มุมมองจากชั้น 20 ของเคแอล ทาวเวอร์ ทำให้กรุงกัวลาลัมเปอร์ยามโพล้เพล้ งดงามไปอีกแบบ.
การได้กลับมาสถานที่ที่เคยมา บางทีก็เหมือนเดินทางย้อนอดีต แต่กับการมา กรุงกัวลาลัมเปอร์ หนล่าสุด กลับได้เห็นถึงการก้าวไปข้างหน้าของเมืองหลวงแห่งประเทศมาเลเซีย ว่ากันตั้งแต่ก้าวแรกที่เหยียบลงดินแดนทางใต้ของไทยแห่งนี้ ที่สนามบินนานาชาติกัวลาลัมเปอร์ ดูโดยรวม รูปลักษณ์อาจคล้ายสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ แต่มาผิดแผกมากก็ตรงที่การเดินทางจากจุดที่เครื่องบินลงจอดกับอาคารผู้โดยสาร เขาใช้ระบบรางมาขนทั้งคนและของ ซึ่งแม้จะเป็นสายสั้นๆ แต่หากมองกันยาวๆ ความสะดวกและไม่ เสียเวลามาก ถือเป็นเรื่องจำเป็นของคนเดินทางมาไกล
มัสยิดปุตรา มัสยิดสีชมพู ที่สวยอลังการริมทะเลสาบ ในเมืองหลวงใหม่.
แม้ภารกิจหลักของการมาในครั้งนี้อยู่ที่ เพื่อเป็นสักขีพยานการซ้อมใหญ่ของ นักร้องหนุ่ม อ๊อฟ ปองศักดิ์รัตนพงษ์ กับวงดุริยางค์แห่ง นครฟลอเรนซ์ วงดุริยางค์ชื่อดังจากประเทศอิตาลี ที่มี ลอเร็นโซ คัสตรีโอตา สคันเดอร์เบก เป็นวาทยกร และมี เลโอนาร์โด เมลานี นักร้องเสียงเทเนอร์ มาร่วมขับขาน ในกิจกรรม โตโยต้า คลาสสิคส์ 2010 อะ เวิลด์ ออฟ ฮาร์โมนี เพื่อนำรายได้จากการจำหน่ายบัตรมอบให้ องค์กรการกุศลในประเทศที่ไปเปิดแสดง ซึ่งวงดุริยางค์วงนี้มีกำหนดเปิดการแสดงในหลายประเทศแถบเอเชีย รวมทั้งไทย ในวันที่ 3 พ.ย.นี้ ที่จะมอบรายได้ 2 ล้านบาท ให้กับสภากาชาดไทย ดังนั้น เวลาที่อยู่ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ จึงแค่ 2 วันกับ 2 คืน ซึ่งนับว่าโชคดีที่ได้ไกด์อาชีพ คุณไก่ กิ่งฟ้า มาทำหน้าที่ให้คำแนะนำและความรู้ ในการพำนักในเมืองหลวงของมาเลเซียได้อย่างสบายใจ
ภารกิจซ้อมใหญ่ของ อ๊อฟ-ปองศักดิ์ กับ วงดุริยางค์แห่งนครฟลอเรนซ์ ที่มี ลอเร็นโซ คัสตรีโอตา สคันเดอร์เบก ทำหน้าที่วาทยกร และ เลโอนาร์โด เมลานี นักร้องเสียงเทเนอร์ ร่วมวง.
เพราะคนที่เคยมาจะรู้ดีว่า มาเลเซีย ซึ่งมีศาสนาอิสลามเป็นศาสนาประจำชาติ เป็นประเทศมีการบังคับใช้กฎหมายที่เข้มงวด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องยาเสพติดและอาวุธ ใครมีในครอบครอง เจอโทษประหารสถานเดียว และยังเข้มงวดในเรื่องการแต่งกายในบางสถานที่ เช่น การเข้าชมมัสยิด ห้ามใส่เสื้อยืด เสื้อกล้าม กางเกงขาสั้น รองเท้าแตะเด็ดขาด หากเป็นสุภาพสตรีก็ต้องสวมผ้าคลุมผม เป็นต้น
ถนนหนทางในเมืองปุตราจายา ที่ถูกจัดวางอย่างมีระบบและระเบียบ.
ความที่ไกด์พูดไทยได้ชัดถ้อยชัดคำ จนมาเฉลยในภายหลังว่าก็เป็นคนไทยเหมือนกันแหละ แต่ที่มาทำมาหากินเป็นไกด์อย่างถูกกฎหมายในมาเลเซียได้ ก็เพราะแต่งงานกับคนมาเลย์เชื้อสายจีน มีถิ่นพำนักที่ปีนัง และถึงจะมาทำหน้าที่ไกลบ้าน แต่ คุณไก่ ยังเล่าเผื่อถึงบ้านที่อยู่คือ ปีนัง ตอนนี้แม้จะมีตึกสูงขึ้นมาก แต่กลับเงียบเหงากว่าเมื่อหลายสิบปีก่อนที่คนไทยนิยมมาเที่ยว ต่างจากกัวลาลัมเปอร์ ที่ปิดเทอมทีไร งานเข้าทุกที เพราะคนไทยยังนิยมพาลูกหลานมาเที่ยวกันอยู่ โดยจุดนิยมยังคงเป็นการมาชม ตึกแฝดเปโตรนาส พอๆกับการมาตื่นตาตื่นใจบนหอคอย เคแอล ทาวเวอร์ ที่มีความสูงเป็นอันดับ 4 ของโลก ทำให้หากขึ้นไปที่ชั้น 20 แล้วจะมองเห็นทิวทัศน์กรุงกัวลาลัมเปอร์ได้ชัด ถึงขั้นมีคนบอกว่าหากวันฟ้าใส สามารถมองเห็นได้ไกลถึง เกนติ้ง ไฮแลนด์ แหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตอีกแห่งของกรุ๊ปทัวร์ไทย
ทำเนียบรัฐบาล หรือกรีนเฮ้าส์ อีกจุดเด่นยามเข้าเมือง.
แต่ระยะหลัง เมืองหลวงใหม่ "ปุตราจายา" ก็มาแรง ด้วยว่าเมืองใหม่แห่งนี้ ถือเป็นการแสดงถึงวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนของอดีตผู้นำมาเลย์ ดร.มหาเธร์ บิน โมฮัมหมัด ที่ตั้งใจสร้างให้เป็นดั่งเมืองแห่งอนาคตของชาติ ที่ได้สมดังใจ ปุตราจายา จึงเป็นที่รวมศูนย์ของหน่วยงานรัฐ รวมถึงรัฐสภาและทำเนียบรัฐบาล พร้อมสาธารณูปโภคที่จัดวางอย่างเป็นระบบ มีพื้นที่พักผ่อนที่จัดแบ่งไว้อย่างลงตัว ขณะเดียวกันก็มี มัสยิดปุตรา หรือ มัสยิดสีชมพู ที่สวยอลังการจากการสร้างด้วยหินแกรนิตสีกุหลาบ ตั้งอยู่ริมทะเลสาบที่ขุดขึ้นเพื่อทำให้เมืองหลวงใหม่มีทิวทัศน์ ที่สวยงาม
เคแอล ทาวเวอร์ ด้วยความสูงเป็นอันดับ 4 ของโลก ทำให้โดดเด่นอยู่กลางเมืองเสมอ.
ถ้าเป็นขาช็อป คงชอบ หากมาที่ย่านช็อปปิ้ง บูกิต บินตัง ซึ่ง คุณไก่ เปรียบให้เห็นภาพว่าคล้ายมาบุญครองบ้านเรานี่แหละ แต่ของส่วนใหญ่ที่ช็อป "แบรนด์เนม" ทั้งนั้น ไม่ว่าเสื้อผ้า รองเท้า เครื่องประดับ
และช่วงระหว่างรอฟังคอนเสิร์ต ก็นั่งฟัง คุณไก่ ไกด์มาเลย์เชื้อสายไทย เล่าสารพัดเรื่อง รวมถึงสถานที่ ท่องราตรีที่กัวลาลัมเปอร์นั้นมีครบ ผับบาร์คล้ายอาร์ซีเอ บ้านเรา พอคุยติดลมก็เลยถามถึงความเป็นอยู่ของคนไทยในดินแดนปลายแหลมมลายู คุณไก่ ตอบตรงใจเลยว่า ที่ไหนๆ ก็มีสองมาตรฐานทั้งนั้นแหละคุณ ประชากรข้างมากย่อมได้รับการปฏิบัติจากรัฐดีกว่า อันนี้เป็นสัจธรรม ไม่เว้นที่มาเลเซีย อาจจะมากกว่าสองมาตรฐานด้วยซ้ำ เมื่อคนมุสลิมมาเลย์ย่อมมีสถานภาพดีกว่าคนจีนมาเลย์ ขณะที่คนจีนมาเลย์ก็ยังอยู่ดีมีสุขได้มากกว่าคนอินเดียทมิฬมาเลย์
อาคารเก่าที่หลงเหลือให้เห็นอยู่บ้าง ท่าม กลางอาคารสมัยใหม่ที่ออกแบบเน้นแนวดิ่ง.
ส่วน "คนไทย" หากเข้าไปทำงานอย่างถูกต้อง ก็ไม่ต้องห่วงเรื่อง "ถูกกวนใจ"
แต่พี่ไกด์พูดได้โดนใจสุดๆ หนีไม่พ้นที่ว่าถึงจะอยู่ไกลบ้านเกิด แต่ข่าวสารจากเมืองไทยไม่เคยพร่อง และยอมรับว่าที่มาเลเซียมีวันนี้ได้ก็เพราะกฎเหล็กที่รัฐบาลตั้งขึ้นมานั้นถูกปฏิบัติสมเป็นกฎเหล็กจริงๆ
ฉะนั้น เมื่อถึงเวลาของงานการกุศล คนมาเลย์ไม่ว่าเชื้อชาติไหนก็พร้อมใจ ทำให้รายได้จากการแสดงคอนเสิร์ตเพลงคลาสสิกในค่ำคืนนั้น เทียบเป็นเงินไทยก็ได้กว่าสามล้านบาท…คิดเอาเถอะว่าธรรมดาซะที่ไหน.
ㄍㄍ
未经允许不得转载:综合资讯 » โลกหลากวิถี