"หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ต้องลุ้นเหนื่อยถึงช่วงยิงจุดโทษ กว่าจะเอาชนะ คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ 3-2 หลังเสมอกันในเวลาชนิดสุดดรามา 2-2 "แอนโธนี เจอร์ราร์ด" ลูกพี่ลูกน้องของ "สตีเวน เจอร์ราร์ด" ยิงจุดโทษคนสุดท้ายพลาด ยื่นแชมป์แรกให้กับ ลิเวอร์พูล ได้ฉลองในสนามนิวเวมบลีย์ไปได้สำเร็จ…
ศึกฟุตบอลถ้วยคาร์ลิงคัพ อังกฤษ นัดชิงชนะเลิศ ที่สนามเวมบลีย์ กรุงลอนดอน เมื่อวันที่ 26 ก.พ. "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ทีมเต็งจากพรีเมียร์ลีก ได้กลับมายังเวมบลีย์อีกครั้ง นับจากครั้งสุดท้ายคือนัดชิงเอฟเอคัพปี 1996 ที่สนามเวมบลีย์เก่า และเป็นโอกาสลุ้นแชมป์แรก นับตั้งแต่แชมป์เอฟเอคัพปี 2006 โดยพบกับ "เดอะ บลูเบิร์ดส์" คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ ทีมจากแชมเปียนชิพ
นัดนี้ ลิเวอร์พูล ของ เคนนี ดัลกลิช จัดทัพชุดใหญ่ลงสนามนำโดย หลุยส์ ซัวเรซ กับ แอนดี คาร์โรลล์ สองกองหน้าในแนวรุก โดยมี สตีเวน เจอร์ราร์ด และ ชาร์ลี อดัม เดินเกมแดนกลาง ขณะที่ คาร์ดิฟฟ์ มีทีเด็ดที่หัวหอกจอมพเนจร เคนนี มิลเลอร์
เริ่มเกมเขี่ยบอลแค่นาทีครึ่ง แฟนบอลเดอะค็อปในเวมบลีย์เกือบได้เฮ เมื่อ เกล็น จอห์นสัน เติมเกมตั้งป้อมปั่นไซต์ยิงจากนอกกรอบ บอลมุดตกชนคาน แล้วมาเข้าทาง เจอร์ราร์ด หวดบอลปลิวออกหลังไป
กระทั่งนาที 19 ลิเวอร์พูลกำลังบุกเพลินๆ กลับต้องมาช็อกเมื่อถูกยิงประตูเสียเอง จากจังหวะที่ มิลเลอร์ ไหลทะลุช่องตรง มาร์ติน สเคอร์เทล กับ โฆเซ เอ็นริเก ให้ โจ เมสัน หลุดไปแปลอดขา เปเป้ เรนา ตุงตาข่าย คาร์ดิฟฟ์พลิกออกนำ 1-0
หลังเสียประตู ลิเวอร์พูลพยายามเร่งเครื่องบุกหนัก แต่จังหวะสุดท้ายยังกดดัน ทอม ฮีตัน นายทวารคาร์ดิฟฟ์ไม่ได้เท่าไหร่นัก โดยโอกาสดีสุดอยู่ในนาที 43 ที่ เจอร์ราร์ด เปิดฟรีคิกไปลงหัว ดาเนียล แอ็คเกอร์ โขกเน้นๆ ตรงตัว ฮีตัน แล้ว สเคอร์เทล จะตามซ้ำ แต่โดนจับล้ำหน้าไปก่อน สุดท้ายหมดครึ่งแรกยังเป็น คาร์ดิฟฟ์ นำอยู่ 1-0
ครึ่งหลังสถานการณ์ของลิเวอร์พูลยังไม่ดีขึ้น จนนาที 58 ดัลกลิช ต้องแก้เกมส่ง เคร็ก เบลลามี ลงมาเล่นแทน จอร์แดน เฮนเดอร์สัน แล้วแค่นาทีเดียวถัดมา ลิเวอร์พูลมาตามตีเสมอสำเร็จ จากลูกเตะมุม คาร์โรลล์ โหม่งตั้งทีแรกให้ ซัวเรซ โขกสะบัดเปลี่ยนทางไปชนเสา แต่บอลยังมาเข้าทางปืน สเคอร์เทล อัดซ้ำเน้นๆ ไม่เหลือซาก ไล่เป็น 1-1
นาที 74 ลูกเตะมุมของลิเวอร์พูลได้ลุ้นอีกครั้ง เมื่อ สเคอร์เทล เจ้าเก่าเก็บตกยิงมุมแคบที่เสาสอง แต่ ฮีตัน ยังหนึบเซฟไว้ได้ติดมือ ขณะที่ช่วงท้าย คาร์ดิฟฟ์เริ่มมีฮึดได้ลุ้นประตูนำบ้างเหมือนกัน โดยเฉพาะโอกาสทองในนาที 88 ที่ ดอน โควี แทงตัดแนวรับหงส์แดงให้ มิลเลอร์ หลุดไปซัดจ่อๆ เหินโด่งข้ามคานอย่างน่าเสียดาย ช่วงที่เหลือทั้งสองทีมทำอะไรกันเพิ่มไม่ได้ ครบ 90 นาทีเสมอกัน 1-1 ต้องต่อเวลาพิเศษอีก 30 นาที
ช่วงต่อเวลาพิเศษ ลิเวอร์พูล ปรับทัพอีกครั้งส่ง เดิร์ก เคาท์ ลงมาเล่นแทน คาร์โรลล์ ก่อนที่ เคาท์ จะมารับบทซุปเปอร์ซับในนาที 108 จากจังหวะพาบอลลุยขึ้นมาเอง ก่อนยิงบดเรียดทีแรกยังติดกองหลัง แต่ลูกยังมาเข้าทางล้มตัวยิงซ้ำเบียดเสาเข้าไป หงส์แดงแซงนำจนได้ 2-1
แต่ช่วงท้าย คาร์ดิฟฟ์ยังฮึดสุดตัวหวังตีเสมอให้ได้ จนมาโกงความตายสำเร็จในนาที 118 จากจังหวะลูกเตะมุมเลยมาเสาสอง แล้วเคลียร์กันไม่ออก กลายเป็น เบน เทอร์เนอร์ จิ้มยิงจ่อๆ ตีเสมอชนิดสุดดรามา 2-2 ก่อนหมดเวลา 120 นาที เสมอกันไป 2-2 ต้องฎีกาด้วยการดวลจุดโทษตัดสินหาผู้ชนะ
โดยการดวลจุดโทษผ่านไป 4 คนแรกของทั้งสองทีม ยิงเข้า 2 คน พลาด 2 คนเท่ากัน ก่อนที่คนสุดท้ายของ ลิเวอร์พูล ซึ่งยิงก่อนคือ จอห์นสัน จะยิงเข้าไปไม่พลาดทำให้นำ 3-2 แต่คนสุดท้ายของ คาร์ดิฟฟ์ ที่ยิงทีหลังคือ แอนโธนี เจอร์ราร์ด ลูกพี่ลูกน้องของ สตีเวน เจอร์ราร์ด กลับยิงหลุดเสาออกไป ทำให้ ลิเวอร์พูล เฉือนชนะไปได้ 3-2 ประตูรวม 5-4 คว้าแชมป์คาร์ลิงคัพในปีนี้ไปครองเป็นสมัยที่ 8 ของสโมสร ยังรักษาสถิติคว้าแชมป์รายการนี้มากที่สุดในประวัติศาสตร์ไว้ได้ต่อไป
^^
未经允许不得转载：综合资讯 » ลุ้นแทบตาย! ‘หงส์’เหนื่อยถึงจุดโทษดับคาร์ดิฟฟ์ 5-4 ได้แชมป์คาร์ลิงคัพ