แม้ “ยิ่งลักษณ์” จะได้เปรียบเรื่อง เป็นนักการเมืองหน้าใหม่ มีความสดทางการเมือง ใช้ความเป็นผู้หญิงที่มีความนิ่มนวลอย่างได้ผล แต่ก็ปฏิเสธ ไม่ได้อีกเช่นกันว่า ปรากฏเงา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีอยู่เบื้องหลัง คอยสนับสนุนอย่างเต็มที่ ทำให้สังคมเชื่อได้เช่นกันว่าเพื่อเป้าหมาย การนิรโทษกรรม โดยไม่มีความผิด
ขณะ”อภิสิทธิ์”ออกมาโวย อ้างว่าเป็นกลยุทธ์พรรคคู่แข่ง ทั้งให้กลุ่มคนเสื้อแดงออกมาขัดขวางการหาเสียง หรือการสร้างวาทกรรม “ดีแต่พูด” “เก่งแต่กู้” รวมไปถึง “นายกฯสั่งฆ่าประชาชน” ร้อนจนถึงขั้นพรรคปชป. ต้องจัดหนัก เสี่ยงเปิดเวทีปราศรัยใหญ่…
แล้วก็เวียนมาบรรจบครบรอบอีกครั้งใน วันที่ 24 มิถุนายน 2554 นับถึงวันนี้ ประชาธิปไตยของไทยก็มีอายุครบ 79 ปีพอดี หลังจากเกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครองโดยคณะราษฎร จากระบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ไปเป็นระบอบประชาธิปไตยเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 โดย 79 ปีผ่านไปถนนสายประชาธิปไตยไทย ยังเต็มไปด้วยขวากหนาม รัฐธรรมนูญไทยถูกฉีกซ้ำแล้วซ้ำเล่า ประชาธิปไตยของประเทศยังคงต้องเรียกว่า ล้มลุกคลุกคลานมาตลอดระยะทางที่ยาวนาน
ย้อนกลับไปวันนี้ เมื่อ 79 ปีที่แล้ว คณะราษฎร ได้นำทหารบกและทหารเรือมารวมตัวกันบริเวณรอบพระที่นั่งอนันตสมาคม ประมาณ 2,000 คน ตั้งแต่เวลาประมาณ 5 นาฬิกา โดยอ้างว่าเป็นการสวนสนาม จากนั้นนายพันเอกพระยาพหลพลพยุหเสนา ได้อ่าน ประกาศคณะราษฎร ฉบับที่ 1 ณ บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า เสมือนประกาศยึดอำนาจการปกครอง ก่อนจะนำกำลังแยกย้ายไปปฏิบัติการต่อไป
หลักฐานประวัติศาสตร์ในเหตุการณ์ครั้งนี้ เป็นหมุดทองเหลืองฝังอยู่กับพื้นถนนบนลานพระบรมรูปทรงม้าด้านสนามเสือป่า ณ ตำแหน่งที่พระยาพหลพลพยุหเสนาอ่านประกาศคณะราษฎร นิยมเรียกกันว่า หมุดคณะราษฎร มีข้อความว่า “ณ ที่นี้ ๒๔ มิถุนายน ๒๔๗๕ เวลาย่ำรุ่ง คณะราษฎรได้ก่อกำเนิดรัฐธรรมนูญเพื่อความเจริญของชาติ”
ในยุคนั้น ถือเอาวันที่ 24 มิถุนายน เป็นวันชาติไทย และมีการประพันธ์เพลง “วันชาติ 24 มิถุนา” โดยครูมนตรี ตราโมท
….นั่นเป็นประวัติศาสตร์คร่าวๆ ที่ได้มีการบันทึกเอาไว้ แต่ประชาธิปไตยไทยในวันนี้ไม่ใช่เรื่องการต่อสู้ระหว่างลัทธิเสรีนิยมกับคอมมิวนิสต์เหมือนในอดีตอีกต่อไปแล้ว ปัจจุบันกลับกลายเป็นปัญหาความแตกแยกอย่างรุนแรงมากที่สุด ของคนในชาติอย่างไม่เคยมีมาก่อน จนสังคมต้องเรียกหาความสมานฉันท์ปรองดองกันขนานใหญ่ เป็นปัญหาของการแย่งชิงอำนาจทางการเมืองของ 2 พรรคการเมืองใหญ่ ประชาธิปัตย์-เพื่อไทย ที่พรรคหนึ่ง นำโดย อดีตนายกรัฐมนตรี รูปหล่อ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กับอีกพรรคที่นำโดยสุภาพสตรีหนึ่งเดียว และ ถือคนแรกในประวัติศาสตร์การเมืองของไทย ที่หาญกล้าเข้ามาอาสาเข้ามาชิงตำแหน่งผู้นำประเทศ น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ส.ส. ระบบบัญชีรายชื่อ อันดับ 1 พรรคเพื่อไทย ยิ่งเมื่อเข้าสู่ช่วงการเลือกตั้ง กลยุทธ์ต่างๆ ที่จะทำให้พรรคได้รับกระแสนิยม หรือ ช่วงชิงพื้นที่สื่อฯ ได้ จะถูกระดมนำออกมาใช้เพื่อเป้าหมาย ให้พรรคของตัวเองมีโอกาสได้รับเลือกมากที่สุด
ขณะที่ ไม่สามารถจะปฏิเสธได้ว่า พรรคการเมือง ที่จะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้งครั้งนี้ โอกาสเป็นของ พรรคเพื่อไทย-ประชาธิปัตย์ มากที่สุด ส่วนประเด็นที่อาจมีนายกรัฐมนตรีมาจากพรรคขั้วที่ 3 หรือพรรคขนาดเล็ก ต้องยอมรับว่ามีความเป็นไปได้น้อยมาก พอๆ กับกรณีอาจเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองล้มกระดานการเลือกตั้งที่กำลังจะมีขึ้น ในอีกประมาณ 10 วัน ที่จะถึงนี้
จนถึงขณะนี้เอง เกมการเมืองส่อเค้ารุนแรงมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะต้องจับตาอย่างใกล้ชิดในช่วงอาทิตย์สุดท้ายก่อนวันลงคะแนนเลือกตั้ง 3 ก.ค. พรรคการเมืองคู่ขัดแย้งทั้ง 2 ฝ่าย น่าจะมีการงัดกลยุทธ์ แบบมีกลเม็ดเด็ดพรายอะไร เท่าไหร่ใส่ไปทั้งหมด เพื่อช่วงชิงความได้เปรียบให้ได้มากที่สุด เป้าหมาย คือชนะการเลือกตั้งได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งตอนนี้ผลโพลจากทุกสำนักต่าง ก็ยกให้พรรคเพื่อไทยได้เปรียบมีคะแนนนำพรรคประชาธิปัตย์และมีโอกาสชนะการเลือกตั้ง อีกทั้งยังน่าเป็นห่วงปัญหาความรุนแรง เรื่องการยิงหัวคะแนนพรรคการเมือง เพื่อความได้เปรียบในการเลือกตั้งที่มีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้น ซึ่งหน่วยงานที่รับผิดชอบการเลือกตั้ง ทั้ง คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.)จะต้องมีหน้าที่ดูแลอย่างเข้มงวด
ที่ผ่านมาก็ปรากฏชัด โดยเฉพาะคู่ชิงแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี จากพรรคประชาธิปัตย์ กับ พรรคเพื่อไทย อภิสิทธิ์-ยิ่งลักษณ์ ที่มีการสาดโคลนเข้าหากันทั้ง 2 ฝั่ง อดีตนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ต้องออกมาโวย อ้างว่าเป็นกลยุทธ์พรรคคู่แข่ง ทั้งให้กลุ่มคนเสื้อแดงออกมาขัดขวางการหาเสียง หรือ การสร้างวาทกรรม “ดีแต่พูด” “เก่งแต่กู้” รวมไปถึง “นายกฯสั่งฆ่าประชาชน” ร้อนจนถึงขั้นพรรค ปชป. ต้องจัดหนัก เสี่ยงเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ ที่ แยกราชประสงค์เมื่อวานที่ผ่านมา ชี้แจงขั้นตอน ทำอย่างไรให้อนาคตประเทศไทยก้าวเดินไปข้างหน้า แต่ที่ผ่านมาต้องยอมรับว่า พรรคประชาธิปัตย์มีจุดอ่อนเรื่อง บริหารงานมา 2 ปีเศษ ข้าวของ ทั้งอุปโภค,บริโภค ขึ้นราคา โดยเฉพาะเรื่องที่อยู่ในใจประชาชนคือ ราคาอาหาร และน้ำมันพืชแพงและขาดแคลนอย่างหนัก
หันกลับมาทางด้านพรรคเพื่อไทย ถึงแม้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะได้เปรียบเรื่อง เป็นนักการเมืองหน้าใหม่ มีความสดทางการเมือง ใช้ความเป็นผู้หญิงที่มีความนิ่มนวลอย่างได้ผล แต่ก็ปฏิเสธ ไม่ได้อีกเช่นกันว่า มีข้อครหา ปรากฏเงา พี่ชาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีอยู่เบื้องหลัง คอยสนับสนุนอย่างเต็มที่ ซึ่งทำให้สังคมเชื่อได้เช่นกันว่า ที่ต่อสู้ทางการเมืองทั้งหมดมา 2 ปี เพื่อเป้าหมาย การนิรโทษกรรมกลับประเทศไทยโดยไม่มีความผิด และ ต้องได้ทรัพย์สินคืนทั้งหมด และสังคมเองก็ยังคลางแคลงใจในความสามารถของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ อยู่ไม่น้อย เพราะไม่มีประสบการณ์ทางการเมืองมาก่อน พอเข้ามาเล่นการเมือง ก็ลงชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีทันที รวมไปถึงการพยายามหลีกเลี่ยงตอบคำถาม หรือข้อสงสัยของสังคม ทั้งเรื่องพ.ต.ท.ทักษิณ การนิรโทษกรรม เรื่อง นปช. ที่บอกว่า เพื่อไทย กับแกนนำนปช.ไม่เกี่ยวกัน แต่ปรากฏว่าแกนนำเสื้อแดงเกือบทั้งหมด มีรายชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อปาร์ตี้ลิสต์พรรค ลำดับต้นๆ การที่กลุ่มคนเสื้อแดงมีกลยุทธ์ไปป่วนการหาเสียงของคู่แข่งตลอดเวลา และ สุดท้ายยังไม่ยอมเข้าร่วมแสดงวิสัยทัศน์ แต่ส่ง นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ ปาร์ตี้ลิสต์ลำดับ 2 ดีเบตแทน
เมื่อวานที่ผ่านมาประชาชนทั่วทั้งประเทศ คงได้ชมและฟังการดีเบต แสดงวิสัยทัศน์ ของหัวหน้าและตัวแทนจากพรรคการเมือง ทั้ง 6 พรรค ที่มหาวิทยาลัยศรีปทุม ย่านบางเขนแล้ว ใครจะตัดสินใจอย่างไร ถือเป็นสิทธิ์ที่สามารถกระทำได้ ปัญหาการเมืองไทย ที่เกิดขึ้นตลอด 5-6 ปี ที่ผ่านมา จะจบลงอย่างไร ประเทศชาติจะกลับเข้าสู่ความสงบ อย่างที่ทุกคนคาดหวังหรือไม่ สุดท้าย วันอาทิตย์ ที่ 3 ก.ค.ที่จะถึงนี้ ประชาชนทุกคนที่เป็นเจ้าของประเทศจะเป็นผู้ตอบคำถามนี้ด้วยการเลือกตั้ง ดังนั้นเราจึงไม่ควรนอนหลับทับสิทธิ์
QQ
未经允许不得转载:综合资讯 » ครบรอบ79ปี บนถนนสายประชาธิปไตย