综合资讯
当前位置:综合资讯 > 社区 > 奇闻网谈 > 正文

มาร์คห่วงรัฐประเมินเหตุบึมฝีมือจิ๊กโก๋ จี้บอกความจริงประชาชน

"มาร์ค" พบ "โคฟี่ อันนัน" ตามคำเชิญ คอป. ห่วงประเมินเหตุบึมจากฝีมือจิ๊กโก๋ แนะระวังปาก จี้รัฐพูดความจริง เหน็บข้อหาต้าน “วาเลนไทน์” ชี้รัฐใช้ประชาชนเป็นเครื่องมือยื่นร่างแก้ รธน.แล้วสวมสิทธิ์ เชื่อกระทู้ถามสดของ "ส.ส.รังสิมา" ยังไม่ถูกตีตก …
วันที่ 17 ก.พ. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่จะเข้าพบ นายโคฟี อันนัน อดีตเลขาธิการสหประชาชาติ และนายมาร์ตติ อาห์ติซาติ อดีตประธานาธิบดีฟินแลนด์ ว่า เป็นการเดินทางเข้ามา โดยคำเชิญของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) ซึ่งเข้าใจว่า ทั้งสองท่านต้องการจะนำเอาประสบการณ์เรื่องการปรองดองมาพูดคุยเสนอแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เมื่อถามว่ารัฐบาลน่าจะใช้ประโยชน์จากการพูดคุยตรงนี้อย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เรื่องวันนี้ เป็นงานของ คอป. การใช้ประโยชน์ จะขึ้นอยู่กับ คอป.เป็นหลัก รัฐบาลจะเป็นฝ่ายหนึ่งเท่านั้น ที่จะให้ความเห็นต่างๆ แต่เท่าที่ทราบก็พบหลายกลุ่มบุคคล
นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ระบุว่า คนก่อเหตุระเบิดที่สุขุมวิท 71 เป็นแค่กลุ่มจิ๊กโก๋ ไม่ใช่มืออาชีพว่า ถ้าเราพยายามทำให้ดูเป็นเรื่องเล็ก แต่สวนทางกับสิ่งที่ปรากฏต่อสาธารณะ ทั้งเรื่องการเตรียมอาวุธต่างๆ เอาระเบิดไปแปะรถ เพื่อสังหารคนที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลไม่ว่าจะเป็นประเทศใด ซึ่งหากจิ๊กโก๋ทำได้ขนาดนี้ ผู้ก่อการร้ายจะทำได้ขนาดไหน เมื่อถามว่าจากการทูตอินเดียพบกับ พล.ต.อ.เพรียวพันธุ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร. และระบุว่า เหตุการณ์ที่เกิดในประเทศไทยคล้ายกับเหตุที่เกิดในประเทศอินเดีย จะทำให้ไม่ถูกมองว่าประเทศไทยจะกลายเป็นฐานการผลิตวัตถุระเบิดเพื่อไปก่อเหตุต่างประเทศอื่นหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คงต้องแยกประเด็น เรื่องแรกเราต้องดูให้ชัดว่าทำไมการวางแผนที่จะมาก่อเหตุต่างๆ ถึงมาเกิดขึ้นในประเทศเรา และจากคำพูดของรัฐมนตรีเองที่ไปพูดทำนองว่าระเบิดทำที่นี่และส่งออกไปทำนองนี้ ทำให้เรากลายเป็นเป้าหมายว่า เป็นประเทศที่ไม่ดูแลเรื่องการต่อสู้กับการก่อการร้าย อยากให้ระมัดระวังให้มาก และการประสานงานกับประเทศต่างๆ ให้มาก
"เมื่อวานผมมีโอกาสได้พบรองนายกฯ ที่สภาได้เสนอแนะว่า จะต้องเร่งประสานงานกับประเทศต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อทำความเข้าใจ ไม่ให้ประเทศไทยถูกเข้าใจว่าเป็นฐาน หรือเป็นประเทศเป้าหมาย" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่าวันนี้รัฐบาลต้องทบทวนทิศทางกำหนดนโยบายด้านความั่นคงต่างประเทศใหม่ให้รัดกุมหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า นโยบายต่างประเทศในภาพรวมไม่เป็นปัญหา แต่นโยบายเรื่องความมั่นคงและการสื่อสาร เพื่อให้เกิดความเข้าใจว่า จุดยืนของประเทศไทยและความจริงจังของประเทศไทยกับปัญหาเหล่านี้ เราจะทำอย่างไร ตรงนี้ต้องปรับปรุง ซึ่งเรามีจุดอ่อนความเป็นเสรี การเดินทางเข้าออกมักจะมาผ่านประเทศไทย นโยบายเข้มงวดกวดขันอาจจำเป็นมากขึ้น ส่วนกรณีที่ประเมินว่า เรื่องนี้จะส่งผลกระทบทำให้นักท่องเที่ยวอาจลดลง 2 แสนคน ก็เป็นน่าเห็นใจ เพราะการท่องเที่ยวเจอมรสุมมมาหลายลูก เพิ่งฟื้นมาจากน้ำท่วม มาเจอเรื่องนี้ ดังนั้น อย่าไปพยายามพูดในสิ่งที่ไม่เป็นจริง ต้องเอาความจริงมาบอกกับชาวโลกว่าจะแก้ไขอย่างไรเป็นวิธีการที่ดีที่สุด อย่าลืมว่าชาวโลกส่วนใหญ่ฟังจากสื่อต่างประเทศ ซึ่งรายงานไปแล้วว่า รูปการเหตุการณ์เป็นอย่างไร แม้แต่ รมต. ก็ยังยอมรับว่ามีความคล้ายคลึงกับเหตุการณ์ในประเทศอื่นๆ ที่เกิดขึึ้น พอวันนี้จะมาบอกว่าเป็นจิ๊กโก๋ หรือเป็นพวกต้านวันวาเลนไทน์ ซึ่งต้องไปดูความน่าเชื่อถือ เมื่อถามว่าการพูดเช่นนี้จะเป็นการไปท้าทายกลุ่มก่อการร้ายหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนคิดว่าไม่มีใครคิดว่าไปท้าทาย แต่ปัญหาคือยิ่งพูดจะยิ่งเป็นปัญหาว่าจะต้ังข้อหาอะไร เพราะไม่ทราบว่าจะไปต้ังข้อหาเรื่องต้านวาเลนไทน์หรืออะไร
ผู้นำฝ่ายค้านในสภา ยังกล่าวถึงกรณีที่ นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา นัดประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อพิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ว่า ประธานต้องบรรจุระเบียบวาระตามข้อบังคับ แต่สิ่งที่เราคงต้องตั้งคำถามคือความตรงไปตรงมาของรัฐบาล เพราะรัฐบาลบอกว่าไม่เสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่วันที่เสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายกรัฐมนตรี บอกว่า เพื่อรักษาสิทธิ เนื่องจากประชาชนเสนอแล้ว แต่ในวันนี้ไม่ใช่เพียงแค่รักษาสิทธิ แต่มากว่าการสวมสิทธิ์ด้วยซ้ำ เพราะร่างแก้ไขเพิ่มเติมของรัฐบาลกลับจะได้รับการพิจารณา แต่ของประชาชนไม่ได้รับการพิจารณา เพราะฉนั้น กลายเป็นว่าเป็นการยืมมือ หรือเป็นเครื่องมือกันหรือไม่ เสนอมาเพื่อให้รัฐบาลได้เสนอ แต่สุดท้ายร่างของประชาชนไม่ได้รับการพิจารณา
ส่วนกรณีที่ประธานวิปรัฐบาลมีการไกล่เกลี่ยกับแกนนำ นปช.และภาคประชาชนที่เสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ยังไม่ได้รับการบรรจุระเบียบวาระ เพราะต้องรอขั้นตอนการตรวจสอบรายชื่อนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า สุดท้ายประชาชนก็ยอม ซึ่งกลายเป็นว่าทั้งหมดรัฐบาลมีข้ออ้างที่จะเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเข้า และสุดท้ายก็เอาร่างแก้ไขเพิ่มเติมของรัฐบาลเป็นหลัก ยันกระทู้ถามสดยังไม่ตก ชี้ไม่มีข้อบังคับใดกำหนด เมื่อถามถึงกรณีที่จะมีการนำ นางธิดา ถาวรเศรษฐ ประธาน นปช. ร่วมเป็นกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญด้วยนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คนนอกสามารถเป็นได้อยู่แล้ว หากเป็นคณะกรรมาธิการวิสามัญ ถือเป็นสิทธิของรัฐบาลในการที่จะนำใครเข้ามาเป็นกรรมาธิการในโควตาของพรรคเพื่อไทย แต่หากมีร่างแก้ไขเพิ่มเติมของประชาชนเข้ามาด้วย ประชาชนก็จะมีสัดส่วนในการได้รับการพิจารณา ส่วนการถามกระทู้ถามสดเรื่องที่นายกรัฐมนตรีไปธุระส่วนตัวในเวลาราชการ ขณะที่มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่ น.ส.รังสิมา รอดรัศมี ส.ส.สมุทรสงคราม พรรคประชาธิปัตย์ ได้ถามนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 16 ก.พ.ที่ผ่านมา ว่า ตนยังมองไม่เห็นว่า กระทู้นี้จะตกไปตามข้อบังคับข้อไหน เพราะประธานสภาเป็นผู้สั่งปิดการประชุม และความจริงได้มีการถามไปแล้ว และกำลังรอคำตอบจากนายกรัฐมนตรี แต่ไม่คิดว่ามีข้อบังคับไหนที่ประธานสามารถทำให้กระทู้ตกได้.

⒀⒀

未经允许不得转载:综合资讯 » มาร์คห่วงรัฐประเมินเหตุบึมฝีมือจิ๊กโก๋ จี้บอกความจริงประชาชน

赞 (0)
分享到:更多 ()