นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
รัฐบาลยืนยันทุกโครงการจะเข้าสู่กระบวนการที่มีความชัดเจน เพื่อสร้างความเข้าใจ อยากให้ภาคประชาชนมีความรู้สึกว่าสามารถมาร่วมกับทางธุรกิจได้ในการที่จะ สร้างโอกาสให้กับประชาชนและไม่กระทบกับสิ่งแวดล้อม…..
เมื่อวันที่ 3 ก.ย.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีการประกาศ 11 ประเภทกิจการรุนแรงที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ในพื้นที่มาบตาพุด จ.ระยอง ที่ล่าสุดศาลปกครองกลางมีคำสั่งให้ 74 โครงการเดินหน้าต่อไปได้ ซึ่งมีการหารือกับเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นว่า ถือว่าขณะนี้มีความชัดเจนขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง เมื่อศาลมีคำวินิจฉัยและคณะรัฐมนตรีมีการประกาศกิจการที่มีผลกระทบรุนแรงไปแล้ว ก็เข้าใจว่าทางญี่ปุ่นได้มาแจ้งว่ามีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น และจะช่วยสร้างบรรยากาศในการลงทุน
ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่มีประชาชนบางกลุ่มไม่พอใจจะมีการทำความเข้าใจอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ความจริงบางทีบางคนเข้าใจว่า การเป็นกิจการรุนแรงหรือไม่รุนแรง แปลว่าห้ามทำ ความจริงไม่ใช่ แม้เป็นกิจการที่รุนแรง ถ้าปฎิบัติตามขั้นตอนต่างๆก็สามารถเดินหน้าทำได้ สิ่งที่ศาลและรัฐบาลทำตอนนี้คือทำความชัดเจนในเรื่องของกระบวนการทั้งหลาย ซึ่งรัฐบาลก็ยังยืนยันว่า ทุกโครงการจะเข้าสู่กระบวนการที่มีความชัดเจนเพื่อสร้างความเข้าใจ อยากให้ภาคประชาชนมีความรู้สึกว่าสามารถมาร่วมกับทางธุรกิจได้ในการที่จะสร้างโอกาสให้กับประชาชน และไม่กระทบกับสิ่งแวดล้อม ถ้าหากมีการดำเนินการที่ไม่เป็นมาตรฐาน รัฐบาลก็พร้อมที่จะดำเนินการ ตนเองให้ความสำคัญและให้น้ำหนักกับเรื่องงานของคณะกรรมการ 4 ฝ่ายในส่วนที่เป็นมาตรการในการแก้ปัญหา อาจจะมากกว่าการประกาศไม่ประกาศกิจการและคดีด้วยซ้ำ ตรงนี้รัฐบาลตั้งใจทำต่อและอยากจะให้พี่น้องประชาชนมีส่วนร่วม เรามีกลไกนอกเหนือจากกระทรวง ทบวง กรมตามปกติ อย่างเช่น สมัชชาสุขภาพและคณะกรรมการอื่นๆที่พร้อมจะมาช่วยทำงานตรงนี้
เมื่อถามว่า ในส่วนของภาคประชาชนที่มองว่าการประกาศประเภท 11 กิจการรุนแรงเป็นเหตุผลที่ทำให้ศาลปกครองยกทั้งหมดและเหลือเพียงแค่ 2 อย่าง ทำให้มีความรู้สึกที่ไม่ดีกับภาครัฐ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นหน้าที่ของภาครัฐ เมื่อเราไม่ประกาศก็มีปัญหาทางกฎหมายและมีปัญหากับทุกฝ่าย เมื่อมีกติกาที่ชัดเจนก็สามารถมาเข้าสู่กติกานี้ และอย่างที่ตนย้ำไปว่าเราก็ไปออกประกาศก่อนหน้านี้ด้วยซ้ำว่า กิจการใดซึ่งตามประกาศไม่ได้เป็นกิจการที่รุนแรง แต่ถ้าชุมชนนั้นเห็นว่ารุนแรงก็สามารถอุทธรณ์มาได้ ในส่วนของคณะกรรมการและอนุกรรมการก็จะพิจารณา
ต่อข้อถามว่า หมายความว่ามั่นใจว่าจะไม่มีการละเลยชีวิตความเป็นอยู่หรือผลกระทบ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ละเลยและตนอยากจะเรียนว่าเรื่องใหญ่มากกว่ากระบวนการ คือ 1. ปัญหาการบังคับใช้กฎหมายและมาตรฐาน 2. เรามีโครงการที่กำลังเร่งทำอยู่ในเรื่องการเตือนภัย การเฝ้าระวังในเรื่องของสารพิษอยู่ตลอดเวลา ซึ่งตรงนี้ภาคประชาชนติดตามและร่วมกับรัฐบาลผลักดันให้เร็วขึ้น รวมถึงการศึกษาขีดความสามารถการองรับอุตสาหกรรมต่างๆได้ก็จะเป็นผลดีกับ ชุมชนเอง