นายกฯระบุรัฐบาลเพียงแค่อำนวยความสะดวก ในการติดต่อขอเอกสารในการต่อสู้คดี และแจ้งให้ทราบถึงการประสานงานระหว่างฝ่ายบริหาร 2 ประเทศ แต่การตัดสินใจขั้นสุดท้ายต้องเป็นเรื่องของครอบครัวและเจ้าตัว โต้ทำตาม"ปานเทพ"ถอนตัวจากยูเนสโกไทยเสียดินแดนแน่…
เมื่อเวลา 15.15 น. วันที่ 26 ก.พ. ที่จามจุรีสแควร์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายกฯ มีความมั่นใจองค์การศึกษาวิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) จะเลื่อนเสนอแผนบริหารจัดการพื้นที่รอบปราสาทพระวิหารของกัมพูชาเข้าสู่การพิจารณาในที่ประชุมคณะกรรมการมรดกโลกที่บาห์เรน เดือน มิ.ย.นี้ว่า ยูเนสโกคงไปคุยกับกัมพูชา แต่เขาคงจะเข้าใจแล้วว่าการเดินหน้าต่อไปจะทำให้เกิดปัญหา ตนคิดว่ายูเนสโกคงได้คุยกับทางกัมพูชาภายใน 1-2 เดือนนี้ เพื่อไม่ให้เกิดความตึงเครียดมากขึ้น
ผู้สื่อข่าวถามถึง แนวทางบริหารจัดการพื้นที่รอบปราสาทร่วมกัน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถ้าพื้นที่มันครอบคลุมดินแดนของทั้ง 2 ฝ่าย แล้วมาบริหารจัดการร่วมกัน ส่วนการกำหนดเรื่องเขตแดนก็ให้เดินหน้าต่อไปซึ่งจะเป็นแนวทางหนึ่ง แต่ไม่ใช่ว่าจะให้อีกฝ่ายมาร่วมบริหารจัดการในดินแดนของเรา มันต้องผนวกดินแดนของเขาเข้ามาด้วย อย่างกรณีปราสาทพระวิหาร ต้องบวกพื้นที่ที่อยู่เลยหน้าผาเข้ามาด้วยอย่างนี้ถึงจะเป็นเหตุเป็นผลที่จะ มาพูดคุยกัน เพื่อให้เห็นว่าไม่มีฝ่ายใดต้องการเอาเปรียบอีกฝ่าย เพราะถ้าอีกฝ่ายยังไม่อยากทำก็จะเกิดการเผชิญหน้า แต่ไม่ว่าจะกรณีไทยรัฐบาลชุดนี้ไม่มีแนวคิดที่จะให้ไทยเสียดินแดน
เมื่อถามว่า นายปานเทพ พัวพงศ์พันธุ์ โฆษกกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยกล่าวบนเวทีว่าไม่ว่าจะทำอย่างไทย ก็เสียเปรียบเพราะยูเนสโกเชื่อกัมพูชามากกว่า นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถ้าเชื่อข้อเสนอของนายปานเทพที่ให้ถอนตัวจากยูเนสโกก็ใช่ แต่เรายังไม่ถอนตัวทางยูเสนโกจึงได้เริ่มเข้าใจมากขึ้นจึงต้องทำต่อ ในเมื่อนายปานเทพมีจุดยืนว่าให้ถอนตัวจากคณะกรรมการมรดกโลกก็มีแต่จะเสีย เปรียบมากยิ่งขึ้น แต่รัฐบาลนี้ยืนชัดเจนว่าที่ไม่ถอนตัว เพราะได้ทำงานมาอย่างต่อเนื่อง นายปานเทพคงมาเสนอแนะเรื่องยูเนสโกไม่ได้เพราะเสนอให้ถอนตัวอย่างเดียว
ต่อข้อถามถึงกรณีนายวีระ สมความคิด และ น.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ ที่ถูกพิพากษาในจำคุกในศาลกัมพูชา ในข้อหาลักลอบเข้าเมือง บุกรุกพื้นที่ทหาร และจารกรรมข้อมูลลับ ทำเรื่องขอพระราชทานอภัยโทษ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนเห็นจากข่าวเท่านั้นว่านายณฐพร โตประยูร ทนายความของนายวีระและน.ส.ราตรีแถลง แต่เรื่องทั้งหมดตนบอกแล้วว่าต้องให้เจ้าตัวเท่านั้นเป็นคนตัดสินใจ รัฐบาลเพียงแค่อำนวยความสะดวก ในการติดต่อขอเอกสารในการต่อสู้คดี และแจ้งให้ทราบถึงการประสานงานระหว่างฝ่ายบริหาร 2 ประเทศ แต่การตัดสินใจขั้นสุดท้ายต้องเป็นเรื่องของครอบครัวและเจ้าตัว โดยมีทนายความที่ได้รับมอบอำนาจเป็นตัวแทน
เมื่อถามว่า สมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาระบุว่าบุคคลทั้งสองจะได้รับโทษ 2 ใน 3 ก่อนถึงจะขอพระราชทานอภัยโทษได้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตอบยากเพราะในอดีต เราก็เคยเห็นคดีที่ขออภัยโทษได้ อย่างกรณีนายศิวรักษ์ ชุติพงษ์ วิศวกรไทยที่ถูกจับในข้อหาจารกรรมตารางการบินของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มาแล้ว โดยไม่ต้องรับโทษ 2 ใน 3.
未经允许不得转载:综合资讯 » ระบุวีระ-ครอบครัวจะยื่นขออภัยโทษให้ตัดสินใจเอง