ถึงวันขึ้นปีใหม่ก็เหลือเวลาอีกประมาณ 3 ปี ประเทศไทยจะพร้อมหรือยัง “ไทยรัฐออนไลน์” สอบถามความเห็นของผู้ที่คุมบังเหียนระบบการศึกษาไทย เพราะเราคงไม่ปฏิเสธไม่ได้ว่ากระทรวงศึกษาธิการเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนา และนำพาประเทศไทยก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียน 2558…
ในการประชุมผู้นำอาเซียนที่บาหลี ประเทศอินโดนีเซีย ทุกประเทศที่เข้าร่วมการประชุม ต่างเห็นชอบกันให้จัดตั้งประชาคมอาเซียน ในปี 2558 คือ การให้อาเซียนรวมตัวเป็นชุมชน หรือประชาคมเดียวกัน โดยเน้นเรื่องที่เกี่ยวข้องกัน ได้แก่ 1. ประชาคมการเมืองและความมั่นคงอาเซียน ที่มุ่งให้ประเทศในภูมิภาคอยู่ร่วมกันอย่างสันติ เพื่อให้ประชาชนมีความปลอดภัยและมั่นคง 2. ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน มุ่งให้เกิดการรวมตัวกันทางเศรษฐกิจ และการอำนวยความสะดวกในการติดต่อค้าขายระหว่างกัน อันจะทำให้ภูมิภาคมีความเจริญมั่งคั่ง เพื่อความอยู่ดีกินดีของประชาชนในประเทศอาเซียน และ 3. ประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน มุ่งหวังให้ประชาชนอยู่ร่วมกันภายใต้แนวคิดสังคมที่เอื้ออาทร มีสวัสดิการทางสังคมที่ดี และมีความมั่นคงทางสังคม
เริ่มที่ “วรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวถึงความพร้อมของระบบศึกษาไทย ที่กำลังจะเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ว่า กระทรวงศึกษาธิการก็ได้มีการดำเนินการเพื่อรองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนแล้ว โดยเริ่มต้นในการกำหนดยุทธศาสตร์การศึกษา ที่มองไปที่การแข่งขันในระบบนานาชาติ ที่มีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องเศรษฐกิจและสังคมของประเทศต่างๆ ทั่วโลก ซึ่งเราเห็นว่่าไทยควรที่จะพัฒนากำลังพลในด้านใดบ้าง ซึ่งข้อสรุปก็จะเน้นไปใน 7 เรื่อง คือ 1.ด้านเกษตรกรรม 2.ด้านอุตสาหกรรม 3.เรื่องการบริหารจัดการ 4.ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ 5.วิทยาศาสตร์เพื่อชีวิต หรือกลุ่มแพทย์และสุขภาพ 6.เรื่องอาหาร ซึ่งไทยมีความพร้อมอยู่แล้ว และ 7.เน้นความเป็นเลิศในการพัฒนาถ่ายทอดองค์ความรู้และนานาชาติศึกษา
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวอีกว่า จากแนวคิดทั้งหมด กระทรวงศึกษาธิการจึงได้ปรับทิศทางการศึกษา คือเน้นการพัฒนาการศึกษาให้มีงานทำ เพื่อยกระดับการศึกษาไทยขึ้นไป โดยใช้องค์ความรู้ในทุกๆ ด้าน นำเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องมาใช้ และเน้นเรื่องการใช้ภาษามากขึ้น โดยเฉพาะภาษาอังกฤษที่ถือเป็นภาษาสากล และภาษาอื่นๆ ด้วย อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ได้จัดกรอบแนวคิดดังกล่าว ส่งมอบไปยังมหาวิทยาลัยและเขตการศึกษาต่างๆ เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติแล้ว คาดว่าปีการศึกษา 2555 หรือประมาณเดือนพฤษภาคมปีหน้า เด็กไทยจะได้ใช้หลักสูตรใหม่ เพื่อเปิดโอกาสในการเข้าประชาคมอาเซียนและประชาคมโลกได้
ด้าน ศ.นพ.ภิรมย์ กมลรัตนกุล อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แสดงความเห็นไว้ว่า การที่ประเทศไทยจะเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในอีก 3 ปีข้างหน้านั้น ตอนนี้ก็เห็นความพยายามในเรื่องนี้แล้ว แต่ส่วนตัวมองว่า ความตื่นตัวยังไปไม่ถึงทุกภาคส่วน และเห็นว่าเราควรที่จะรวมตัวและร่วมมือกัน บูรณาการองค์ความรู้ ข้อมูลข่าวสารต่างๆ เพื่อนำไปแข่งขันกับประเทศอื่นๆ ซึ่งต้องยอมรับว่าหลายประเทศเพื่อนบ้านของเรา ขณะนี้มีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด ซึ่งหากไทยเราร่วมมือกันแข่งขันน่าจะดีกว่า แต่ถ้าเราไม่รวมตัวกันก็อาจจะเป็นเรื่องลำบากที่จะไปแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้าน
ขณะที่ ศ.ดร.ประสาท สืบค้า อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี มองว่า สิ่งที่เราต้องทำ คือการเตรียมความพร้อม โดยเน้นการเชื่อมโยงระบบสาธารณูปโภค ระบบขนส่งต่างๆ เข้าด้วยกัน เรียนรู้ระเบียบค่าธรรมเนียม ภาษี กฎหมายต่างๆ ระบบสื่อสารที่สามารถรองรับภายในและภายนอกประเทศด้วย และการเรียนรู้วัฒนธรรม สังคม สิ่งแวดล้อมในประเทศเพื่อนบ้านร่วมกัน โดยเฉพาะเรื่องภาษา ส่วนเรื่องระบบการศึกษาไทย ขณะนี้ประเทศอินโดนีเซียและมาเลเซียได้ปรับกำหนดการการเรียนการสอนของนักเรียนเพื่อรองรับประชาคมอาเซียนแล้ว สำหรับประเทศไทยก็ควรที่จะมีการปรับเปลี่ยนเช่นกัน แต่ต้องศึกษาถึงผลดีผลเสียให้ดีก่อน ซึ่งส่วนตัวก็อยากให้เตรียมพร้อม และไม่อยากให้คนไทยประมาท
อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี กล่าวอีกว่า ส่วนตัวหวังว่า ปี 2558 ประเทศไทยก็ยังเป็นอันดับ 3 รองจากสิงคโปร์และมาเลเซีย เพราะนั่นคือความภูมิใจของเรา แต่เรื่องนี้ถ้ารัฐบาลให้ความสำคัญ เวลาที่เหลืออีก 3 ปี ก็น่าจะทันในการเตรียมตัว โดยเน้นพัฒนาบัณฑิตที่มีทักษะหลากหลาย และสามารถเชื่อมโยงทักษะที่หลากหลายเข้าด้วยกันกับศาสตร์อื่นๆ ได้
“เด็กก็คือเด็ก ผู้ใหญ่ต่างหาก คือผู้ที่สร้างศักยภาพ สร้างกระบวนการเรียนรู้ เหมือนนักกีฬาที่ต้องมีโค้ช เพราะเด็กไทยเราไม่เคยเป็นรองชาติไหน ที่ผ่านมาก็ได้รับรางวัลและแข่งขันชนะในระดับโลกมาแล้ว” ศ.ดร.ประสาท กล่าวทิ้งท้าย
แล้วคุณล่ะ!!! พร้อมจะนำพาตัวเองก้าวเข้าสู่ ‘ประชาคมอาเซียน’ แล้วหรือยัง.
ЩЩ
未经允许不得转载：综合资讯 » ‘ไทย’ พร้อมแค่ไหน??? รับ ‘ประชาคมอาเซียน 2558’