综合资讯
当前位置:综合资讯 > 资讯 > 泰国新闻 > 正文

เสียงร้องของคนชรา ของขวัญรัฐบาลใหม่

บุญยืน – โสภาพรรณ
นักวิเคราะห์ทางการเมืองฟันธง พรรคเพื่อไทยสามารถชนะพรรคคู่แข่งในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 3 ก.ค.ที่ผ่านมาแบบถล่มทลาย เหตุผลหนึ่งเป็นเพราะกระแส “เบื่อมาร์ค อยากได้ปู โคลนนิ่งแม้ว” สวมบทนารีขี่ม้าขาวมาช่วยสางปัญหาให้บ้านเมือง มาแรงแซงทุกกระแส แต่จะสางได้จริงจังสักแค่ไหนนั้นเป็นอีกเรื่อง
ไล่เรียงดูเฉพาะนโยบายหลักที่พรรคเพื่อไทย ภายใต้การนำของ 2 ศรีพี่น้อง ยิ่งลักษณ์+ทักษิณ ชินวัตร ได้ประกาศหาเสียงเอาไว้ก่อนหน้า มีทั้งนโยบายเร่งด่วน ไม่เร่งด่วน และยังไม่มีกำหนด
เป็นต้นว่า 1. โครงการพัฒนารถไฟฟ้าในกรุงเทพฯ และปริมณฑล 10 สาย เก็บค่าบริการ 20 บาทตลอดสาย ใช้งบประมาณราว 250,000 ล้านบาท 2. ลงทุนรถไฟความเร็วสูงต่อยอดโครงการแอร์พอร์ตลิงก์ ไปถึงฉะเชิงเทรา พัทยา ชลบุรี ใช้งบฯ 78,000 ล้านบาท 3. พัฒนารถไฟความเร็วสูงจากหนองคาย-กรุงเทพฯ และกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ใช้เงินลงทุนราว 100,000 ล้านบาท
4. พัฒนาระบบชลประทานในพื้นที่ 25 ลุ่มน้ำ เพื่อให้เกษตรกรในพื้นที่มีน้ำใช้เพาะปลูกพืชผลทางการเกษตร เพื่อตอบสนองโครงการครัวไทย คือ ครัวโลก ใช้งบฯอีกราวๆ 400,000 ล้านบาท 5. ฟื้นโครงการ 30 บาท รักษาทุกโรคขึ้นใหม่ ใช้งบประมาณร่วม 130,000 ล้านบาท 6. เริ่มโครงการบัตรเครดิตชาวนา เลิกประกันรายได้ หันมาใช้วิธีจำนำข้าวแทน มูลค่าโครงการตก 300,000 ล้านบาท
7. บัตรเครดิตมันสำปะหลัง สนับสนุนการผลิตเอทานอล ใช้เงินลงทุน 174,000 ล้านบาท 8. โครงการบ้านหลังแรกสามารถหักภาษีได้ ต้องใช้เงินไม่น้อยกว่า 48,000 ล้านบาท 9. โครงการซื้อรถคันแรก ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท ได้คืนภาษีสรรพสามิต ต้องใช้เงินอุดหนุนประมาณ 75,000 ล้านบาท
10. เพิ่มเงินกองทุนหมู่บ้านอีกแห่งละ 1 ล้านบาท ต้องใช้งบประมาณราว 80,000 ล้านบาท 11. โครงการเอสเอ็มแอล ใช้เงินลงทุนไม่น้อยกว่า 93,000 ล้านบาท 12. โครงการ 1 เด็กนักเรียน 1 แท็บเล็ต เพื่อยกระดับการศึกษา ใช้วงเงินไม่ต่ำกว่า 27,500 ล้านบาท 13. ให้กองทุนตั้งตัวมหาวิทยาลัยละ 1,000 ล้านบาท คาดว่าจะใช้เงินไม่ต่ำกว่า 100,000 ล้านบาท
14. โครงการถมทะเล สร้างเมืองใหม่พื้นที่ 2 แสนไร่ ให้เป็นศูนย์กลางไอที การเงิน การประมง และการท่องเที่ยว ใช้งบฯกว่า 100,000 ล้านบาท และ 15. นโยบายเพิ่มเบี้ยยังชีพคนชราแบบขั้นบันได กำหนดตามอายุ เช่น 60 ปีได้รับเดือนละ 600 บาท อายุ 70 ปีได้ 700 บาท 80 ปีได้ 800 บาท และอายุ 90 ปีขึ้นไปได้รับเดือนละ 1,000 บาท
เป็นที่คาดนโยบายประชานิยมกับผู้สูงอายุนี้ ทำให้รัฐบาลใหม่ต้องใช้งบประมาณเพิ่มจากเดิม 30,000 ล้านบาท เป็น 45,000 ล้านบาทเป็นอย่างต่ำ
ไม่เพียงรัฐบาลใหม่มีภาระหนักหนาสาหัสต้องหาเงินไม่ต่ำกว่า 2.3 ล้านล้านบาท มาทอฝันให้เป็นจริงตามที่ได้หาเสียงเอาไว้ ระหว่างเส้นทางสู่ทำเนียบรัฐบาล ภายใต้แรงบีบจากพรรคร่วมรัฐบาล กลุ่ม นปช. และ ส.ส.ในพรรคเพื่อไทยเอง ที่สวมวิญญาณชูชกเรียกร้องตำแหน่งโควตารัฐมนตรีกันให้ฝุ่นตลบ ยังเป็นอีกภาระใหญ่ที่ท้าทาย
ในห้วงเวลาที่ “รัฐบาลปู 1” ่ต้องเผชิญกับมรสุมข้อเรียกร้องจากรอบด้าน หากลองโฟกัสไปที่กลุ่มผู้ด้อยโอกาสในสังคม อย่าง ผู้สูงอายุตามบ้านพักคนชรา น่าสนใจว่าหากคนกลุ่มนี้อยากเรียกร้องบางอย่างจากว่าที่รัฐบาลใหม่ของพวกเขาบ้าง อะไรน่าจะเป็นของขวัญชิ้นที่คนกลุ่มนี้โหยหามากที่สุด
“ อยากได้เนื้อหมู หรือเนื้อไก่ กลับมาอยู่ในจานอาหารทุกมื้อเท่าเดิม”
บุญยืน สมบุญ หญิงชราวัย 77 ปี หนึ่งในสมาชิกจากบ้านพักคนชรา “วาสนะเวศม์” อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา พูดถึงของขวัญชิ้นแรกที่เธอรอคอย หากรัฐบาลใหม่เห็นว่าไม่เป็นการเหลือบ่ากว่าแรง
บุญยืนบอกว่า ก่อนที่เธอจะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในบ้าน“วาสนะเวศม์” เธอเคยทำงานที่โรงงานทอผ้าแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ และผ่านชีวิตสมรสมาแล้ว แต่ไม่มีลูกกับสามี กระทั่งเมื่อ 10 ปีก่อน หรือปี 2544 สามีของเธอไปมีภรรยาใหม่ ทั้งคู่จึงต้องแยกทางกันโดยปริยาย
“ตอนนั้นเรารู้สึกว่าตัวคนเดียว ไม่เหลือใครแล้ว อายุก็ปาเข้าไปตั้ง 67 จึงตัดสินใจขายบ้านได้เงินมาก้อนหนึ่ง กะเอาไว้ใช้ดูแลตัวเองในบั้นปลาย และตัดสินใจเข้ามาอยู่ที่นี่ ตั้งแต่เมื่อปี 2546”
เธอว่า ช่วงแรกที่เข้ามาอยู่ “วาสนะเวศม์” รัฐบาลจ่ายค่าอาหารให้ผู้สูงอายุวันละ 48 บาทต่อคน เพิ่งจะเมื่อปีที่แล้วนี้เอง ที่ขยับเพิ่มให้เป็นวันละ 60 บาทต่อคน หรือเฉลี่ยมื้อละ 20 บาท
บุญยืน บอกว่า งบประมาณที่รัฐจ่ายให้เป็นค่าอาหารผู้สูงอายุในบ้านพักคนชราหัวละ 60 บาทต่อวัน ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจข้าวยากหมากแพงอย่างเช่นทุกวันนี้ พวกเธอเข้าใจดีว่าหน่วยงานซึ่งทำอาหารเลี้ยงดู จำเป็นต้องลดทอนอาหารจำพวกเนื้อสัตว์ลงบ้างเพราะมีราคาแพง เพื่อให้สอดคล้องกับงบประมาณรายหัวที่ได้รับจากหลวง
เธอว่า เคยคุยเล่นกันกับเพื่อนผู้สูงอายุ เพื่อนบางคนบ่นว่า อยากกินเป็ดย่าง หรือเป็ดพะโล้บ้าง เพราะไม่ได้กินอาหารเหล่านี้มานาน จนเกือบจะจำไม่ได้แล้วว่า เป็ดย่างหรือเป็ดพะโล้คำสุดท้ายเคยผ่านลิ้นพวกเขามาเมื่อไร แต่บุญยืนบอกว่า พวกเธอรู้ตัวดี สัตว์ปีกชนิดนี้ราคาแพง คงเป็นไปได้ยาก นอกจากจะมีผู้ใจบุญมาจัดเลี้ยงให้
“พวกเราผ่านการใช้ชีวิตมาพอสมควร ทุกวันนี้ขอแค่ได้กินอิ่ม นอนอุ่นก็พอใจ แต่ถ้าถามว่าหากขอได้ อยากได้อะไรจากรัฐบาลชุดใหม่ที่สุด สำหรับป้าขอแค่ในจานอาหารแต่ละมื้อ เคยมีเนื้อหมูให้ทาน 3–4 ชิ้น ก็ขอให้มีเท่าเก่า ไม่ลดเหลือแค่มื้อละ 1–2 ชิ้นอย่างทุกวันนี้ เท่านีี้ป้าก็ชื่นใจ”
ยุพา วงศ์จรัส วัย 76 ปี สมาชิกอีกคนของบ้าน “วาสนะเวศม์” บอกว่า ถ้าขอได้จากรัฐบาลชุดใหม่ เธอไม่ต้องการอะไรมากไปกว่า การเพิ่มค่าอาหารจากหัวละ 60 บาทต่อวัน เป็นหัวละ 80 บาท
“เราอายุมากแล้ว อยากกินอะไรที่มันย่อยง่าย อีกอย่างหมอห้ามไม่ให้ป้ากินพวกสัตว์ปีก แต่ว่าเวลานี้เนื้อไก่มันถูกกว่าเนื้อสัตว์อย่างอื่น ระยะหลังเลยเจอไก่ถี่หน่อย ถ้ารัฐบาลเขาเพิ่มค่าอาหารให้อีกวันละ 20 บาทต่อหัว เผื่อว่าบางมื้อเขาอาจมีอาหารประเภทปลา มาสลับกับหมูหรือไก่มั่ง ป้าต้องการแค่นี้”
ยุพา บอกว่า ของขวัญอีกชิ้นที่ผู้สูงวัยอย่างเธอปรารถนาจากสังคมภายนอกทั่วไปก็คือ การมาเยี่ยมเยียนและบริจาคปัจจัย เพื่อให้คนชราผู้ด้อยโอกาสอย่างพวกเธอ ได้กิน ได้ใช้ และใส่บาตรทำบุญบ้าง
“ถึงพวกเราจะต่างจากคนชราทั่วไปที่โชคดีกว่าตรงที่ได้ใช้ชีวิตอยู่กับลูกหลานตามบ้าน แต่เราก็เหมือนกับคนแก่ทั่วไป ที่อยากจะมีเงินส่วนหนึ่งไว้ทำบุญกุศลสะสมไว้ชาติหน้า เพื่อว่าเกิดมาจะได้ไม่ต้องลำบากเหมือนชาตินี้อีก”
ใช่ว่ามีแต่เสียงร่ำร้องจากคนชราผู้ด้อยโอกาสในสังคม ไหนๆอีกไม่กี่วันข้างหน้า คนไทยจะได้รัฐบาลใหม่ทั้งที
โสภาพรรณ ทุมโฆษิต ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุ บ้านพักคนชรา“วาสนะเวศม์” ในฐานะหัวเรือใหญ่ที่ต้องดูแลทุกข์สุขของคนชรา 184 ชีวิตและผู้ใต้บังคับบัญชาอีก 40 ชีวิต บอกว่า เธอขออนุญาตส่งเสียงไปถึงรัฐบาลใหม่ที่กำลังจะเข้ามาดูแลปัญหาคนชราด้วยอีกคน
โสภาพรรณ บอกว่า ขณะนี้สังคมไทยได้เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุแล้ว มีผู้สูงอายุทั่วประเทศประมาณ 7 ล้านคน หรือ 11 % ของประชากร ซึ่งเป็นภาระที่สังคมต้องช่วยกันดูแล แต่ในความเป็นจริง เวลานี้มีผู้สูงอายุจำนวนมากถูกคนในครอบครัวทอดทิ้ง ผลักไส หรือไม่เลี้ยงดู ปล่อยให้เป็นภาระของสังคมและทางราชการซึ่งมีภาระล้นอยู่แล้ว
“ถ้าขอได้ สิ่งที่อยากจะวิงวอนไปยังรัฐบาลใหม่ ก็คือ ช่วยเพิ่มอัตรากำลังบุคลากรหรือเจ้าหน้าที่ซึ่งต้องดูแลผู้สูงอายุจำนวนมาก ให้สอดคล้องกับภารกิจที่มีอยู่ และควรเพิ่มขวัญกำลังใจให้แก่คนทำงานเหล่านั้น ด้วยการบรรจุแต่งตั้งผู้ที่เป็นลูกจ้างชั่วคราว ให้เป็นลูกจ้างประจำหรือพนักงานข้าราชการตามความเหมาะสม เพื่อเขาจะได้มีสิทธิเหมือนข้าราชการ หรือได้รับการพิจารณาเลื่อนขั้นเงินเดือนทุกปี”
โสภาพรรณ บอกว่า ทุกวันนี้ผู้ใต้บังคับบัญชาของเธอถึง 17 คน ยังมีสถานะเป็นแค่ลูกจ้างชั่วคราว บางคนทำงานมากว่า 10 ปี ได้เงินเดือน 5,000 บาท ไม่สอดคล้องกับภารกิจหนักที่แต่ละคนต้องแบกไว้เต็มบ่า
“อีกเรื่อง ถ้าเป็นไปได้อยากให้รัฐบาลใหม่ช่วยส่งเสริมให้แต่ละองค์กรปกครองท้องถิ่น เช่น อบต. หรือเทศบาลต่างๆ มีเจ้าหน้าที่อาสาสมัครดูแลผู้สูงอายุในชุมชนของตน ซึ่งนอกจากเป็นประโยชน์แก่คนในท้องถิ่นนั้นๆเอง ยังเป็นตัวช่วยสกัดมิให้ปัญหาคนชราในสังคมถูกทอดทิ้งลุกลาม”
“ถ้ารัฐบาลใหม่ สามารถทำทั้ง 2 เรื่องนี้ให้เป็นจริงได้ มั่นใจค่ะว่าคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุในเมืองไทย ดีขึ้นกว่าที่ผ่านมาอย่างแน่นอน” โสภาพรรณ ทิ้งท้าย.

∑∑

未经允许不得转载:综合资讯 » เสียงร้องของคนชรา ของขวัญรัฐบาลใหม่

赞 (0)
分享到:更多 ()