ความทรงจำในดินแดนสยาม
มหรรณพ
กลับมาจากเมืองไทยประมาณ 4 เดือนแล้ว เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม พศ. 2551 พร้อมกับเที่ยวบิน TG 612 สายการบินไทยลงมาสู่ท่าอากาศยานคุนหมิงแล้ว ชีวิตการเรียนในเมืองไทยของพวกเราก็กลายเป็นเรื่องที่ผ่านไปซึ่งอาจจะบันทึกไว้ในสมุดประวัติศาสตร์ส่วนตัวของเพื่อนๆทุกคนอย่างลึกซึ้ง
เรากลับมาสู่ประเทศบ้านเมืองของเราเองด้วยจิตใจที่ตื่นเต้นและสดใส เหมือนกับว่าทุกสิ่งทุกอ่ยางที่สวยงามกำลังรอพวกเราอยู่ เมื่อมองเห็นถนนที่เราเคยเดินบ่อยๆ ห้างสรรพสินค้าที่เราเคยไปช็อปปิ้งเสมอ ผมคิดว่าเพื่อนทุกคนคงกำลังนึกถึงเรื่องเก่าที่เคยเกิดขึ้นในที่นี่เท่าที่พวกเขาสามารถนึกถึงได้
ใช่ ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังรอพวกเรากลับมาอยู่ แต่สิ่งที่รอพวกเราอยู่นั้น ไม่ใช่เป็นสิ่งที่งดงามทั้งหมดเหมือนพวกเราคาดหวังไว้ เราอาจจะมีความสุขตอนที่กลับบ้านไปพบกับสมาชิกในครอบครัวพร้อมหน้าพร้อมตา เราอาจจะรู้สึกภาคภูมิใจตอนที่เอาผลการศึกษาที่ค่อนข้างดีออกมาเป็นสิ่งตอบแทนให้กับพ่อแม่ แต่ขณะเดียวกันเราก็ต้องเผชิญกับควมากดดันในด้านทำมาหากิน เพราะว่าอีกไม่กี่นานเราก็จะจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัย บัจจุปันนี้ ชีวิตของพวกเรากลับมาสู่ปกติแล้ว เราต้องไปเข้าเรียนทุกวันเหมือนเดิม ต้องไปอ่านหนังสือที่หอสมุดเสมอเหมือนเดิม ต้องดำรงชีวิตแบบจีนเหมือนเดิม
เมื่อมองเห็นรูปต่างๆที่ถ่ายในเมืองไทย ทำให้ผมห้ามไม่ได้ที่จะต้องนึกถึงชีวิตการเรียนที่นู่น ย้อนกลับไปดู ผมมีความรู้สึกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในเมืองไทยนั้นอยู่ในความฝัน ความทรงจำอยู่ในสมองมีแต่ภาพรวม ผมทุกข์ใจที่ไม่สามารถบอกอย่างชัดเจนได้เลยว่าชีวิตผมในเมืองไทยนั้นมันเป็นอย่างไรกันแน่ อาจจะเพราะว่าชีวิตผมในบัจจุปันนี้เป็นรูปธรรมมากเกินไป ผมยังไม่ทันที่จะเก็บความทรงจำเหล่านั้นไว้ให้ดีก็เลยถูกบีบออกจากสมอง แต่ผมยังโชคดีอยู่ เพราะว่าบนขวาโต๊ของผมมีสมุดเล่มหนึ่งซึ่งสามารถฟื้นฟูความทรงจำของผมขึ้นมาได้ นี่ก็คือไดเออรี(Diary) ที่ผมเคยเขียนตอนที่เรียนในประเทศไทย
ตอนนี้ 5 ทุ่มเศษแล้ว ในกลางคืนที่เงียบสงัด จากนอกหน้าต่างมีแต่เสียงรถที่วิ่งผ่านไปมาเข้ามาในห้องผมอย่างรำไร โคมไฟที่บนซ้ายโต๊ดูเหมือนสว่างยิ่งขึ้นเมื่อเปรีบเทียบกับรอบข้างที่มืดๆ ชาดอกมะลิที่เมื่อกี๊ชงไว้ ตอนนี้ยังมีกลิ่นไอที่หอมๆ โผล่ออกมาเรื่อยๆ ดื่มชาที่ร้อนๆหอมๆอย่างนี้คำหนึ่ง ผมเตรียมที่จะเปิดอ่านไดเออรีเล่มดังกล่าว พร้อมกับการพลิกกระดาษไดเออรีเป็นแผ่นๆ ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านไปในเมืองไทยปรากฎขึ้นมาอย่างมีชีวิตชีวา เหมือนเพิ่งเกิดขึ้นในเมื่อกี๊นี้เอง
(โรงอาหาร)
“ผมต้องพยายามเรียนวิชาความรู้อย่างเต็มที่ เพื่อให้ความสามารถในการใช้ภาษาไทยของผมมีความก้าวหน้าอย่างเห็นได้ชัด เพื่อเรียนรู้และทำความเข้าใจศิลปะวัฒนธรรมไทย ประวัติศาสตร์ และสังคมไทยให้มากยิ่งขึ้น” นี่เป็นจุประสงค์และเป้าหมายที่ผมตั้งไว้ก่อนที่ไปเมืองไทย ดังนั้น เมื่อไปถึงเมืองไทย หลังจากเริ่มเปิดการเรียนเป็นทางการแล้ว ผมขยันเรียนทุกวิชา ก่อนเข้าเรียน ผมต้องเตรียมเนื้อหาที่จะเรียนในล่วงหน้า ตอนที่เข้าเรียนผมตั้งใจฟังคำอธิบายของอาจารย์และพยายามจดเนื้อหาที่อาจารย์เพิ่มเติมไว้ให้ครบ หลังจากเลิกเรียนกลับหอ ก็ต้องทบทวนทุกวิชาอยู่เสมอเพื่อให้สิ่งที่เรียนมากลายเป็นความรู้ของตัวเองอย่างแท้จริง มีเรื่องหนึ่งที่ผมต้องกล่าวเพิ่มเติม ณ ที่นี่ ก็คือ เราเริ่มเรียนเป็นทางการในวันที่ 28 พฤษภาคม แต่ก่อนหน้านี้ มหาวิทยาลัยบูรพาที่เราเรียนอยู่ก็เปิดสอนมาแล้ว 2 เดือน หมายความว่าเพื่อเรียนวิชาที่กำหนดไว้ในเทอมนี้ให้แล้วเสร็จอย่างสำเร็จ เราต้องใช้เวลา 2 เดือนที่เหลืออยู่มาเรียนวิชาของทั้งเทอม ฉะนั้น วันเสาร์อาทิตย์ของพวกเราหมดไป ไม่มีวันหยุด ไม่มีเวลาพักผ่อน เช้าออกเย็นกลับ มีแต่อ่านหนังสือ ทำการบ้าน ทำรายงาน ทำการทดสอบทั้งนั้น บอกได้เลยว่า “เหนื่อยจะตาย” แต่เพื่อนเราทุกคนตระหนักถึงหน้าที่ของพวกเรา จึงพยายามขจัดอุปสรรคและความยากลำบากทุกประการจนกระทั่งเหมือนพวกเราเปลี่ยนเป็นฃูเปอร์แมนที่เต็มด้วยกำลัง
(พระบรมฉายาลักษณ์ของในหลวง ที่หน้าประตู ม .บูรพา)
ผ่านการเรียนบ้าแบบนี้แล้วหนึ่งเทอม ความพยายามของเราได้รับผลดีพอสมควร ความสามารถในการใช้ภาษาไทยของเรามีความก้าวหน้าไม่มากก็น้อย
ช่วงปิดเทอมเป็นช่วงเวลาที่พวกเรามีความสุขมากที่สุด แม้ว่าการปิดเทอมนี้มีแต่ 20 กว่าวัน แต่สำหรับพวกเรา พอใจอยู่แล้ว สิ่งที่น่าตื่นเต้นอีกเรื่องหนึ่งคืออาจารย์ของภาควิชาภาษาไทยจะพาพวกเราไปเมืองอยุธยา เรามักจะเรียกชื่อที่เพราะๆว่าไปทัศนศึกษา แต่ที่จริงแล้วเรารู้ นี่ก็คือไปเที่ยวนั่นเองสำหรับพวกเรา จ่ายเงินแค่ 300 บาท ไปเที่ยว 2 วัน กินฟรี พักโรงแรม 3 ดาวด้วย นับว่าคุ้มมากเลย
หลังจากสภาพจิตใจที่เครียดของเราผ่อนคลายแล้ว ก็ถึงเวลาเตรียมตัวเข้าสู่การเรียนในเทอมต่อไป
(โบราณสถาน เมืองเก่าอยุธยา)
ปกติเราชอบไปหอสมุดของ ม.บูรพา เพราะว่าหอสมุดนี้สวย หนังสือเยอะ แล้วก็มีแอร์ด้วย นี่เป็นสถานที่สบายมากที่สุดแล้ว เรามักจะหลับไปนิดหนึ่งเป็นกาพักผ่อนหลังจากอ่านหนังสือเหนื่อยแล้ว
( ห้องสมุดมหาวิทยาลัยบูรพา ขวัญใจนักศึกษา)
ชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทยสบายมาก คนไทยทำอะไรก็ช้าๆ “ใจเย็นๆก่อนฃี่”นี่เป็นคำพูดของคนไทยที่เรามักจะได้ยิน การเรียนของนิสิตไทยก็ไม่ค่อยหนักเท่าไร พวกเขาจะใช้เวลาว่างไปเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ จังหวะชีวิตของคนไทยแบบนี้ก็มีผลกระทบต่อพวกเรา แม้ว่าการเรียนของเราหนักไปนิดหน่อย แต่นอกจากนี้ เราไม่ต้องคิดอะไรมาก ไม่ต้องไปกังวลเรื่องการทำงาน เรื่องของอนาคต เสมือนหน้าที่ของคนไทยในทุกวันอยู่ที่พยายามใช้เวลาให้มันสบาย
นอกจากนี้ เมืองไทยนี้มีเทศกาลมากมาย เทศกาลเหล่านี้ส่วนมากสืบทอดมาจากอดีต มีเทศการเกี่ยวกับการเกษต เช่น วันพระราชพิธีจรดนังคัลแรกนาขวัญ วันบุญบั้งไฟ เทศกาลเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ มีวันเฉลิมพระชนมพรรษา วันฉัตรมงคล วันจักรี วันพระบาทสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชเป็นต้น มีเทศกาลเกี่ยวกับศาสนา อย่างเช่น วันวิสาขบูชา วันมาฆบูชา วัอาสาฬหบูชา วันเข้าพรรษา ฯลฯ เทศกาลดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่มีการเกษตรกรรมเป็นอาชีพหลัก พระมหากษัตริย์ และศาศนาพุทธมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในชีวิตประจำวันของคนไทย ในหลวงทรงเป็นศูนย์รวมใจของประชาชนชาวไทยและทรงทุ่มเทพระราชหฤทัยของพระองค์ให้กับพสกนิกรทั้งปวงในประเทศตลอดเวลา เนื่องจากได้รับพระราชกรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ ประชาชนจึงยกย่องพระองค์เป็นมหาราชของไทย
สิ่งต่างๆเหล่านี้ทำให้ผมประทับใจกับวัฒนธรรมไทยเป็นอย่างมาก ความรู้ที่เคยอ่านจากหนังสือ ตอนนี้ผมมีโอกาสได้สัมผัสด้วยตัวเองอย่างใกล้ชิดแล้ว ทำให้ผมรู้จักพละกำลังของประเพณีและวัฒนธรรมในการสร้างชาติมีความสำคัญถึงขนาดไหน ผมก็เลยตัดสินใจจะไปค้นคว้าศึกษาวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์จีนกับไทยอย่างลึกฃึ้ง เพื่อทีหลังจะได้มีโอกาสทำงานเกี่ยวกับการแลกเป็นวัฒนธรรมระหว่างไทยจีน 10 เดือนที่พวกเราเรียนในประเทศไทยผ่านไปเร็วเหมือนกับเวลาที่พริบตา โดยสรุปแล้ว พวกเราเรียนรู้ตั้งเยอะ แต่เราต้องรู้จักความรู้นั้นไม่มีขอบเขต เราต้องพยายามต่อไป 4 ปีที่เรียนในมหาวิทยาลัยเป็นแค่การปูพื้นฐานเท่านั้น ระยะทางของการเรีนยไม่มีวันจะสิ้นสุดลงได้ หน้าที่ของพวกเราในตอนนี้ก็คือเอาความรู้ที่เรีนยมาไปประยุกต์ในการทำงานต่างๆ ขณะเดียวกันคึกษาความรู้ใหม่ตลอดเวลา
ผมขอจบบทนี้ด้วยการขอขอบคุณอาจารย์ทั้งหลายที่มีเมตตากรุณาขอบคุณที่พวกท่านคอยอบรมสั่งสอนพวาเราด้วยความละเอียด และขออวยพรให้กับน้องๆที่รุ่นต่อๆไปประสบความสำเร็จในการเรียน
ΧΧ
未经允许不得转载:综合资讯 » 暹罗记忆(原创) 几年前的一片文章