综合资讯
当前位置:综合资讯 > 文化 > 文化走廊 > 正文

เลิกสร้างภาพผลาญงบก่อนคืนอำนาจให้ประชาชน

เลิกสร้างภาพผลาญงบก่อนคืนอำนาจให้ประชาชน

จนถึงวันนี้แล้ว การคืบคลานของมวลน้ำปริมาณมหาศาลยังคงไหลบ่าเข้ามาท่วมขังในเขตกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล ยังไม่มีทีท่าว่าจะไปสิ้นสุด ณ ที่ใด ก่อนที่จะถูกระบายลงทะเลไปตามธรรมชาติของน้ำ
แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นและเป็นคำถามของคนกรุงเทพฯ ที่ยังหาคำตอบไม่ได้จนถึงทุกวันนี้ นอกจากการคาดการณ์ และประมวลข้อมูลจากนักวิชาการสำนักต่างๆ ที่มาช่วยกันให้ข้อมูลผ่านสื่อต่างๆ โดยต้องวิเคราะห์กันแบบวันต่อวันคือ พื้นที่ใดใน กทม.จะถูกท่วมบ้าง ท่วมด้วยระดับน้ำแค่ไหน และน้ำจะท่วมขังนานเพียงใด
เป็นที่น่าสังเกตว่าเราไม่เคยได้รับข้อมูลเหล่านี้จากศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) ของรัฐบาลเลย นอกจากข่าวสารที่ให้ความหวังแบบลมๆ แล้งๆ ไปวันๆ ทั้งในเรื่องของกระสอบทรายยักษ์ที่ทำได้เพียงการชะลอน้ำให้ไหลเข้ากรุงเทพฯ ช้าลง และการระบายน้ำไปทางโน้นที ทางนี้ที แต่ภาพที่เห็นคือ มวลน้ำที่ไหลบ่าเข้าท่วมเขตต่างๆ ในกรุงเทพฯ มากขึ้นๆ ทุกที จนไม่รู้ว่าวันนี้ คนที่อพยพหนีน้ำมารอบหรือ 2 รอบแล้ว จะย้ายไปอยู่ส่วนไหนของ กทม. จึงจะไม่ต้องหนีน้ำอีกครั้ง
ด้านฝ่ายกรุงเทพมหานครที่บริหารโดยพรรคประชาธิปัตย์ จนถึงวันนี้แล้ว ก็ดูเหมือนจะยังทำงานไปคนละทิศละทางกับ ศปภ. และทำได้อย่างมากก็แค่คาดการณ์ว่าน้ำไปถึงแค่ไหน และคอยประกาศให้ประชาชนอพยพ แต่ก็ไม่เคยบอกรายละเอียดว่าจะอพยพไปไหนได้บ้าง และที่สำคัญไม่เคยบอกว่า วันนี้ กทม.ได้พยายามระบายน้ำออกไปอย่างไรบ้าง จากทั้งในพื้นที่มีน้ำท่วมขังอยู่แล้วและเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดน้ำท่วมเพิ่มขึ้น
ถึงวันนี้แล้ว ศปภ.และ กทม.ควรต้องมาทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด ไม่ใช่แค่สร้างภาพเอานายกรัฐมนตรีมานั่งประชุมกับ ผู้ว่าฯ กทม. ประชุมเสร็จแล้วก็ต่างคนต่างทำงานกันต่อ ขณะนี้ ประชาชนอยากเห็นภาพการทำงานร่วมกันอย่างจริงจัง อย่างน้อยก็ควรจัดให้มีการแถลงข่าวร่วมกัน ไม่ใช่ต่างคนต่างแถลง ซึ่งบางครั้งแถลงข้อมูลขัดแย้งกัน ก็ยิ่งทำให้ประชาชนสับสนมากขึ้น
ข้างฝ่ายนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร แม้จะพยายามสร้างภาพว่าพยายามทำงานอย่างหนักแบบหามรุ่งหามค่ำ แต่ในภาวะวิกฤติเช่นนี้ กลับห่วงเรื่องการสร้างภาพลักษณ์ทางการเมืองมากกว่าการทุ่มเทงบประมาณไปช่วยเหลือประชาชนอย่างแท้จริง ตรงกันข้ามเรายังพบว่า ในการออกเยี่ยมเยียนประชาชนผู้ประสบอุทกภัยแต่ละครั้งของนายกรัฐมนตรี ต้องมีการจ้างบริษัท Organizers เข้ามาบริหารจัดการโดยใช้งบประมาณของทางราชการที่มาจากภาษีของประชาชน เพียงแต่ให้ภาพลักษณ์ของนายกรัฐมนตรีที่ผ่านสื่อออกมาดูดี
ทั้งนี้ ยังไม่รวมถึงการเดินทางไปตรวจเยี่ยมการฟื้นฟูหลังน้ำลด ไม่ว่าจะเป็นที่จังหวัดนครสวรรค์หรือพระนครศรีอยุธยา ก็มีการจัดตั้งมวลชนที่สนับสนุนรัฐบาลมาคอยต้อนรับและให้กำลังใจนายกรัฐมนตรี จนทำให้ผู้นำหญิงคนแรกของประเทศไทยต้องเสียน้ำตาไปหลายครั้ง
นอกจากนี้ เรื่องที่มีการท้วงติงกันหลายครั้งคือ การนำวิกฤติของบ้านเมืองมาใช้สร้างความนิยมทางการเมืองให้กับพรรคพวกตัวเอง นอกจากกระบวนการจัดสรรของบริจาคที่เคยถูกวิพากษ์วิจารณ์จนต้องจัดระบบใหม่แล้ว ที่เห็นได้ชัดอีกเรื่องคือ “ครัวรัฐบาล” ซึ่งหน่วยงานของรัฐต้องจัดสรรงบประมาณที่มาจากภาษีของประชาชนลงไปเพื่อจัดทำอาหารเลี้ยงประชาชนในเขตที่ประสบอุทกภัย และไม่ว่าจะจงใจหรือไม่ก็ตาม ได้มีการจัดทำแบนเนอร์ที่พื้นด้านหลังเป็นสีแดงโดดเด่นเพื่อให้สอดคล้องกับสีของพรรคเพื่อไทย
ในด้านของการแก้ไขปัญหาเฉพาะ และการเตรียมการฟื้นฟูหลังน้ำลด รัฐบาลได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมามากมายหลายชุด จนประชาชนสับสนไปหมดแล้วว่าชุดไหนทำอะไร บทบาทหน้าที่ของคณะกรรมการแต่ละชุดมีความซ้ำซ้อนกันหรือไม่อย่างไร เพราะจนถึงวันนี้ ประชาชนที่ได้รับผลกระทบก็ยังไม่รู้เลยว่าจะได้รับการเยียวยาอย่างไรและเมื่อใด
ทุกวันนี้ ความรู้สึกของคนไทยส่วนใหญ่ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ไม่ว่าจะเป็นในพื้นที่ที่น้ำลดแล้ว หรือพื้นที่ที่น้ำกำลังท่วมขังคือ ความหดหู่ วังเวง และไร้ความหวังกับรัฐบาลชุดปัจจุบัน ซึ่งประชาชนขาดความเชื่อมั่นไปนานแล้ว
สิ่งที่ประชาชนพอจะคาดหวังได้อยู่ ณ เวลานี้คือ อยากให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง จริงใจ เลิกสร้างภาพเพื่อหวังรักษาคะแนนเสียงทางการเมืองโดยใช้งบประมาณที่มาจากเงินภาษีของประชาชน
จากนั้น เมื่อวิกฤติน้ำท่วมผ่านพ้นไป และกระบวนการแก้ปัญหาให้กับประชาชนเข้าสู่ระบบที่ข้าราชการประจำสามารถดำเนินการไปได้แล้ว นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐบาลก็ควรแสดงความรับผิดชอบต่อประชาชน ไม่ว่าจะด้วยการลาออกจากตำแหน่ง หรือยุบสภาเพื่อคืนอำนาจให้กับประชาชนด้วยการเลือกตั้งใหม่ตามข้อเสนอของนักวิชาการบางกลุ่มที่อาจจะยังมีข้อถกเถียงกันอยู่ว่าเป็นทางออกที่ดีที่สุดหรือไม่
แต่ที่แน่ๆ รัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีที่ชื่อ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” คงจะต้องแสดงความรับผิดชอบทางการเมืองอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่นเดียวกับที่นายกรัฐมนตรีนาโอโตะ คัง ของญี่ปุ่น ประกาศลาออกจากตำแหน่งเพื่อรับผิดชอบต่อการบริหารจัดการรับมือกับเหตุแผ่นดินไหวและสึนามิ ที่ทำให้มีประชาชนเสียชีวิตและสูญหายหลายหมื่นคน รวมทั้งความเสียหายต่อเศรษฐกิจที่ตามมาอีกมหาศาล
หรือถ้าจะดันทุรังอยู่ต่อไปโดยอาศัยเสียงข้างมากในสภาก็คงจะไม่มีใครว่าอะไร แต่ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับประเทศไทยจากอุทกภัยครั้งนี้ คงจะมากเกินกว่าที่รัฐบาลซึ่งบริหารจัดการผิดพลาดมาตลอด จะบากหน้าบริหารประเทศต่อไปได้ท่ามกลางความไม่เชื่อมั่นของทั้งคนไทยและประชาคมโลก…

ชวรงค์ ลิมป์ปัทมปาณี

乀乀

未经允许不得转载:综合资讯 » เลิกสร้างภาพผลาญงบก่อนคืนอำนาจให้ประชาชน

赞 (0)
分享到:更多 ()