมาเกิดในชาตินี้อาตมาคือ หลูเซิ่งเยี่ยน
มหาราชาตงอิและขุนคลังทั้ง 12 ท่าน เองก็ยังคุ้นเคยกันดีอยู่ มันเป็นเรื่องเกิดจากเหตุปัจจัยจริงๆ เทพทำนายของอาตมานั้นแม่นมาก อาตมาไม่เพียงแต่ทำนายให้มนุษย์แม้ขุนคลังทั้ง 12 ท่านในสำนักตงอิก็ยังมาให้อาตมาช่วยทำนายให้เช่นกัน
เหมือนกับว่าพออาตมาบอกว่าเมื่อไรจะได้เลื่อนตำแหน่งก็จะเป็นเวลานั้นจริงๆ คล้ายกับว่าอาตมาเป็นเจ้าหน้าที่ผู้คุมสอบเสียเอง และทุกคนก็รู้ดีเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ของอาตมา รู้ว่าอาตมาคือ ‘เหรินเฉากวน’(ข้าราชการทางมนุษย์)
ช่วงปีใหม่มีขุนคลังท่านหนึ่งได้มาหาอาตมา ขุนคลังท่านนี้แซ่จี้เป็นผู้ควบคุมดูแลคลังสมบัติคลังที่ 10 เท่านั้น พออาตมาลองคำนวณดูแล้วก็รู้สึกแปลกใจมาก
“ท่านเป็นผู้ที่มีคุณธรรมนักหนา ตามหลักสมควรมีตำแหน่งทางสวรรค์ แต่ทำไมมาเป็นขุนคลังล่ะ”
ขุนคลังจี้ก็ตอบว่า
“เดิมทีเราเป็นดวงดาวประจำฟ้า เสียดายทำผิดต่อหน้าที่ จึงถูกปลดลงมาเป็นขุนคลังครับ”
“ดวงดาวประจำฟ้าดวงไหน”
“ดาวหนานเหวยครับ”
“คิดจะคืนสู่สวรรค์”
“เมื่อกลับไปที่สวรรค์ก็ไม่ได้อีกแล้ว ผมคิดแต่ว่าจะได้ตำแหน่งเลื่อนขั้นเป็นเจ้าเขาแทนครับ”
อาตมาลองคำนวณอีกที ก็รู้ว่าในการสอบหลังจากนี้ไป 5 เดือน ขุนคลังจี้จะได้เลื่อนตำแหน่งเป็นเจ้าเขาใหญ่ อาตมาจึงอวยพรต่อขุนคลังจี้ว่า
“ยินดีด้วย ยินดีด้วย หลังจากนี้ 5 เดือน ท่านจะได้เลื่อนตำแหน่ง”
“ผิดแล้ว” ขุนคลังจี้รีบตอบ
“ทำไมถึงบอกว่าผิดล่ะ”
“เห็นชัดๆ ว่า อีก 3 เดือน มีการสอบเลื่อนตำแหน่งของขุนคลังปรโลกทั้งหลาย ทำไมท่านถึงบอกว่าต้องหลังจากนี้ 5 เดือนจึงจะได้เลื่อนเป็นเจ้าเขาล่ะ ไม่ใช่เทพทำนายของท่านผิดหรือครับ”
“นี่ก็….” อาตมาก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน
“คราวนี้ท่านคงทำนายผิดแล้วล่ะ” ขุนคลังจี้พูด
“อาตมา…” อาตมาพูดต่อว่า “อาตมาคำนวณว่าอีก 5 เดือน แต่ท่านว่าอีก 3 เดือน แสดงว่ามีการสอบเลื่อนไปอีก 2 เดือน มันเป็นเรื่องลำบากใจมาก แต่การคำนวณเทพทำนายของอาตมาไม่มีทางผิดพลาด ถึงเวลาค่อยว่ากันเถอะ”
“ดีครับ”
1 เดือนผ่านไป ขุนคลังจี้ก็กลับมาหาอาตมา
“ท่านแม่นมาก”
“ทำไมหรือ”
“จาก 3 เดือนนั้นเลื่อนไปเป็น 5 เดือนอย่างที่ท่านบอกนะสิ”
“ทำไมถึงเลื่อนล่ะ”
“บังเอิญปีนี้ท่านเทวราชามาตรวจ 5 ขุนเขา ในช่วงระหว่าง 3 เดือนนี้ เพราะฉะนั้นการสอบที่กำหนดไว้จึงต้องเลื่อนไปเป็น 5 เดือนหลัง”
ขุนคลังจี้จึงเชื่อในเทพทำนายของอาตมา ว่าถ้าบอกว่าหนึ่งก็ต้องไม่เป็นสอง หรือคำไหนคำนั้นจริงๆ
แต่ว่าพอผลสอบประกาศออกมา ขุนคลังจี้กลับไม่ผ่าน เขาสอบตก รายชื่อคนที่หนึ่งกลับเป็นขุนคลังของเจ้าเขาอีกท่านหนึ่งชื่อว่า เติ้นเจอะ ส่วนขุนคลังท่านอื่นที่มีชื่อสอบผ่านคือ ขุนคลังหยวน พอขุนคลังจี้รู้ว่าผลประกาศไม่มีชื่อของตนก็เสียใจมาก
ความจริงแล้วเรื่องที่ขุนคลังจี้มาให้อาตมาทำนายแล้วอาตมาบอกว่าจะสอบผ่าน เรื่องนี้ทุกคนก็รู้กันดี แต่ตอนเบื้องบนประกาศว่าไม่มีชื่อของเขา อาตมาก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน รู้สึกพูดไม่ออกจริงๆ ต่อไปจะใช้เทพทำนายให้ใครได้อีกล่ะ เมื่อเกิดเรื่องนี้ขึ้น อาตมาจึงเริ่มหมดกำลังใจต่อการใช้เทพทำนาย
เพราะไม่เพียงแต่ทำให้ขุนคลังจี้เครียดแค้น อันตัวอาตมาเองนั้นก็เศร้าสลดใจเช่นกัน
อาตมาจึงตัดสินใจเข้าไปหาความจริงที่โลกทิพย์ที่อยู่สูงกว่านี้ เพราะอาตมามั่นใจว่าที่จริงการทำนายของอาตมาย่อมอยู่เหนือทุกสิ่ง ไม่น่าจะมีข้อผิดพลาด
แล้วอาตมาก็ได้รู้สาเหตุว่ามาอย่างนี้…….
การไหว้เทพ ไหว้เจ้า ทางสังคมมนุษย์ ส่วนใหญ่จะไหว้เทพแห่งโชคลาภ (ธนบดี) จึงมีคนน้อยมากที่รู้ว่าต้องไหว้ขุนคลัง แต่ก็มีคนที่รู้จริงมาไหว้ขุนคลัง แต่ถึงกระนั้นแม้ว่าการเซ่นไหว้ขุนคลังจะมีมานานแล้ว แต่คนที่ไหว้ก็ยังมีน้อยมากอยู่ดี
โดยการเซ่นไหว้ขุนคลัง ต้องไม่ให้คนอื่นเห็น ต้องทำที่ปิดบัง และต้องทำที่ห้องกว้าง ด้วยสาเหตุนี้ชื่อของขุนคลังจึงไม่ค่อยมีคนรู้จักเท่าไรนัก
แต่ว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งได้รู้มาจากอาจารย์เหมาซาน รู้วิธีเซ่นไหว้ขุนคลังเพียงเพื่อขอลาภพิเศษ โดยที่ผู้หญิงคนนี้เวลากลางคืน เมื่อถึงตอนเที่ยงคืนตีหนึ่ง ก็จะจุดเทียนขาวเล่มหนึ่ง จุดธูปสามดอก ภาวนาต่อขอสิ่งต่างๆ จากขุนคลัง และขุนคลังที่ผู้หญิงคนนี้ภาวนาขอก็คือ ขุนคลังที่สิบ หรือขุนคลังจี้นั่นเอง
เมื่อขุนคลังจี้มาตามคำเชิญก็เห็นว่าผู้หญิงคนนี้หน้าตาสวยมาก ท่าทางอรชร เรือนร่างเย้ายวน
ตอนที่ขุนคลังจี้มองผู้หญิงที่เซ่นไหว้ ในใจก็เกิด ตะตะ เชอเชอ จากคนที่ไม่เคยหวั่นจิตใจก็เริ่มหวั่นไหว เมื่อพบสาวงามปานนี้ มันจึงทำให้จิตใจของขุนคลังจี้เหลือทนเกินห้ามใจจริง ๆ
สุดท้ายขุนคลังจี้จึงเปิดคลังสมบัติ แล้วประทานทรัพย์ลาภลอยให้แก่ผู้หญิงคนนี้ และขณะเดียวกันเมื่อทนไม่ไหวก็ได้ฉวยโอกาสตอนกลางคืนที่ผู้หญิงอยู่ในฝัน โอบกอดเธออย่างแน่น…
การกระทำแบบนี้ถือว่า
รูปกามเป็นดาบทำร้ายร่างกาย
โลภมากจะมีภัย
คนสวยสิบหกหน้าตาดี
ดุร้ายยิ่งกว่ายักษา
มีแต่เท่าทุนที่มีอยู่
ไม่มีกำไรที่เข้ากระเป๋า
ขอให้เก็บรักษาทุนของตน
จิตมั่นคงอย่าเหลวไหล
ขุนคลังจี้กับสาวน้อยมีความสุขสมกันหลายครั้ง และแน่นอนก็ต้องแลกกับบางอย่างไปหลายครั้ง ทั้ง 2 คน ฝ่ายหนึ่ง หยิน ฝ่ายหนึ่ง หยาง จึงได้สมรสกันอย่างสบายใจ
เรื่องนี้ทำให้ทิพยภูมิชั้นเบี้องบนคิดว่า
เดิมทีขุนคลังจี้มีตำแหน่งเป็นถึงเทพดวงดาว ‘หนานเหวย’ แต่เนื่องจากทำผิดต่อหน้าที่ จึงถูกปลดลงมาเป็นขุนคลัง ณ สำนักขุนเขาตงอิ
เพราะมีบุญหนักจึงสมควรสอบได้เป็นเจ้าเขาใหญ่ แต่กลับไปเจอปัจจัยกรรมเก่าบางอย่าง แอบปล่อยเงินคงคลังออกไปจนถึงขั้นเสียตัวเสียคุณธรรม กลายเป็นสัตว์บูชายัญของตัณหากำหนัด จนผ่านประสบการณ์ที่ผิดพลาดเหนือปกติ ตามระเบียบของชุนปรโลกที่กระทำกัน สิ่งที่ขุนคลังจี้ทำผิดนั้นจึงถือว่าหนักมาก
ขุนคลังจี้เริ่มรู้สึกว่า 2 ขานั้นอ่อนเพลีย แม้เวลาเหินฟ้าก็ยังเหมือนคนขาเป๋ เหมือนว่าพลังชีวิตทั้งหมดได้ทุ่มเทไปกับสาวน้อยคนนั้นหมดแล้ว รู้สึกหมดกำลังกายจนสิ้น ทั้งเพลียทั้งเหนื่อยได้แต่รู้สึกอึดอัดในใจ
พูดง่ายๆ คือรัศมีสวรรค์ของขุนคลังจี้ได้หมดสิ้นไปแล้วนั่นเอง เหลือเพียงสภาพที่เป็นปุถุชน แล้วแบบนี้มันจะสอบผ่านเป็นเจ้าเขาได้อย่างไรกัน และไม่เพียงสอบไม่ผ่านการเป็นเจ้าเขาใหญ่ ยังต้องไปเวียนว่ายในวัฏฏสงสารอีก กายมนุษย์ก็ยังไม่ได้แต่จะต้องไปเกิดเป็นไก่ถือเป็นการเกิดแบบเดรัจฉานคติ
อาตมาได้ยินแล้วก็ตกใจมาก
เมื่อขุนคลังจี้มาหาอาตมาแล้วถามว่า
“ทำไมเทพทำนายของท่านถึงไม่แม่นครับ”
อาตมาก็ได้แต่มองเขา ไม่ได้พูดอะไร
ขุนคลังจี้จึงพูดอีกว่า
“อย่างนี้เรียกว่าสุดยอดเทพทำนายหรือครับ”
ขุนคลังจี้ยังไม่หยุดต่อว่าอาตมาอย่างอึดอัดใจ
อาตมาจึงพูดไปว่า
“ท่านเองรู้อยู่แก่ใจว่าทำไมนี่”
“ผมไม่รู้ ถ้ารู้จะมาถามท่านหรือ” ขุนคลังจี้พูดอย่างมีอารมณ์
“อันว่าตัวท่านนั้นเป็นเทพดวงดาวหนานเหวยซิงอยู่ดีๆ แต่กลับทำผิดต่อหน้าที่ ผิดต่อฟ้าต่อสวรรค์ ตอนนี้ได้เป็นขุนคลัง ณ สำนักขุนเขาตงอิแต่ก็แอบปล่อยเงินคงคลัง ทำผิดในกามกับผู้หญิงทางโลกมนุษย์ ถือเป็นการละเมิดศีลวินัยของชนปรโลก แล้วในระเบียบปรโลกได้ถูกถอดถอนตำแหน่งไป แบบนี้ท่านจะมีตำแหน่งไปเป็นเจ้าเขาใหญ่ได้อย่างไรละ จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่ครั้งนี้คนที่ได้ที่หนึ่งจะเป็น เติ้นเจอะ ที่มาแทนท่านนั่นเอง”
พอขุนคลังจี้ได้ฟังที่อาตมาบอกแล้วก็พูดอะไรไม่ออก ได้แต่ก้มหัวลง รู้สึกเศร้าใจจนร้องไห้อยู่นานพอสมควร
“แล้วผมต้องไปเกิดที่ไหนครับ”
“ตามที่อาตมารู้มา ท่านต้องกลับชาติไปเกิดยังหมู่บ้านหลิ่วเจียจวน อำเภอเหอพู่ เป็น…ของหลังบ้านของผู้หญิงชื่อหลิ่วเหมย”
“เป็นอะไรที่หลังบ้านนางครับ”
“เป็นไก่ในหลังบ้าน”
“อะไรนะ” ขุนคลังจี้ร้องเสียงดัง ทำท่าเกือบจะเป็นลม
อาตมาจึงบอกต่อว่า
“รัศมีสวรรค์ของท่านถูกลบแล้ว รัศมีเทพปรโลกก็ถูกลบไปแล้ว ท่านต้องกลายเป็นร่างปุถุชนแล้ว ในเมื่อท่านรักรูปหลงในกาม มิเพียงเป็นเดรัจฉานคติไปเกิดเป็นไก่เท่านั้น หลิ่วเหมยเป็นผู้หญิงที่มีบุญเก่ากับท่าน ก็ย่อมต้องไปเกิดที่นั่นเป็นคนเลี้ยงท่าน สิ่งนี้ถือเป็นเหตุปัจจัยของการกระทำของท่านนั่นเอง”
ขุนคลังจี้รู้สึกสำนึกผิดในสิ่งที่ทำลงไปมาก จากบรรดาบาปกรรมในอดีตที่ได้ทำ ล้วนเพราะโลภโกรธหลงในอดีตที่ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง
ทุกสิ่งเกิดจากกาย วาจา ใจ และวันนี้ขุนคลังจี้จึงนึกอยากขอขมาสำนึกผิดทั้งปวง
อาตมาก็บอกว่าในพระสูตรธรรมพจนาได้กล่าวไว้ว่า
“ดังคนค่อยๆ ทำ วิริยะไปเรื่อยๆ ชำระราคีของจิต ดั่งช่างทองล้อมทอง ชั่วเกิดจากใจ ยังมาทำลายกายตน ดั่งเหล็กขึ้นสนิม ให้กลับไปกัดกร่อนรูปมัน”
ขุนคลังจี้จึงขอร้องอาตมา
“ท่านต้องช่วยผมด้วยนะ”
“ไม่ทันแล้ว ลิขิตสวรรค์เป็นสิ่งที่แน่นอนอยู่แล้ว ท่านเองก็รู้”
“ท่านมีพลังศักดิ์สิทธิ์ได้โปรดช่วยเหลือผมด้วยครับ” ขุนคลังจี้คุกเข่าขอร้อง
อาตมาคิดถึงในสิ่งที่ขุนคลังจี้ร้องขอ ขณะเดียวกันขุนคลังจี้ก็ยังคุกเข่าไม่ยอมลุก และโขกหัวติดต่อกันอยู่อย่างนั้น
พออาตมาเห็นเขาทำอย่างนี้ ในใจก็สงสารเขา นึกขึ้นมาได้ว่ามีอยู่วิธีหนึ่ง
อาตมาจึงเขียน ‘ยันต์ปิดปาก’ แผ่นหนึ่งให้ขุนคลังจี้เวลาจะไปเวียนว่ายในวัฏฏสงสาร โดยให้เอายันต์แผ่นนี้อมไว้ในปากทันที
เมื่อต้องไปเวียนว่ายในวัฏฏหกคติจนเข้าไปในเดรัจฉานคติ ขุนคลังจี้ได้เข้าไปในไข่ไก่ พอไข่แตกออกมาปรากฏว่า ลูกไก่ตัวนี้ปากอมยันต์ปิดปากไว้จึงไม่สามารถเปิดปากกินอาหารได้
เมื่อต้องอดอาหารเป็นเวลา 1 มื้อ 2 มื้อ 3 มื้อ จนในที่สุดก็ตายลง
เมื่อเป็นอย่างนี้ขุนคลังจี้จึงได้ไปเวียนว่ายตายเกิดมาหนึ่งครั้ง และเนื่องจากขุนคลังจี้ได้เวียนว่ายตายเกิดรวดเร็ว จิตเดิมแท้จึงยังไม่หลง
อาตมาจึงใช้ธรรมพิธีเรียกจิตวิญญาณของเขาให้กลับมาและถ่ายทอดคุยหธรรม
ฟ้ากลมดินเหลี่ยม บัญชาสั่งการ 9 บท สมณะคุยหธรรม มรรคแห่งสวรรค์กว้างใหญ่ จงขุนคลังจี้นั้นสามารถฟังคำสั่งหน้ามณฑล ให้ระลึกติดอยู่กับกายตลอด
จากกายของวัชรจารย์ที่มีเกียรติก็เปล่งรัศมีมาผสมผสานกายวาจาใจของวิญญาณ และถูกประทานพรจนสะอาดบริสุทธิ์ ได้รับพุทธาภิเษกจาก ‘มิเจี้ยว’
เดิมทีธรรมการดังนภากาศ เป็นรัศมีที่ถาวรอนันต์
สัมโภคกายอลังการ เป็นการแสดงของเมตตาจิต
นิรมาณกายมีพีชะเป็นอักษรสีขาว ‘ซูลี’
‘ฮ่อ’
อาศัยพลังธรรมสิทธิของวัชราจารย์
เรากับสรรพสัตว์จำนวนนับไม่ถ้วนทั้งปวงสูญไปไม่มีเหลือ
นิรมิตเป็นรัศมีตามธรรมชาติ
หลุดพ้นและไปถึงในรัศมีสุญญตาของมหาสระบัวคู่
วิญญาณของขุนคลังจี้จึงได้เป็นวิญญาณบริสุทธิ์ทั้งปวง และกรรมาวรณะของหลายภพหลายชาติก็ล้วนถูกชำระจนสะอาด
เมื่อรัศมีแห่งสวรรค์เปล่งออกมา เขาก็ได้กลับไปเป็นเทพแห่งดวงดาว ‘หนานเหวย’
อีกครั้ง….ในที่สุด
未经允许不得转载:综合资讯 » เมื่อขุนคลังเลื่อนตำแหน่ง