"เจ้าบุญทุ่ม" บาร์เซโลนา โชว์ฟอร์มสุดยอด ปราบเอาชนะ "ปิศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไปอย่างเหนือชั้น 3-1 คว้าแชมป์แชมเปียนส์ลีกในปีนี้ไปครองอย่างยิ่งใหญ่…
ศึกฟุตบอลยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก นัดชิงชนะเลิศ ประจำฤดูกาล 2010/2011 เมื่อวันที่ 28 พ.ค. ที่สนามเวมบลีย์ กรุงลอนดอน เป็นการพบกันสองยอดทีม "เจ้าบุญทุ่ม" บาร์เซโลนา ฟาดแข้งกับ "ปิศาจแดง" แมนฯยู โดยมี วิคเตอร์ คาสไซ ผู้ตัดสินมือดีจากฮังการีทำหน้าที่ตัดสิน
เจ้าบุญทุ่มเกมนี้ มีปัญหาเพียงตำแหน่งเดียวคือกองหลังที่ คาร์เลส ปูโยล ยังไม่ฟิตพอออกสตาร์ทเป็น 11 คนแรก ทำให้ เป็ป กวาร์ดิโอลา ต้องขยับ ฮาเวียร์ มาสเคราโน ไปยืนคุมแนวรับคู่กับ เคราร์ด ปิเก ส่วนตำแหน่งอื่นๆ อยู่กันครบ นำโดย ลิโอเนล เมสซี, ชาบี เฮอร์นันเดซ และ อันเดรส อิเนียสตา
ส่วนฝั่งปิศาจแดง 11 คนแรกไม่พลิกโผ ฮาเวียร์ เฮอร์นันเดซ ได้จับคู่ เวย์น รูนีย์ ในแนวรุก ส่วนแผงกองกลางเป็น พาร์ค จี ซุง เบียด นานี ลงมาเป็นตัวจริงร่วมกับ ไรอัน กิกส์, ไมเคิล คาร์ริค และ อันโตนิโอ วาเลนเซีย แต่ที่เซอร์ไพรส์คือ ดิมิตาร์ เบอร์บาตอฟ ที่ไม่มีชื่อแม้แต่ในม้านั่งสำรอง
เขี่ยบอลเริ่มเกมกลายเป็นแมนฯยู เร่งเกมเข้าใส่บาร์เซโลนาทันที แต่จังหวะเข้าทำยังไม่อันตรายเท่าไหร่นัก แต่ก็เกือบได้ลุ้นในนาที 11 จากความผิดพลาดของเกมรับเจ้าบุญทุ่มที่ เคราร์ด ปิเก จ่ายคืนหลังไม่ดูตาม้าตาเรือ เกือบสวนตัว บิคตอร์ บัลเดส ที่วิ่งออกมา แต่ยังติดขาบัลเดส กระเด็นออกไปหวุดหวิด
แต่หลังจากนั้นเริ่มเป็นบาร์ซา ที่เล่นครองบอลได้ตามถนัด ก่อนได้ลุ้นเน้นๆ ครั้งแรกในนาที 20 ดาบิด บีญา พลิกหาช่องสักไกจากนอกกรอบหลุดเสาขวามือไปนิดเดียว รวมถึงอีกนาทีเดียวถัดมา เมสซี จ่ายบอลเข้าเขตโทษให้ บีญา หาช่องยิงแต่ เอ็ดวิน ฟาน เดอ ซาร์ ยังหนึบล้มตัวเซฟเอาไว้ได้
นาที 27 เป็นบาร์เซโลนา เอาประตูขึ้นนำก่อนจนได้ จากการเดินเกมกลางสนามของชาบี ก่อนแทงทะลุช่องให้ เปโดร โรดริเกซ ที่ยืนโล่งๆ ตั้งป้อมแปเน้นๆ ผ่านมือ ฟาน เดอ ซาร์ เข้าไปให้เจ้าบุญทุ่มทะยานขึ้นนำ 1-0
ต่อมาบาร์เซโลนายังเป็นฝ่ายครองบอลทำเกมรุกเข้าใส่ได้ดีกว่า กระทั่งนาที 34 จากความผิดพลาดของที่ทุ่มบอลไม่ดี ลูกไปถึง รูนีย์ ดีดไปให้ กิกส์ ในเขตโทษ ก่อนไหลคืนให้ รูนีย์ วิ่งเข้าซัดเน้นๆ ส่งบอลผ่านมือ บัลเดส กระแทกตาข่าย สกอร์กลับมาเท่่ากันอีกครั้ง 1-1
ท้ายครึ่งแรก เกมและจังหวะเข้าทำของบาร์เซโลนา ยังเหนือกว่าชัดเจน ทั้งจากนาที 42 ที่ชาบี เล่นลูกสูตรฟรีคิกจ่ายให้ เซร์คิโอ บุสเกต์ส ไหลจังหวะเดียวต่อไปยังเปโดร ที่เข้าไม่ถึงบอลนิดเดียว แล้วอีกอึดใจเดียวเป็นการลุยของเมสซี ก่อนจ่ายออกข้างให้บีญา ที่ปาดบอลคืนกลับไปหน้าประตู แต่ไม่มีใครเข้าถึง ลูกผ่านหน้าปากประตูไป ก่อนหมดครึ่งแรกเสมอกันอยู่ 1-1
ครึ่งหลัง ยังเป็นเกมของบาร์เซโลนา ที่ครองได้เหนือกว่าแมนฯยู จนมาขึ้นนำอีกครั้งในนาที 54 จากความยอดเยี่ยมของ เมสซี ที่พาบอลหาช่องสับไกระยะ 25 หลาดื้อๆ ลูกพุ่งผ่านมือ ฟาน เดอ ซาร์ ที่โดนบังจนล้มตัวไม่ทันเข้าไป บาร์ซาขึ้นนำอีกครั้ง 2-1
แดนกลางแมนฯยูชักเริ่มอ่อนแรง เปิดช่องให้ขุนพลบาร์เซโลนา นวดหาจังหวะเพิ่มสกอร์ได้อยู่เนืองๆ นาที 63 เมสซี เกือบบวกลูกที่สอง เมื่อได้ยิงแต่เป็น ฟาน เดอ ซาร์ ใช้ขาเซฟเอาไว้ได้ แล้วอีกครั้งในนาที 66 เป็นการลองส่องของชาบี บอลไซต์จะเบียดเสาเข้าอยู่แล้ว แต่ฟาน เดอ ซาร์ ยังพุ่งซูเปอร์เซฟเอาไว้ได้
หลังจวนเจียนอยู่หลายรอบ บาร์เซโลนามาได้ประตูที่สามจนได้ในนาที 69 จากทักษะเฉพาะตัวของ เมสซี พาบอลพริ้วตัดเข้าเขตโทษ จังหวะจ่ายทีแรกติดบล็อก แต่บอลยังไปถึงบุสเกต์ส ไหลต่อให้ บีญา ตั้งป้อมปั่นบอลไซต์โค้งหมดปัญญาที่ ฟาน เดอ ซาร์ จะพุ่งเซฟเอาไว้ได้ บาร์ซาหนีห่างเป็น 3-1
ท้ายเกมแมนฯยู ยังเร่งเครื่องสู้ไม่ไหว แต่นาที 85 เกือบได้ลุ้นจาก นานี ตัวสำรองที่ลากบอลตัดเข้าใน ก่อนซัดเรียดด้วยซ้ายไม่ตรงกรอบ แล้วช่วงที่เหลือไม่มีประตูเพิ่ม จบเกมครบ 90 นาที บาร์เซโลนา สอนเชิงเอาชนะ แมนฯยู 3-1 คว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ในฤดูกาลนี้ไปครองได้สำเร็จเป็นสมัยที่ 4 ในประวัติศาสตร์ของสโมสร อย่างยิ่งใหญ่ ส่วนแมนฯยู อกหักเป็นครั้งที่ 2 ติดต่อกัน หลังเคยพ่ายในนัดชิงฯให้บาร์เซโลนา มาแล้วเมื่อครั้งปี 2009 ที่กรุงโรม
︹︹
未经允许不得转载:综合资讯 » บาร์ซาเหนือชั้น! ฝังผีหมดสภาพ3-1 เถลิงแชมป์ชปล.