นายกฯ ยันไทยไม่ประมาทสมุนบินลาดินแก้แค้น ด้าน ผบ.ตร.เข้มสั่งเฝ้าระวังสถานทูต พร้อมองค์กรธุรกิจและหน่วยงานเชิงสัญลักษณ์ของสหรัฐฯ ส่วนเลขาฯ สมช.ชี้ไม่น่าห่วง…
หลังจากหายตกตะลึงเมื่อจู่ๆ ช่วงสายวันที่ 2 พ.ค. 2554 ตามเวลาในประเทศไทย นายบารัก โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เปิดแถลงข่าวยืนยันสหรัฐฯ สามารถสังหารผู้ก่อการร้ายเบอร์ 1 ของโลกที่ตามล่าตัวมานาน นายโอซามา บิน ลาดิน หัวหน้าขบวนการก่อการร้ายอัล เคดา ซึ่งมีเครือข่ายและสมาชิกฝั่งตัวอยู่ในหลายประเทศ หลังก่อการร้ายมาอย่างโชกโชน โดยเฉพาะเหตุการณ์จี้เครื่องบินพุ่งชนตึกเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ในนิวยอร์ก จนทำให้มีผู้บริสุทธิ์เสียชีวิตร่วม 3,000 ศพ หลายประเทศทั่วโลกรวมทั้งสหรัฐฯ เองได้สั่งเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยสถานทูตและสถานที่สำคัญเพื่อป้องกัน การล้างแค้น
ในส่วนปฏิกิริยาของไทยเกี่ยวกับเรื่องนี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวหลังโอบามาแถลงข้อมูลว่า ไทยไม่ได้เกี่ยวข้องอะไร แต่ฝ่ายความมั่นคงต้องประเมินปฏิกิริยาจากฝ่ายต่างๆ เพราะไม่ทราบว่า คนกลุ่มไหนจะมีปฏิกิริยาอย่างไร ยืนยันว่า จะไม่ประมาทต่อเรื่องนี้ ส่วนจะเพิ่มระดับมาตรการป้องกันความปลอดภัยสถานที่สำคัญ เช่น สนามบินหรือไม่นั้น ต้องดูตามความจำเป็นและการข่าว ซึ่งยังไม่ทราบว่าสถานทูตสหรัฐฯ ได้ประสานขอความคุ้มครองมาแล้วหรือไม่
ด้านนายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า การเสียชีวิตของบิน ลาดิน คงไม่มีผลกระทบต่อเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย เพราะจากการประเมินด้านข่าวเห็นตรงกันว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่มีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มก่อการร้าย ทั้งกลุ่มเจไอ และกลุ่มอัล เคดา ดังนั้น คงไม่มีอิทธิพลอะไรให้เกิดผลกระทบต่อพื้นที่ภาคใต้ แต่เจ้าหน้าที่ต้องไม่ประมาท ส่วนที่บิน ลาดิน จะเป็นสัญลักษณ์ต้นแบบของผู้ก่อเหตุต่างๆ นั้น เป็นเรื่องปกติ ถือเป็นความเชื่อในพื้นที่ต่างๆ แต่ไม่ใช่สาระสำคัญ สิ่งที่ต้องดำเนินการในภาพรวมคือ ติดตามสถานการณ์จากหน่วยข่าวที่เป็นมิตรประเทศ โดยเฉพาะปากีสถาน ส่วนหน่วยงานที่ดูแลเรื่องความสงบเรียบร้อยต้องดูแลเฝ้าระวังพื้นที่เป้าหมาย เช่น พื้นที่ผลประโยชน์ของสหรัฐฯ และมิตรประเทศ ซึ่งเรื่องนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ทราบดีอยู่แล้ว และเตรียมการเต็มที่
พล.ต.ต.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ตามที่ปรากฏข่าวสารเกี่ยวกับการเสียชีวิตของ บิน ลาดิน โดยการปฏิบัติการของสหรัฐฯ อาจนำมาซึ่งการตอบโต้จากเครือข่ายขบวนการก่อการร้ายในรูปแบบต่างๆ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้มีหนังสือสั่งการให้ทุกหน่วยในสังกัดทั่วประเทศดำเนินการ โดยให้กองบัญชาการตำรวจสันติบาล (บช.ส.) เพิ่มมาตรการเรื่องการรักษาความปลอดภัยสถานทูต สถานกงสุล และบุคคลสำคัญทางการทูตทุกแห่งในความรับผิดชอบ โดยประสานการปฏิบัติกับฝ่ายรักษาความปลอดภัยอย่างใกล้ชิด
ในส่วนของกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) และกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน (บช.ตชด.) ให้สนับสนุนหน่วยปฏิบัติการพิเศษทางยุทธวิธี เพื่อรักษาความปลอดภัยสถานที่สำคัญ พิจารณาตั้งจุดตรวจ จุดสกัดและตรวจสอบอาคารสูงข่ม จุดสูงข่ม รอบบริเวณ ภายในรัศมี 300 เมตร เพื่อป้องกันอาวุธวิถีโค้ง ขณะที่สำนักงานตรวจคนเข้มเมือง (สตม.) ให้เพิ่มความเข้มในการตรวจตราบุคคลเดินทาง เข้าออกราชอาณาจักรทุกช่องทาง ตลอดจนโรงแรม ที่พักอาศัย แหล่งท่องเที่ยว และสถานที่ชุมนุมของบุคคลสัญชาติเป้าหมาย
โฆษก สตช. กล่าวต่อว่า ให้ทุกหน่วยงานเพิ่มความเข้มและความถี่ในการตรวจตราสถานที่สำคัญ หน่วยงานและ/หรือตัวแทนการค้า การลงทุน โรงแรมและสถานประกอบการของประเทศต่างๆ ที่อาจตกเป็นเป้าหมายในการตอบโต้ โดยให้ประสานงานกับเจ้าหน้ารักษาความปลอดภัยสถานที่ดังกล่าว และกำหนดช่องทางที่ชัดเจนให้สามารถติดต่อสื่อสารระหว่างกันได้ตลอดเวลา ให้ทุกหน่วยประสานงานด้านข้อมูลข่าวสารและการปฏิบัติร่วมกันอย่างใกล้ชิด จริงจังและต่อเนื่อง พร้อมให้ผู้บังคับบัญชาแต่ละระดับลงไปควบคุม กำกับดูแล กวดขัน กำชับและตรวจสอบการปฏิบัติด้วยตนเอง หากมีเหตุฉุกเฉินจำเป็น ให้ทุกหน่วยรายงานศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) ทราบทันที
ขณะที่ พล.ต.ต.สมชาย พัชรอินโต ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 (บกน.5) ในฐานะดูแลรับผิดชอบพื้นที่บริเวณสถานทูตสหรัฐฯ กล่าวว่า หลังเกิดกรณีกองทัพสหรัฐฯ สังหารบิน ลาดิน ได้สั่งการให้ สน.ลุมพินีเพิ่มมาตรการและตำรวจดูแลบริเวณสถานทูตสหรัฐฯ บ้านพักบุคคลสำคัญและบ้านพักทูต ตลอดจนตั้งด่านตรวจหน้าสถานทูตและบริเวณใกล้เคียงเพื่อเฝ้าระวังเหตุ ซึ่ง ณ ขณะนี้ ยังไม่พบเหตุผิดปกติใดๆ
สำหรับบรรยากาศบริเวณหน้าสถานทูต สหรัฐฯ ประจำประเทศไทย ถนนวิทยุ กรุงเทพฯ หลังมีการยืนยันถึงการสังหาร บิน ลาดิน นั้น พบว่า ยังคงเปิดทำการและมีเจ้าหน้าที่ของสถานทูตรักษาความปลอดภัยตามปกติ ทั้งด้านหน้าและด้านใน รวมถึงบนสะพานลอยคนข้าม ซึ่งเจ้าหน้าที่ 1 คน ได้เดินตรวจสอบความเรียบร้อย สมทบด้วยตำรวจและรถวิทยุสายตรวจปฏิบัติการพิเศษหรือ 191 จำนวน 1 คัน และตำรวจ สน.ลุมพินีประจำหน้าสถานทูต ส่วนช่วงกลางคืนมีการตั้งด่านความมั่นคง พร้อมเสริมตำรวจสายสืบนอกเครื่องแบบและตำรวจสันติบาลตรวจตรา
ส่วนบริเวณหน้าสถาน กงสุลใหญ่สหรัฐฯ ถ.วิชยานนท์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ พบว่า มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสถานทูตทำหน้าที่ตามปกติ แต่ค่อนข้างเข้มงวดในเรื่องระเบียบปฏิบัติกับผู้ไปติดต่อรับบริการ โดยมีตำรวจสายตรวจเดินทางไปตรวจสอบความเรียบร้อยเป็นระยะๆ
มีรายงานเพิ่มเติมว่า หลังเกิดเหตุสังหาร บิน ลาดิน ทางการสหรัฐฯ และหน่วยงานด้านความมั่นคงของไทยได้เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจตราสถานทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย สำนักงานต่างๆ ของสถานทูตสหรัฐฯ หน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ อื่นๆ บริษัทเอกชนและองค์กรเชิงสัญลักษณ์ของสหรัฐฯ ในประเทศไทย เช่น สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์การแพทย์ทหาร สำนักงานใหญ่รักษาความมั่นคงทางการทูตประจำกระทรวงการต่างประเทศ ศูนย์ควบคุมโรคติดต่อ สำนักงานปราบปรามยาเสพติด สำนักงานทูตเกษตร ศูนย์แก้ไขปัญหาทหารอเมริกันที่สาบสูญ กองกำลังพิเศษที่ 1 คณะที่ปรึกษาทางการทหารสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย (จัสแมกไทย) โครงการจัดส่งผู้ลี้ภัยอย่างมีระเบียบ หน่วยอาสาสมัครสันติภาพในประเทศไทย และองค์การเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐฯ เป็นต้น
ขณะเดียวกัน จากการตรวจสอบมาตรการรักษาความปลอดภัยท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ภายหลัง บิน ลาดิน เสียชีวิต พบว่ามีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและตำรวจตรวจคนเข้าเมืองบริเวณอาคารผู้โดยสารจำนวนมากกว่าปกติ รวมทั้งมีการตรวจตราและสังเกตการณ์ทางเข้า-ออกอย่างใกล้ชิด.
未经允许不得转载:综合资讯 » ไทยไม่ประมาท สมุนบินลาดินยึดหัวหาดล้างแค้น