รวดเร็วปานกามนิตหนุ่มจริงๆ สำหรับการสรรหากุนซือทีมชาติไทยคนใหม่ เข้ามาแทนที่
“ร็อบโบ้” ไบรอัน ร็อบสัน ที่ขอยกเลิกสัญญาไป
โดย “นายกยี” วรวีร์ มะกูดี ที่เพิ่งได้รับความไว้วางใจจากมวลสมาชิกให้นั่งเก้าอี้ประมุขสมาคมลูกหนังไทยเป็นสมัยที่ 3 ติดต่อกันได้ไม่ถึงสัปดาห์ จัดการเสี่ยงมาลัยเลือก “วินฟรีด เชเฟอร์” กุนซือผมขาวชาวเยอรมันคนดัง เข้ามารับบทเฮดโค้ชของทีม “ช้างศึก” ที่มีภารกิจเร่งด่วนในการเตรียมทีมลุยศึกบอลโลก รอบคัดเลือก โซนเอเชีย ในเดือนหน้าที่กำลังจะมาถึงเชื่อว่าแฟนบอลส่วนใหญ่น่าจะโอเคกับชื่อเสียงเรียงนามของกุนซือเมืองเบียร์รายนี้ ที่มีประวัติการคุมทีมทั้งสโมสรและทีมชาติมาแล้วอย่างโชกโชน
สำหรับผมเองได้ยินชื่อของวินฟรีด เชเฟอร์ มาตั้งแต่เด็ก สมัยที่ช่อง 9 อสมท เอาฟุตบอลบุนเดสลีกา เยอรมัน เข้ามาฉายในบ้านเราใหม่ๆ ตอนนั้นหลายคนพุ่งเป้าสนใจไปที่ทีมยักษ์ใหญ่ อย่าง “เสือใต้” บาเยิร์น มิวนิก, แวร์เดอร์ เบรเมน, สตุตการ์ต, เอฟซี โคโลญ ฯลฯ และจดจำนักเตะซุปเปอร์สตาร์ของทีมเหล่านี้ได้เป็นอย่างดี
ส่วนสโมสรเล็กๆอย่างคาร์ลสรูห์ ให้ตายเหอะ ตอนนั้นผมจำใครไม่ได้จริงๆ ยกเว้นยอดโค้ชของพวกเขาที่ชื่อ “วินฟรีด เชเฟอร์” ผู้นี้นี่แหละ!
เชเฟอร์ เป็นโค้ชผู้ยิ่งใหญ่ระดับตำนานของคาร์ลสรูห์อย่างแท้จริง เขาพาทีมเลื่อนชั้นสู่บุนเดสลีกาในปี 1987 ก่อนจะกลายเป็น “จอมพลิกล็อก” ที่บิ๊กทีมทั้งหลายขยาดไม่อยากเจอะเจอด้วย ฤดูกาล 1993-94 คาร์ลสรูห์ ภายใต้การกุมบังเหียนของเชเฟอร์ หลุดทะลุเข้าไปถึงรอบตัดเชือกในศึกยูฟ่าคัพ และได้รองแชมป์เดเอฟเบ โพคาล ในปี 1996
ต่อมาแม้เจ้าตัวจะไม่ประสบความสำเร็จในการย้ายไปคุมทัพ “ม้าขาว” สตุตการ์ต แต่ก็กลับมาแจ้งเกิดได้อีกหนในการรับหน้าที่กุนซือใหญ่ทีมชาติแคเมอรูน ในปี 2001 และพาแข้งหมอผีเถลิงบัลลังก์แชมป์แอฟริกันเนชั่นส์คัพได้ทันทีในปีนั้น ก่อนจะผ่านเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลก 2002 ที่ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้เป็นเจ้าภาพร่วมกันยอดโค้ชชาวเยอรมัน วัย 61 ปีผู้นี้มีประสบการณ์การคุมทีมในทวีปเอเชียมาพอสมควร โดยเฉพาะในยูเออี ที่เขาคุม 2 สโมสรใหญ่ ทั้งอัล อาห์ลี และ อัล ไอน์ คว้าแชมป์ลีกและบอลถ้วยของสหรัฐอาหรับ-เอมิเรตส์มาแล้ว
เห็นโปรไฟล์การทำงานของวินฟรีด เชเฟอร์ ที่ผ่านมา ผมเชื่อว่าถ้าเทียบกับคนอื่นที่เป็นแคนดิเดต เราน่าจะเลือกโค้ชถูกคนแล้วล่ะครับ เพราะเจ้าตัวดูเหมือนจะถนัดและถูกโฉลกกับการทำทีม “รองบ่อน” ซะมากกว่า ซึ่งทีมชาติไทยก็น่าจะเป็นอะไรที่ท้าทายสำหรับเขา
ที่สำคัญการว่าจ้างเชเฟอร์มาคุมทีมหนนี้ น่าจะเป็นการลบคำครหา หรือข้อเคลือบแคลงสงสัยของใครหลายๆคน ที่ชอบเม้าท์ว่าการจ้างโค้ชต่างชาติที่ผ่านมา สมาคมฟุตบอลฯจ่ายเองหรือเปล่า หรือเป็นผลประโยชน์ต่างตอบแทนในการเลือกเจ้าภาพบอลโลก
อีกจุดหนึ่งที่ต้องดูให้ดีและเน้นหนักเป็นพิเศษ ก็คือการพิจารณาเลือกสรรโค้ชชาวไทยเข้ามาเป็นมือขวาของเชเฟอร์ ซึ่งตรงนี้ผมว่าต้องละเอียดพอสมควร เพราะบอลจะรุ่งหรือจะร่วงก็อยู่ที่โค้ชไทยคนนี้นี่แหละเป็นกุญแจดอกสำคัญ
ดังนั้น โค้ชที่จะดึงมาร่วมงาน นอกจากจะต้องมีความรู้ความสามารถแล้ว ก็ควรจะมีเวลาทำงานให้กับทีมชาติแบบ “ฟูลไทม์” เต็มเวลาด้วยมันถึงจะเวิร์ก
ขณะเดียวกันสมาคมฟุตบอลฯเอง ก็ต้องให้เกียรติโค้ชไทยด้วยการเซ็นสัญญาว่าจ้างกันให้เป็นเรื่องเป็นราว เหมือนกับที่จ้างโค้ชนอก
จะก้าวสู่ความเป็นมืออาชีพทั้งที อย่าให้มี “2 มาตรฐาน” เหมือนแต่ก่อน!!!
บี บางปะกง
АА
未经允许不得转载:综合资讯 » คนที่ใช่!