综合资讯
当前位置:综合资讯 > 文化 > 文化走廊 > 正文

‘เราขายความกล้า บ้าในวิชาชีพ…’ วรวุฒิ เจียมทอง เด็กเชียร์หนังสือสุดหลุดโลก

เธอ "เด่น" ไม่ใช่เพิ่งจะ "โดดเด่น" เด้งดึ๋ง…! เธอ "แตกต่าง" แต่ไม่ได้เพิ่งจะ "แตกต่าง" คิดนอกกรอบ…!! เธอ "แซ่บ" มาก และก็ไม่ได้เพิ่งมา "จี๊ดจ๊าด" เมื่อวันสองวันนี้ซะเมื่อไหร่…!!!

หากคุณเป็นคนที่ชอบเดินเที่ยวงานสัปดาห์หนังสือทุกๆ ปี คงคุ้นหน้าและ คุ้นเสียงที่ดังชัดถ้อยชัดคำของหนุ่มคนนี้ดี ในบรรยากาศแห่งเทศกาลสัปดาห์หนังสือแห่งชาติครั้งที่ 37 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 26 มี.ค.ถึงวันที่ 6 เม.ย.54 นี้
ไทยรัฐออนไลน์มีโอกาสได้พูดคุยกับหนุ่มหัวใจสาว นาย วรวุฒิ เจียมทอง หรือ ที่ใครๆ เรียกว่า “ซัน” เด็กเชียร์หนังสือที่ออกมาทำงานพาร์ท-ไทม์
ในงานสัปดาห์หนังสือตั้งแต่อายุ 14 ปี (ตอนนี้อายุ 25 ปี) ผู้สร้างปรากฎการณ์ใหม่ในการขาย ด้วยน้ำเสียง ลีลา และการร้องเพลง ที่เป็นเอกลักษณ์ ดึงดูดให้คนเดินผ่านไปมาต้องเหลียวมอง จับจ้องเป็นตาเดียว
คนขายหนังสือ ที่ว่ากันว่า สนุก เฮฮา และน่าสนใจกว่าหนังสือออกใหม่ในงานสัปดาห์หนังสือหลายเท่าตัว
“บางคนเขาบอกว่ามางานสัปดาห์หนังสือทีไรต้องมาดูเราทุกปี” หนุ่มนักขายผู้นำประโยคเด็ดๆ หรือเอกลักษณะของโฆษณาดังๆ ล้อเพื่อดึงดูดลูกค้า (โดนใจจนยอดขายทะลุเป้า 1 วัน 1 พันเล่ม) หัวเราะดังตามสไตล์คนเปิดเผย พร้อมกับย้อนให้ฟังว่าลีลาเด็ดๆ และความสามารถไม่ได้โดนใจเฉพาะคนไทยเท่านั้น เพราะลีลาจี๊ดๆ ที่ว่ามันยังไปเตะตาหนุ่มนักเขียนชาวเยอรมันที่บังเอิญมาพบซันในงานสัปดาห์หนังสือเมื่อ 6 ปีที่ผ่านมา จนต้องชวนเธอบินลัดทวีปไปช่วยขายโปรโมทหนังสือลิลลี่ แม่มดมือใหม่ในงานบุ๊คส์แฟร์ถึงเมืองแฟรงค์เฟิร์ตเลยทีเดียว
“โคตรจะตื่นเต้นเลย (หัวเราะ) แต่เมื่อมีโอกาสแบบไปก็ไปวะ พอไปถึงเราก็ด้นสดแบบที่ถนัดเป็นวิธีขายแบบที่ทำที่เมืองไทย คือร้องขายหนังสือแบบโวยวายภาษาไทยคล้ายๆ ทำนองโอเปร่า ตามสไตล์เรา (หัวเราะ) ภาษาเยอรมันนะหรือ ไม่ต้องพูดถึงพูดไม่ได้ แต่คนจ้างก็แฮปปี้ และก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีของเรา”
นักขายอารมณ์ดีเล่าว่าปัจจุบันเรียนปีสุดท้ายอยู่ที่คณะมนุษยศาสตร์เอกสื่อสารมวลชน ม.ราม ปีสุดท้าย โดยสาเหตุที่เลือกเรียนคณะนี้เพราะถนัดเรื่องการเขียนข่าวและรักในงานที่เกี่ยวกับการพูด
รักการพูดแบบที่บอก หมายถึงชอบพูดมากๆ
“ตั้งแต่จำความได้เด็กๆ เราไม่รู้เลยว่าเราพูดมาก (เน้นเสียง) จนกระทั่งคนอื่นมาบอกเราเป็นคนพูดแบบชอบลงในรายละเอียด อธิบายซะเห็นภาพ ด้วยความชอบจึงคิดว่าโตขึ้นมาอยากเป็นนักพูด คือตั้งแต่ประถมจนถึงมัธยมก็ลงแข่งโต้วาทีเล่านิทานแสดงละคร ประกวดร้อยแก้วร้อยกรอง ร้องเพลง เคยเป็นนักประชาสัมพันธ์รุ่นเยาว์ของโรงเรียน อีกทั้งยังเป็นนักจัดรายการวิทยุตอนเช้าของโรงเรียนอีกด้วย (หัวเราะ) หลังจากนั้นเมื่อเรียนจบมัธยมก็มักถูกเชิญไปเป็นพิธีกรและร้องเพลงตามงานแต่งงาน”
ล่าสุด เมื่อไม่นานมานี้ หนุ่มอารมณ์ดีบอกว่าถูกว่าจ้างไปร้องเพลงลูกทุ่งหมอลำบนเวทีที่สโมสรฟุตบอลการท่าเรือ
“โอ้โห…เรามีมีความสุขเพราะได้ทิปมาเยอะมาก (เน้นเสียง) ต้องแต่งตัวเป็นผู้หญิงยืนอยู่บนเวทีใหญ่ๆ แสงสีสวย มีคนดูเราอยู่ล่างเวที โดนกอดโดนรุม” ซันเล่าพร้อมกับน้ำเสียงเปี่ยมสุข และย้ำว่า เป้าหมายอันดับ 1 ไม่ได้อยากเป็นเจ้าของร้านหนังสือ แต่อยากเป็นนักร้องผู้โด่งดัง
“เห็นหน้าตาแบบนี้เราเคยไปออดิชั่นเพื่อเป็นนักร้องที่แกรมมี่แต่เขาไม่เอา (หัวเราะ) เขาบอกว่าไม่ผ่านเลยจะเปลี่ยนแนวไปร้องลูกทุ่งตอนนี้คิดจะส่งเดโมเทปไปแกรมมี่โกลด์และอาร์สยามเป็นอันดับแรกเพราะเป็นค่ายใหญ่ เพราะเราคิดว่าค่ายใหญ่มีนักร้องหลายๆคนที่คว้าโอกาสไว้ได้ เช่น พี่โบ สุนิตา เคยตั้งปณิธานไว้ว่า ถ้าอายุ 25 ต้องเป็นนักร้องให้ได้ และพยายามทุกวิถีทาง ส่งเดโม่ ฝึกร้องๆ จนได้เป็นนักร้อง ซันก็เลยคิดว่าถ้าเรามั่นใจ เชื่อมั่น ตั้งใจจริง สักวันฝันก็ต้องเป็นจริง” เขาเล่าความฝันในอนาคตอย่างออกรสชาด
จากที่หลายคนคิดว่าสาเหตุที่ทำให้หนังสือขายดีเป็นเทน้ำเทท่าก็เพราะว่าเป็นเราเป็นเพศทางเลือกนั้น ซันบอกว่ามีส่วนที่จริงและไม่จริง
“การที่เราเป็นแบบนี้แล้วทำให้ขายหนังสือดี ก็มีส่วนก็เพราะว่าเราสามารถคุยและเข้ากับทุกเพศทุกวัยทำให้ผู้ซื้อรู้สึกสบายใจเมื่อได้คุย แต่อีกส่วนหนึ่งถ้าเราไม่หาจุดเด่นและขับจุดเด่นที่มีและใช้ประโยชน์มันแบบถูกที่ถูกเวลา เราก็จะไม่มีวันนี้ วันที่นอกจากคนจะชื่นชมแล้ว ยังทำยอดขายได้อย่างถล่มทลาย”
ส่วนรายได้จากหยาดเหงื่อแรงงานที่ได้มานั้น เธอบอกว่า ส่วนหนึ่งก็จะเก็บไว้ใช้และอีกส่วนจะแบ่งให้คุณพ่อ
“สิ่งที่เราดีใจที่สุดก็คือ คุณพ่อ (ปัจจุบันแม่เสียชีวิต) เห็นเราออกทีวี ท่านก็ดีใจ บางครั้งก็ขอขอวีดีโอที่อัดไว้ไปจากออฟฟิศเพื่อไปเปิดให้พ่อดู ว่าลูกกำลังทำอะไรอยู่ จริงๆ มาขายหนังสือแบบนี้ แต่หลายคนไม่รู้ว่าเมื่อก่อนเราไม่ชอบอ่านหนังสือนะ (หัวเราะ) จะหยิบอ่านเฉพาะเรื่องที่สนใจเท่านั้น จนวันหนึ่งมาคิดว่าไม่ได้แล้ว เราต้องเริ่มที่จะอ่าน ต้องตักตวงความรู้ เมื่อเราหยิบหนังสือขึ้นมาทุกเล่มมันมีอะไรดีๆ อยู่ข้างในที่ซันอยากจะแบ่งปันแก่ผู้รักการอ่าน”
สำหรับเป้าหมายหลัก ณ วันนี้ ซันบอกว่าอยากทำให้ทุกคนมีความสุข ความสนุก ทำให้ทุกคนอยากอ่านหนังสือ
“เพราะการทำให้ผู้อ่านรู้สึกดีมันก็เหมือนเราได้ทำบุญที่ทำให้คนอื่นได้อ่านหนังสือ ส่วนเคล็ดลับที่ทำให้งานประสบความสำเร็จ คือการซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ ซื่อสัตย์ต่อตัวเอง รู้ว่าตัวเองมีหน้าที่การบริการ ต้องตอบคำถามลูกค้าให้ได้ ตรงต่อเวลา หากลูกค้าหาหนังสือเล่มไหนก็ต้องไปเสาะหาข้อมูลมา ต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้เต็มที่ เรียนรู้เรื่อยๆไม่หยุดนิ่ง เพราะหนังสือใหม่ตลอด และรู้จักหนังสือให้มากที่สุด
ท้ายที่สุด ซัน ฝากไปยังผู้อ่านด้วยว่า ตนจะพูดเสนอว่าสิ่งหนึ่งที่เราอยากจะให้คนอ่านได้รับสารก็คืออยากให้คนอ่านหนังสือมากๆ เพราะว่าการเปิดหนังสือเท่ากับเป็นการเปิดโลก หนังสือทุกเล่ม ไม่ว่าจะเป็นการ์ตูนหรือแนวไหนก็แล้วแต่ มีประโยชน์กับเราทั้งนั้น

“มีคนถามว่าอยากเป็นแบบพี่ซัน คือคุยเก่ง ยิ้มแย้ม แจ่มใส ต้องทำอย่างไร เราเชื่อว่าคนเรามีพรสวรรค์อย่างละหนึ่งอย่าง ถ้าตัวเองค้นพบก็อยากให้เก็บความสามารถนั้นไว้ เป็นบันไดไต่ไปสู่ฝัน และทำให้มันเป็นจริงในที่สุด แต่เหนืออื่นใด การอ่านหนังสือก็ทำให้เราได้พบพรสวรรค์ได้อีกทางหนึ่งเหมือนกัน” หนุ่มเสียงดีกล่าวทิ้งท้าย


หนังสือในดวงใจ

1.แฮร์รี่ พอตเตอร์กับศิลาอาถรรพ์ เล่ม 1 ผู้แต่งเจ.เค.โรว์ลิง  
2.การ์ตูนโดเรมอน และชินจัง ช่วยให้ผ่อนคลายและแทรกความรู้
3.หนังสือการ์ตูนประวัติศาสตร์นานาประเทศชุดล่าขุมทรัพย์สุดขอบฟ้า แต่งโดย กอมโดริ คัมพานี ปัจจุบันมีถึง 25 ประเทศแล้วซันก็สะสมทุกเล่ม
4.หนังสือ 5 สหายผจญภัย ผู้แต่ง อีนิต ไบลตัน
5.หนังสือการผจญภัยของกัปตันกางเกงใน หนังสือวรรณกรรมเยาว์ชน ผู้แต่ง เดฟ พิลกี้

≧≧

未经允许不得转载:综合资讯 » ‘เราขายความกล้า บ้าในวิชาชีพ…’ วรวุฒิ เจียมทอง เด็กเชียร์หนังสือสุดหลุดโลก

赞 (0)
分享到:更多 ()