ชัยสิทธิ์ลุยสู้ศึก เลือกตั้ง ลงสนามราชบุรี
‘ชัยสิทธิ์’ ประกาศลงเลือกตั้งส.ส.ราชบุรี ปัดส่ง ‘พัลลภ’ ปิดล้อมบุรีรัมย์ แจงแค่ลงไปดูแลให้ข้าราชการวางตัวเป็นกลาง ยอมรับ เป็นเรื่องยากพรรคเพื่อไทยตั้งรัฐบาลพรรคเดียวสมัยหน้า…
วันที่ 16 ต.ค. ที่มูลนิธิบ้านเลขที่ 111 ไทยรักไทย มีการจัดสัมมนา “สถานการณ์ปรองดองแห่งชาติ:คืบหน้า ถดถอยหรือเป็นไปไม่ได้” โดยพล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) กล่าวถึงอนาคตทางการเมืองว่า ตั้งใจว่า จะลงสมัคร ส.ส.ราชบุรี พรรคเพื่อไทย เพราะเติบโตและรับราชการที่นั่น แม้เป็นพื้นที่หนัก เพราะเป็นพื้นที่อิทธิพลเก่าของอดีตผู้สมัครไทยรักไทยที่ย้ายไปอยู่พรรคภูมิใจไทย แต่ขอให้ข้าราชการวางตัวเป็นกลาง ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย แม้ตอนที่เป็น ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เคยพูดว่า จะไม่เล่นการเมือง แต่เมื่อมองดูวันนี้แล้ว หากไม่เข้าไปคงไม่ได้ ถามว่าคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในขณะนี้ให้ความเป็นธรรมหรือไม่ หากทำตามหน้าที่ด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม เมืองไทยจะเกิดความสงบสุข แต่ตอนนี้ไม่ใช่แบบนั้น
พล.อ.ชัยสิทธิ์ กล่าวว่า ส่วนกรณีที่พรรคเพื่อไทยตั้งวอร์รูมวางแผนรับการเลือกตั้ง เพื่อเป็นรัฐบาลพรรคเดียวในการเลือกตั้งสมัยหน้านั้น เราคงไม่ได้หวังถึงขั้นตั้งรัฐบาลพรรคเดียว เพราะไกลเกินไป ขอให้ได้เป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก เพื่อจัดตั้งรัฐบาลได้ก็พอ ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคเพื่อไทยจะใช้ยุทธศาสตร์ปิดล้อม จ.บุรีรัมย์ ไม่ให้พรรคภูมิใจไทยออกไปช่วยหาเสียงในพื้นที่อื่นได้ พล.อ.ชัยสิทธิ์ตอบว่า คงไม่ถึงขนาดนั้น เราทราบดีว่า พื้นที่จ.บุรีรัมย์เป็นของใคร จึงต้องส่งคนดุ เช่น พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี ลงไปต่อสู้ทางการเมือง แต่ไม่ใช่การล้อมกรอบไม่ให้ออกจากพื้นที่ เป็นการไปดูแลให้ข้าราชการวางตัวเป็นกลาง ไม่ให้ทำตัวนอกลู่ นอกทาง
นอกจากนี้ พล.อ.ชัยสิทธิ์ กล่าวถึงการทำงานของศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ว่า ในสถานการณ์บ้านเมืองตอนนี้ ควรต้องยกเลิก ศอฉ.ไปได้ตั้งนานแล้ว เมื่อมีรัฐบาล มีกฎหมายพร้อมหมดทุกอย่าง จะตั้ง ศอฉ.ไว้ทำไม กลัวอะไรกันนักหนา ตั้งเพื่อจองล้างจองผลาญให้หมดสิ้นไป ควรยุบศอฉ.ได้แล้ว
“ศอฉ.มีอำนาจมากเกินไปควรยกเลิกไปได้แล้ว เพราะกฎหมายธรรมดาน่าจะควบคุมสถานการณ์ได้ หาก ศอฉ.ยังอยู่จะไม่เป็นธรรมต่อสังคม ต่อประชาธิปไตย เมื่อเหตุการณ์จบไปแล้วต้องมาเยี่ยวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบ นอกจากนี้ คำว่าทหารต้องเป็นที่รักของประชาชน อย่างไรก็ตาม ผมคิดว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก คงนำกองทัพได้ดีและน่าเรียบร้อย แต่ก็อยู่ที่การกระทำว่าจะดูแลกองทัพอย่างไร” พล.อ.ชัยสิทธิ์ กล่าว
พล.อ.ชัยสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า การปรองดองจะเป็นไปไม่ได้ ถ้าไม่มีการเยียวยาผู้เสียชีวิตจากการชุมนุม ที่ผ่านมารัฐบาลปล่อยปะละเลย ไม่ช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิต และผู้ที่ถูกจับกุมตัวต้องได้รับการปล่อยตัว แกนนำ นปช.ที่ถูกตั้งข้อหาก่อการร้ายและยังจับใครไม่ได้ ควรให้การประกันตัวออกมา การปรองดองต้องเริ่มต้นที่กระบวนการยุติธรรม บ้านเมืองต้องอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน ประเทศจึงสงบ รวมถึงผู้ใช้กฎหมายด้วย
พล.ต.อ.อชิรวิทย์ สุพรรณเภสัช อดีตผู้ช่วยผบ.ตร.กล่าวว่า ไม่เชื่อว่าจะมีการปรองดองเกิดขึ้นได้ ต่อให้ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี เดินทางไปทั่วประเทศ เพราะรัฐบาลไม่ต้องการปรองดอง และไม่เคยเห็นนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี มีเจตนาปรองดอง เพียงแต่ต้องการอยู่เป็นนายกรัฐมนตรีให้นานที่สุด ดังนั้นถ้าคนคุมอำนาจไม่มีความคิดปรองดอง ความปรองดองจะเกิดขึ้นได้อย่างไร คงกลายเป็นปูดอง หนทางการปรองดองจะสำเร็จได้ นายกรัฐมนตรีต้องลงมือทำด้วยตัวเอง โดยต้องไปเจรจากับฝ่ายต่างๆเองคือ 1.ทหาร 2.ฝ่ายผู้มีอำนาจนอกรัฐธรรมนูญ 3.นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ 4.หัวหน้าพรรคการเมืองต่างๆ 5.พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หากไปทำความเข้าใจกับกลุ่มเหล่านี้จะแก้ปัญหาได้ ส่วนตัวคิดว่า นายกรัฐมนตรีอยากดำเนินการ แต่ทำไม่ได้เพราะติดเหตุผลบางประการ
未经允许不得转载:综合资讯 » วันเสาร์ที่ 16 ตุลาคม พ.ศ.2553