综合资讯
当前位置:综合资讯 > 资讯 > 泰国新闻 > 正文

ยำใหญ่

"วิคเตอร์ บูท" กำลังทำ ให้ไทยกลายเป็นแซนด์วิชถูกบีบซ้าย-บีบขวา นายกฯจะต้องแก้ลำให้ดีเดี๋ยวจะเสียศูนย์ อะไรไม่ว่านักการเมืองดันจับไปเล่นเกมซ้ำเติมสถานการณ์ เข้าไปอีก

ข่าว "เขย่าขวด" สุดสัปดาห์นี้ตรงกับวันเลือกตั้ง ส.ก.-ส.ข.กทม. แม้จะเป็นการเลือกตั้งระดับท้องถิ่นที่คนเมืองหลวงไม่ค่อยไปใช้สิทธิ พูดง่ายๆว่าไม่ค่อยให้ความสนใจเท่าใดนัก

จากที่ผ่านมามีการไปใช้สิทธิลงคะแนนราว 40 กว่า % เท่านั้น

เพราะมองว่าไม่ค่อยมีความสำคัญสู้ เลือกตั้งใหญ่ไม่ได้ แค่แก้ปัญหานํ้าท่วม รถติด สิ่งแวดล้อมสีเขียวก็เท่านั้น

นี่เป็นทัศนคติที่ไม่ค่อยจะดีนัก

ทั้งๆที่ กทม.นั้นมีงบประมาณสูงถึง 6-7 หมื่นล้านบาท มากกว่าบางกระทรวงด้วยซํ้าไป การเลือก ส.ก.-ส.ข.จึงมีความสำคัญไม่ต่างไปจาก ส.ส.ในสภาผู้แทนฯ

นั่นคือตรวจสอบการทำงานของฝ่ายบริหารคือผู้ว่าฯ  กทม.และทีมงาน

ขณะเดียวกัน กรุงเทพฯเป็นเมืองใหญ่ นอกจากแก้ปัญหาพื้นฐานแล้ว ยังมีเรื่องการพัฒนา การศึกษา และมีโครงการใหญ่ๆอีกจำนวนมาก

ดังนั้น คนกรุงเทพฯจึงต้องให้ความสำคัญและไปลงคะแนนกันให้มากๆ เพื่อจะได้คนดี คนเก่งเข้าไปตรวจสอบ คัดค้าน และเสนอแนวทางแก้ปัญหาให้ดีขึ้น

ไม่ใช่ปล่อยให้ผู้ว่าฯ กทม.สบายๆอย่างที่ผ่านมา

นอกจากนั้น   การเลือกตั้ง   ส.ก.-ส.ข.ครั้งนี้น่าจะเป็นตัวชี้วัดความนิยมพรรคการเมืองอย่างประชาธิปัตย์   เพื่อไทย   และพรรคการ เมืองใหม่ที่เพิ่งเกิด

เพราะว่าที่จริงแล้วนี่คือฐานคะแนนเสียงสำคัญ   การเลือกตั้งครั้งนี้ผลออกมาอย่างไรน่าจะเกี่ยวเนื่องไปถึงการเลือกตั้ง ส.ส.และการเมืองโดยรวมของประเทศด้วย

อย่างไรก็ดี วาระของประเทศนี้ดูเหมือนจะมีปัญหาเกาะกุมอยู่หลายเรื่องหลายราวแม้งบประมาณปี 54 จะผ่านสภาไปได้

แต่เรื่องจุกจิกก็ตามมาอีกเรื่อง ที่ สตง.ก็ซัดกันนัวเนีย เมื่อผู้ว่าฯคนเก่ายังไม่ยอมลุกจากเก้าอี้ ทั้งๆที่อายุเกินกำหนดไปแล้ว แต่ยังตั้งตัวเองในฐานะผู้รักษาการ

ก็เลยถูก "ลูกน้องเก่า" ตั้งป้อมค้านแหละ

ไม่รู้จะยึดติดอะไรกันนักหนาหรือว่ามีอะไรที่ต้องการกลบฝัง

ที่กระทรวงมหาดไทยในยุคตกตํ่าสุดขีดก็เกิดปัญหาการแต่งตั้งโยกย้าย เมื่อ 41 นอภ.

ซึ่งมีการแต่งตั้งโยกย้ายไปแล้วก็เกิดปัญหาเพราะมีการชี้ว่าไม่เป็นธรรม ข้ามอาวุโสเหมือนปลัดกระทรวงคนใหม่ไม่ผิดแผก

เมื่อเป็นเช่นนี้มันก็เลยยุ่งยากขึ้นมาอีก

เป็นที่รู้กันดีว่ามหาดไทยที่ภูมิใจไทยเข้าครอบครองทั้งระบบนั้นมีปัญหามาตลอด และถือเป็นเขตห้ามเข้าก็ว่าได้ เพราะแม้แต่ นายกฯก็ไม่กล้าเข้าไปแตะทั้งๆที่รู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้นที่นั่น

หรือแม้แต่ที่ สตช.เพราะ พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ รอง ผบ.ตร. ซึ่งได้รับการ แต่งตั้งและทำงานในหน้าที่นี้มานานแล้วถึงขั้นเป็นแคนดิเดต ผบ.ตร.คนใหม่

ปรากฏว่ามีการฟ้องร้องจนศาลปกครองชี้ว่าเป็นการแต่งตั้งที่มิชอบ เนื่องจากข้ามอาวุโส ปัญหาจุกอกอย่างนี้แก้ยากเสียด้วย

และที่ยังพัวพันกันยังไม่จบก็คือ "มาบตาพุด" แม้จะมีการประกาศกิจการรุนแรง 11 ประเภทออกมาแล้ว แต่ก็ยังเดินหน้าไม่ได้ เพราะยังมีค้างคาอยู่ในศาลปกครอง ซึ่งจะมีการชี้ขาดในวันที่ 2 ก.ย.ว่าจะปลดล็อกอุตสาหกรรม 79 ประเภทหรือไม่

หากชักช้ากันไปมากกว่านี้นักลงทุนก็คงจะเผ่นกันไปหมดแล้ว

เหนืออื่นใด ในท่ามกลางข่าวเซ็งๆก็ยังมีข่าวดี เมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ลาออกจากที่ปรึกษาเศรษฐกิจ "ฮุน เซน" ทำให้ 2 ประเทศหันมาจูบปากกันอีกครั้ง

แต่ยังไม่ทันสบายอกสบายใจก็เจอเข้าไปอีกดอก ครานี้เจอศึกหนักหน่อย เมื่อต้องอยู่หว่างกลางเขาควาย ข้างหนึ่งก็สหรัฐฯอีกข้างหนึ่งก็รัสเซีย

ถูกยักษ์ใหญ่ระดับมหาอำนาจบีบซ้ายบีบขวาจนหน้าเขียวอยู่ในขณะนี้

นั่นเพราะตำรวจไทยไปจับ "วิคเตอร์ บูท" ชาวรัสเซีย อาชญากรสงครามและอดีตเคจีบีชื่อก้องโลก และศาลอุทธรณ์ได้พิพากษาส่งตัวให้สหรัฐฯในฐานะผู้ร้ายข้ามแดน

ทำให้รัสเซียไม่พอใจคัดค้าน แต่สหรัฐฯพอใจและพยายามบีบให้ส่งกลับให้เร็วที่สุด

แต่ที่มากกว่านั้นปรากฏว่านักการเมืองไทยจับมาเล่นเกมการเมืองสาวไส้กันแหลก ปั้นข่าวเท็จให้เป็นข่าวจริง และทำท่าว่าจะเป็นเงื่อนไขให้เอามาเป็นข้อต่อรองศาลไทย

ทำให้เห็นว่ารัฐบาลแทรกแซงและเป็นการตัดสินที่ไม่ยุติธรรม

"คน" ประเภทนี้มัน "ช.ม.ก." จริงๆ!!!

"ลิขิต จงสกุล"

未经允许不得转载:综合资讯 » ยำใหญ่

赞 (0)
分享到:更多 ()