ข่าวในวงการลูกหนังโลกที่ร้อนแรงที่สุดในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาคงไม่พ้นเรื่องราวการขายทีม "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล
บอร์ดบริหารตกลงรับข้อเสนอของกลุ่ม "เอ็นอีเอสวี" ที่ดำเนินธุรกิจกีฬาจากสหรัฐอเมริกา โดยมีจอห์น เฮนรี เจ้าของทีมเบสบอล "บอสตัน เรด ซ็อกซ์" เป็นหัวเรือใหญ่ ด้วยวงเงิน 300 ล้านปอนด์
แต่จอร์จ ยิลเลตต์ และทอม ฮิกส์ เจ้าของทีมชาวอเมริกัน โดดขวางและต้องไปต่อสู้กันในศาลว่า การเทกโอเวอร์ครั้งนี้จะลุล่วงไปด้วยดีหรือไม่
15 ต.ค.นี้ บริษัทแม่ของลิเวอร์พูลที่ฮิกส์และยิลเลตต์ก่อตั้งขึ้นมาต้องจ่ายหนี้กว่า 200 ล้านปอนด์ ให้ธนาคารรอยัล แบงก์ ออฟ สกอตแลนด์ (อาร์บีเอส)
ก่อนหน้านี้มีข่าวว่าทั้งคู่พยายามหาเงินกู้ในสหรัฐฯ เพื่อมาชำระหนี้ก้อนนี้ให้หายใจคล่องคอชั่วคราว แต่กู้ไม่ผ่าน
ถ้าหาตังค์มาจ่ายไม่ได้ ธนาคารอาร์บีเอสก็มีสิทธิยึดกิจการของสโมสร เข้าไปฟื้นฟูกิจการ ปัญหาคือ ถ้าทีมบอลล้มละลายจะถูกตัด 9 แต้ม ตามกฎพรีเมียร์ลีก
ทำให้เอ็นอีเอสวีชะงักไปเหมือนกัน แม้พวกเขายังสามารถซื้อทีมต่อจากธนาคารอาร์บีเอสได้ก็ตาม
ลองมาดูเส้นทางวิบากของลิเวอร์พูลกันบ้างว่า กว่าจะมาถึงวันนี้ ฝันอันสวยหรูตั้งแต่ ฮิกส์และยิลเลตต์เข้ามาซื้อกลายเป็นฝันสลายไปได้อย่างไร
ธ.ค. 2006 มีข่าวว่า ลิเวอร์พูลเจรจากับกลุ่ม ดีไอซีจากดูไบที่สนใจจะเข้ามาลงทุน
ม.ค. 2007 หลังจากลิเวอร์พูลปฏิเสธข้อเสนอ 400 ล้านปอนด์ของดีไอซี จอร์จ ยิลเลตต์ นักธุรกิจอเมริกันเข้ามาเลียบๆเคียงๆ สอบถามถึงความเป็นไปได้ในการเทกโอเวอร์
ก.พ. 2007 ทอม ฮิกส์ โดดเข้ามาลงขันกับยิลเลตต์เสนอเงินให้ลิเวอร์พูล 435 ล้านปอนด์ วงเงินนี้รวมไปถึงงบประมาณสร้างสนามแห่งใหม่ที่สแตนลีย์ พาร์ค 215 ล้านปอนด์
มี.ค. 2007 ฮิกส์และยิลเลตต์ประกาศครอบ ครองสโมสรอย่างเป็นทางการ พร้อมกับให้สัญญาว่า จะมีการลงมือก่อสร้างสนามใหม่ทันที
ม.ค. 2008 ฮิกส์ยอมรับว่า เขาทาบทามเจอร์-เกน คลินสมันน์ มาคุมทีมแทนราฟาเอล เบนิเตซ หลังจากมีข่าวราฟาขัดแย้งกับเจ้าของทีม นอกจากนี้ฮิกส์และยิลเลตต์ก็เริ่มผิดใจกันด้วย
มี.ค. 2009 ริค แพร์รี ประกาศลาออกจากตำแหน่ง ซีอีโอหลังจบฤดูกาล 2008-09
มิ.ย. 2009 คริสเตียน เพอร์สโลว์ เข้ามารับ ตำแหน่งผู้อำนวยการบริหารคนใหม่ มีภารกิจหาเงินทุน 100 ล้านปอนด์ เพื่อนำมาหมุนเวียน หลังจากหนี้สินสโมสรพุ่งไปถึง 237 ล้านปอนด์
ม.ค. 2010 ทอม ฮิกส์ จูเนียร์ ลาออกจากตำแหน่งบอร์ดบริหารหลังจากส่งอีเมล์ด่ากองเชียร์ตัวเอง เอียน ไอร์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด และฟิลลิป แนช เข้ามาเป็นบอร์ด แต่แนชไม่มีสิทธิในการโหวตใดๆ
มี.ค. 2010 โรน กรุ๊ป จากนิวยอร์ก ยื่นข้อเสนอ 110 ล้านปอนด์ ขอซื้อหุ้น 40% แต่ฮิกส์และยิลเลตต์ไม่ขาย
เม.ย. 2010 ฮิกส์และยิลเลตต์ตัดสินใจประกาศขายทีมอย่างเป็นทางการ และแต่งตั้งมาร์ติน เบราจ์ตัน เข้ามาดูแลเรื่องการขายทีม ต่อมาเบราจ์ตัน, เพอร์– สโลว์ และไอร์ กลายเป็นหอกข้างแคร่ที่ตัดสินใจขายทีมให้เอ็นอีเอสวีในปัจจุบัน
มิ.ย. 2010 ราฟาแยกทางกับสโมสร รอย ฮอดจ์สัน เข้ามารับงานแทน
ส.ค. 2010 เคนนี หวง นักธุรกิจจีน สนใจซื้อทีม
ต.ค. 2010 ลิเวอร์พูลประกาศรับข้อเสนอเทกโอเวอร์ 300 ล้านปอนด์จากเอ็นอีเอสวี โดยที่ฮิกส์และยิลเลตต์พยายามขัดขวาง
นี่คือเรื่องย่อของลิเวอร์พูลตั้งแต่ฮิกส์และยิลเลตต์เข้ามาซื้อทีม ให้คำมั่นสัญญาต่างๆมากมาย โดยเฉพาะการสร้างสนามที่ไม่ได้เห็นแม้แต่เสาเข็มต้นเดียว
สัปดาห์ก่อนลิเวอร์พูลแพ้แบล็กพูลคาบ้าน หล่นไปอยู่อันดับ 18 รอย ฮอดจ์สัน เครียดหนัก แต่จู่ๆก็มีเรื่องขายทีมโผล่ขึ้นมา
ฮอดจ์สันโชคดีจริงๆที่รอดปากเหยี่ยว ปากกาไปได้ อย่างน้อยก็ชั่วคราว เพราะใครๆก็หันไปลุ้นว่าจะขายทีมสำเร็จหรือไม่.
โต้ บ้านแหลม
┗┗
未经允许不得转载:综合资讯 » โชคดีของฮอดจ์สัน