คิวควบรวมกิจการระหว่างพรรครวมชาติพัฒนา ของยี่ห้อ “สุวัจน์ ลิปตพัลลภ” กับค่ายเพื่อแผ่นดิน ในปีกของกลุ่ม 3 พี “พินิจ จารุสมบัติ–ปรีชา เลาหพงศ์ชนะ–ไพโรจน์ สุวรรณฉวี” ที่จะได้ฤกษ์ตัดริบบิ้นเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 7 เมษายน…
เข้มขลัง จริงจัง มีพลัง
กับฉากที่ พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผบ.ทหารสูงสุด “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์-โอชา ผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผู้บัญชาการ ทหารอากาศ พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ ผู้บัญชาการทหารเรือ ครบหน้า 3 เหล่าทัพ
ตบเท้าหน้ากระดานเรียงหนึ่ง แถลงยืนยันไม่มีการปฏิวัติ
“อย่า เชื่อข่าวลือ ข่าวอ้าง กองทัพอยู่ในกรอบของรัฐธรรมนูญแห่งราช อาณาจักรไทย ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข จะไม่ล่วงละเมิดสิทธิ-เสรีภาพของประชาชน ที่บอกว่าทหารจะปฏิวัติ ไม่มีแน่นอน อย่าไปกลัว”
“ลั่นดาล” ใครคิดก่อการเคลื่อนกำลังโดยไม่มีคำสั่ง ถือเป็น “กบฏ”
“NO COUP” โดยปฏิบัติการ “สยบข่าวลือ” ขุนทหารต้องรีบระบายแรงกดดัน เคลียร์กระแส “รัฐประหาร” ที่ลุกลามต่อเนื่อง ตามท้องเรื่องแม้แต่คนระดับนางสดศรี สัตยธรรม กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยังออกมาย้ำชัดถ้อยชัดคำ ตอกย้ำคิวปฏิวัติเงียบ ถึงขั้นเตรียมวางตัว รมว.มหาดไทย กันไว้แล้ว
ไม่มีไฟย่อมไม่มีควัน จะกลบควันก็ต้องดับไฟ
หัว แถวตบเท้ายืนยันเสียงแข็ง ด้วยเกียรติของทหารก็ต้องเชื่อไว้ก่อนว่า ประเทศไทย ต้องมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นแน่นอน
โดยฉากตัดกลับมาที่เกมของนักการเมืองอาชีพ
ล่า สุดตามสัญญาณของ “บิ๊กจิ๋ว” พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย ที่วิเคราะห์เป็นเชิงดักคอ การปฏิวัติหรือขัดขวางไม่ให้มีการเลือกตั้งนั้น ไม่น่าจะเป็นไปได้ แต่อาจจะเป็นรูปแบบอื่นแทน
โดยเฉพาะการดึงเวลาออกไปเพื่อให้รัฐบาลอยู่ครบวาระ
สอด รับกับสัญญาณจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โฟนอินเข้าที่ประชุมพรรคเพื่อไทย อย่าไปเชื่อถือคำพูดของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ว่าจะยุบสภาภายในสัปดาห์แรกของเดือนพฤษภาคม
เพราะวันนี้นายอภิสิทธิ์ไม่ได้เป็นตัวของตัวเอง
เปลี่ยน เกมมาจี้ปม “ยื้อเลือกตั้ง” ตามเหลี่ยมของพรรคเพื่อไทยรีบอ่านหมาก ตีกันฝ่ายคุมเกมอำนาจที่ส่อเค้าจะไม่ปล่อยลงสนามง่ายๆ ในสถานการณ์ที่กระแสพรรคประชาธิปัตย์ตกเป็นรองพรรคเพื่อไทย
นัยว่าเบิ้ล บลัฟ ตีฆ้องร้องป่าวดักทางกันดังๆ
แต่ที่เล่นกันตามจังหวะเร้าเสียงปี่กลอง ต้องแต่งตัวพร้อมลงสนามไว้ก่อน
กับ คิวควบรวมกิจการระหว่างพรรครวมชาติพัฒนา ของยี่ห้อ “สุวัจน์ ลิปตพัลลภ” กับค่ายเพื่อแผ่นดิน ในปีกของกลุ่ม 3 พี “พินิจ จารุสมบัติ–ปรีชา เลาหพงศ์ชนะ–ไพโรจน์ สุวรรณฉวี” ที่จะได้ฤกษ์ตัดริบบิ้นเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 7 เมษายน
ในนามพรรค “รวมชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน”
จริง อยู่ที่ว่า ไม่ใช่สินค้าใหม่แกะกล่อง แค่สินค้าตัวเก่าที่เอามา “รีแบรนดิ้ง” ยื้อส่วนแบ่งตลาดสู้กระแสกับสินค้าหลักอย่างยี่ห้อเพื่อไทยกับ ยี่ห้อประชาธิปัตย์
แต่ว่ากันตามคุณภาพการใช้งาน อย่างน้อยก็มีจุดเด่นให้ขาย “ความเป็นเนื้อแท้” ของยี่ห้อ “สุวัจน์–พินิจ–ปรีชา–ไพโรจน์” ในฐานะเซียนเชี่ยวชาญเชิงบริหารงานการเมือง
ผ่านการเลือกตั้งในแบรนด์ตัวเอง สู้ด้วยลำแข้งมาแล้วในการเลือกตั้งใหญ่รอบที่ผ่านมา
บทพิสูจน์ความแกร่งที่มีอยู่เองโดยธรรมชาติ
หรือ ถ้าเทียบฟอร์มกับนักเลือกตั้งอาชีพระดับเดียวกันก็ถือว่าเด่น กว่าใคร ตาม “โปรไฟล์” ที่ตัดแปะมาจากข่าวตามสื่อมวลชนในรอบ 2-3 ปีที่ผ่านมา แม้จะติดคุกการเมือง แต่ “สุวัจน์” ก็หันไปจับงานกีฬา จัดรายการสร้างชื่อสร้างภาพพจน์ให้ประเทศ ขณะที่ “พินิจ-ปรีชา” ก็เน้นไปที่งานด้านเศรษฐกิจ อยู่เบื้องหลังการดีลงานกับจีนแผ่นใหญ่
ทีมงานเบื้องหลังแน่น “วิทยายุทธ์” ด้านงานบริหารจัดการขายได้
บวก กับคุณสมบัติที่ไม่ใช่พวก “ฮาร์ดคอร์” เน้นภาพประนี ประนอม มีความยืดหยุ่นทางการเมืองสูง ไม่ติดเงื่อนไขล็อกตาย
สามารถเสียบเข้าได้ทุกขั้ว ไม่ว่าจะเป็นพรรคเพื่อไทย หรือพรรคประชาธิปัตย์
ที่ สำคัญเลยก็คือ “สเปกนิยม” ในสถานการณ์ “ขึงพืด” แนวโน้มผลเลือกตั้งตามโพลตัวเลขของพรรคเพื่อไทยกับพรรค ประชาธิปัตย์จะก้ำกึ่งสูสีทิ้งกันไม่ห่าง จำเป็นต้องอาศัยพรรคอะไหล่เข้ามาเติมเต็มสมการตัวเลข
“รวมชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน” ตั้งธงไว้ 30–40 ที่นั่ง
แทบจะตีตั๋วจองโควตาพรรคร่วมรัฐบาลล่วงหน้าได้เลย.
ทีมข่าวการเมือง รายงาน
未经允许不得转载:综合资讯 » จองตั๋วร่วมรัฐบาล?