“ดับไฟประเทศ” หรือ “โหมไฟประเทศ”
23 มิถุนายน “ยกตัดสิน” ของพรรคประชาธิปัตย์ พ่วงเดิมพันชะตากรรมการเมืองไทย
ณ สังเวียนเวทีปราศรัยราชประสงค์ “ดงเลือดคนเสื้อแดง” ไฟต์บังคับ “จัดเต็ม” ตามโพยรายชื่อ “มวยแม่เหล็ก” ที่ขึ้นบอร์ดล่วงหน้า เรียกกองเชียร์พ่อยกแม่ยก ไล่ตั้งแต่ “เทพเทือก” นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรค นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองหัวหน้าพรรค นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรค และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค เรียงตามลำดับไหล่ ได้เวลาปราศรัยเรียง คนละ 40 นาที
2 ชั่วโมง กับ 40 นาที ต้องน็อก “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ให้ได้
เรื่องของเรื่อง ไม่แน่ใจว่า “ข้อเท็จจริง” บนเวทีราชประสงค์จะมีอะไรที่เป็น “เวอร์ชั่นใหม่”
ผิดแผกแตกต่างไปจากข้อเท็จจริงที่นายอภิสิทธิ์ ให้สัมภาษณ์นักข่าววันละ 3 เวลา หลังอาหาร พูดในรายการวิทยุประจำสัปดาห์ ตลอดช่วงระยะเวลา 1 ปีกว่าหลังเกิดเหตุสลายการชุมนุมเดือนพฤษภาคม 2553 “ข้อเท็จจริง” ที่นายกฯอภิสิทธิ์ลุกขึ้นตอบในเวทีอภิปรายไม่ไว้วางใจ
หรือข้อเท็จจริงที่นายอภิสิทธิ์ยืนโต้คารมแบบสดๆกับแม่ค้าเสื้อแดงที่ยกป้ายถามใครสั่งฆ่า 91 ศพ ระหว่างการเดินตลาดหาเสียง ไปยันข้อเท็จจริงล่าสุดที่นายอภิสิทธิ์ ร่ายยาวบน “เฟซบุ๊ก” 4–5 ตอน
ยังไม่นับข้อเท็จจริงที่ “เทพเทือก” พร่ำวาทกรรมอยู่ตลอดว่า “ไอ้โม่งชุดดำ” แฝงตัวในม็อบฆ่าทหาร คนเสื้อแดงเผาบ้านเผาเมือง ตามท้องเรื่อง ขู่กระตุกขวัญคนกรุงเทพฯอย่าลืมพฤติกรรมของฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง
ไหนจะข้อเท็จจริงที่ “เดอะคึก” นายเทพไท เสนพงศ์ โทรโข่งประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรค นายบุญยอด สุขถิ่นไทย รองโฆษกพรรค ที่ใช้ปมเผาบ้านเผาเมือง ถล่มคนเสื้อแดง โยงเข้าหาพรรคเพื่อไทย ทุกครั้งที่มีจังหวะ
นี่ว่ากันแค่ “ข้อเท็จจริง” ในมุมของคนประชาธิปัตย์
ซึ่งขัดกันอย่างสิ้นเชิงกับ “ข้อเท็จจริง” ของแกนนำคนเสื้อแดง และทีมงานพรรคเพื่อไทย ที่เปิดฉากโต้กลับ “ทีมซุ่มอยู่ในราบ 11” อยู่เบื้องหลังสั่งการฆ่า 91 ศพ บาดเจ็บอีกว่า 2,000 ราย
ซัดกันไปซัดกันมาตลอด 1 ปีเต็มๆ
หรือจะว่ากันด้วย “ข้อเท็จจริง” ของคนกลางๆ ที่องค์การสิทธิมนุษยชนโลกอย่าง “ฮิวแมน ไรท์ วอช” ฟันธง กระสุนที่ยิงคนเสื้อแดงในการสลายชุมนุมมาจากเจ้าหน้าที่ “ข้อเท็จจริง” ในผลสอบของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ที่หลุดออกมาว่าเจ้าหน้าที่ยิงใส่คนเสื้อแดง “ข้อเท็จจริง” ที่คณะกรรมการอิสระชุดของนายคณิต ณ นคร สรุปว่า กรณีฆ่าโหด 6 ศพ ในวัดปทุมฯยิงมาจากรางรถไฟฟ้าบีทีเอส ที่มีเจ้าหน้าที่ประจำการอยู่
“ข้อเท็จจริง” ฟุ้งกระจาย
เฝือจนไม่เห็นช่องว่าจะมี “ข้อเท็จจริง” ตรงไหนที่ “หลุด” ออกไปจากนี้
มันจึงเป็นอะไรที่มองไม่เห็นผลทางบวกกับสังคมที่จะเกิดขึ้นจากปรากฏการณ์ตั้งเวทีปราศรัยราชประสงค์ นอกเหนือจากเป้าหมายแค่ “ฉายซ้ำภาพ” ตอกย้ำภาพเผาบ้านเผาเมือง หวังกระตุกขวัญคนเมืองกรุงฯให้กลับใจมาเลือกพรรคประชาธิปัตย์
ไล่ช้อนแต้มที่ไหลไปตามกระแสโพล
เมื่อเป้าหมายอยู่ตรงนี้ มันก็ต้องวัดกันอีกว่า ระหว่าง “ข้อเท็จจริง” เรื่องคนเสื้อแดงเผาบ้านเผาเมือง กับ “ข้อเท็จจริง” เรื่องน้ำมันปาล์มราคาพุ่งทะลัก แถมขาดตลาด จนต้องเข้าคิวแย่งกันซื้อ ชกต่อยกันปากแตก “ข้อเท็จจริง” เรื่องไข่ราคาแพงจนต้องคิด “ชั่งกิโล” ขาย ราคาหมูคุมไม่อยู่ ไปยันสินค้าอุปโภคบริโภคในยุครัฐบาลประชาธิปัตย์ที่พาเหรดขึ้นราคา ความเดือดร้อนลามถึงปากท้องประชาชน
“ข้อเท็จจริง” อันไหนจะกระตุกอารมณ์คนในการพิจารณา “กากบาท” บัตรเลือกตั้งมากกว่า
เหนืออื่นใด มันยังมีช็อตต้องลุ้นมากกว่านั้น
ตามสถานการณ์ที่เซียนยี่ห้อ “สุวัจน์ ลิปตพัลลภ” บอสใหญ่พรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน ออกมากระตุกให้ระวัง “เดดล็อก” ทางการเมือง เตือนนักเลือกตั้งอย่าพยายามสร้างเงื่อนไขเปิดทางเกมล้มกระดาน
อารมณ์เดียวกับมังกรการเมืองระดับ “บรรหาร ศิลปอาชา” หลงจู๊ใหญ่พรรคชาติไทยพัฒนา ยังออกอาการกลัวปากคนยี่ห้อประชาธิปัตย์ ดักคออย่าพูดให้เลยเถิด จะเกิดเหตุการณ์ความวุ่นวายแน่
เอาเป็นว่า ถ้าภาวะ “โรคแทรกซ้อน” ผลลุกลามจากเวทีปราศรัยใหญ่แยกราชประสงค์ “ก่อชนวน” บานปลาย โหมไฟลามจนคุมเพลิงไม่อยู่
พรรคประชาธิปัตย์พรรคเดียว ต้องรับผิดชอบเต็มๆ.
ทีมข่าวการเมือง รายงาน
』』
未经允许不得转载:综合资讯 » ‘วัดดวง’ คุ้มกันหรือไม่