ไม่ปฏิเสธ ‘ทักษิณ’ มีอิทธิพลเพื่อไทย-เสื้อแดง ย้ำต้องกลับมารับโทษทางกฎหมาย ขอเวลาอีก 2-3 เดือน ทบทวนวันเลือกตั้ง ไม่ปักธงนั่งครบเทอมหากผ่านคดียุบพรรค…
เมื่อเวลา 10.00 น. 12 ก.ย. ที่สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงความมั่นใจในการปรองดองที่ออกมาจากพรรคเพื่อไทย ที่จะไม่เป็นแค่ภาพลวงตา หรือจับประเทศเป็นตัวประกันว่า ไม่ต้องไปกังวลอย่างนั้น เพราะทุกอย่างอยู่ที่การกระทำ และผลของการกระทำมากกว่า เพราะขณะนี้ไม่มีเรื่องที่จะต้องมาเจรจาต่อรองอะไร ทางพรรคเพื่อไทยได้แสดงท่าทีของเขาเอง เขาอยากจะปรับโครงสร้างภายใน เสร็จแล้วคงจะมีการเสนอแนวความคิด ซึ่งต้องดูตรงนั้นอีกที
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า การปรับโครงสร้างภายในสะท้อนชัดว่า มาจากใบสั่งของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะก้าวข้ามจากตรงนี้ได้อย่างไร ผลประโยชน์ของชาติจะมาก่อนผลประโยชน์ของพ.ต.ท.ทักษิณ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า รัฐบาลไม่มีประเด็นที่จะต้องไปเจรจาหรือเปลี่ยนแปลงอะไรในเรื่องผลประโยชน์ของพ.ต.ท.ทักษิณ เพราะตัวพ.ต.ท.ทักษิณเองมีเรื่องเดียวคือ การที่จะต้องมาอยู่ภายใต้กฎหมายไทยเท่านั้นเอง ส่วนการที่พ.ต.ท.ทักษิณมีอิทธิพลต่อพรรคเพื่อไทยหรือคนเสื้อแดง มันไม่มีใครปฏิเสธได้ แต่ขอให้การใช้อิทธิพลบารมีของพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับประโยชน์ของประเทศ ไม่เอาเรื่องประโยชน์ส่วนตัวมาเรียกร้องหรือเข้ามาเกี่ยวข้อง
เมื่อถามว่า คิดอย่างไรกับการที่นายเนวิน ชิดชอบ อยากให้มีการออกกฎหมายนิรโทษกรรม โดยให้กลับไปที่ศูนย์ แล้วทุกอย่างจะกลับมาเหมือนเดิม นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนไม่แน่ใจว่าจะกลับไปที่ศูนย์ คิดว่าต้องรับฟังความคิดเห็นของหลายๆกลุ่ม มีกลุ่มคนจำนวนมากวิตกกังวลว่า ประเทศของเราจะไม่สามารถยืนยันการบังคับใช้กฎหมายได้ ตรงนี้ต้องดูให้ดีว่า เราไม่ได้ทำอะไรที่ไปส่งสัญญาณว่า ในที่สุดพอมีการกระทำผิดกฎหมายกันอย่างกว้างขวางแล้ว เราก็เลยต้องปล่อยไป นอกจากไม่ต้องการเห็นกฎหมายที่อ่อนแอแล้ว เขามีความรู้สึกว่า น่าจะต้องพิสูจน์ข้อเท็จจริงอะไรต่างๆ กันก่อน ไม่ใช่ว่ายังไม่สามารถที่จะได้ข้อสรุปว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น อยู่ดีๆ มาบอกให้กวาดเรื่องเหล่านี้ออกไป มันอาจไม่เป็นผลดี หลายกลุ่มเขาก็จะคัดค้าน ซึ่งจะทำให้บ้านเมืองสงบ กลับกลายเป็นเงื่อนไขความขัดแย้งใหม่ขึ้นมาได้
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า พูดแบบนี้เหมือนกับเป็นการแทงกั๊กหรือเปล่า นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ ตนก็มีความคิดของตัวเอง และคิดว่าเราต้องใจกว้าง และเปิดใจรับฟัง แต่ขณะนี้ถามมา ตนก็บอกว่ารัฐบาลไม่ได้ถือเรื่องนี้เป็นปัจจัยในการที่จะเดินหน้าแผนปฏิรูป ไม่ได้อยู่ในแผนปฏิรูป
เมื่อถามว่า ความคิดนายเนวินมีอิทธิพลต่อแนวทางรัฐบาลแค่ไหน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า จริงๆ แล้วพรรคภูมิใจไทยเสนอกฎหมายค้างไว้ในสภาฯนานแล้ว แต่ทางคณะกรรมการประสานงานรัฐบาลและคณะรัฐมนตรี ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องที่หยิบยกขึ้นมา เพราะถือว่าไม่ใช่นโยบาย ส่วนข้อดีข้อเสียของการนิรโทษกรรม อันไหนจะมีมากกว่ากันนั้น ในชั้นนี้ตนคิดว่ายังไม่จำเป็น
เมื่อถามอีกว่า มีการเสนอเลยเถิดไปถึงผู้ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 111 พรรคไทยรักไทย และนักการเมืองที่ถูกตัดสิทธิ์ 109 คนด้วย นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตรงนั้นเป็นเหตุผลต่างหาก เพราะเป็นเรื่องความผิดทางการเมือง ซึ่งตนจะฟังคณะกรรมการชุดของนายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ ด้วย ซึ่งที่จริงเรื่องนี้มีการพูดกันมาหลายรอบ มีทั้งคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย คือตนไม่อยากสร้างประเด็นใหม่ที่นำไปสู่ความขัดแย้ง
ผู้สื่อข่าวถามว่า กลายเป็นว่าตอนนี้ นักการเมืองพยายามปรองดองกันเอง โดยไม่ได้ถามความเห็นประชาชน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ กระบวนการในเรื่องนี้ทั้งหมด เราจะฟังทุกฝ่าย คำว่าทุกฝ่ายไม่ใช่หมายความว่าทุกพรรค แต่เป็นทุกฝ่ายในสังคม
เมื่อถามว่า 2-3 เดือนจากนี้ไป เวลาพอที่จะสุกงอมเลือกตั้งได้แล้วหรือยัง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คณะกรรมการต่างๆ ที่ได้ตั้งขึ้นถัดจากนี้ไป 2-3 เดือน เขาก็ทำงานมาเกือบครึ่งปี มันควรจะมีความชัดเจนพอสมควรว่า อะไรเป็นอะไร ขณะเดียวกันเราจะผ่านพ้นเหตุการณ์เดือนเม.ย.-พ.ค.มากว่าครึ่งปีเช่นเดียวกัน งบประมาณก็ผ่านแล้ว เศรษฐกิจก็ดูพอจะฟื้นตัวได้ดี น่าจะเป็นจังหวะเวลาที่เหมาะสม
ต่อข้อถามที่ว่า ถ้าดูความคาบเกี่ยวช่วงเวลาปลายปี มีการประเมินว่า การยุบพรรคในคดีเงินกองทุนสนับสนุนพรรคการเมือง 29 ล้านบาท อาจมีการตัดสิทธิ์ในช่วงเวลานั้น คิดว่าจะเป็นปัจจัยอะไรที่ทำให้เกิดการพลิกผันทางการเมืองหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คดียุบพรรคต้องว่าไปตามกระบวนการของมัน และตรงนี้คงไม่อยู่ในจุดที่จะมาบอกว่า ต้องประเมินตรงนั้นตรงนี้ ส่วนคดีจะออกมาอย่างไร อยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญ พรรคมีคดีค้างก็ต้องห่วงอยู่แล้ว แต่เราก็ทำหน้าที่ในการชี้แจงข้อเท็จจริง และต่อสู้คดีให้ดีที่สุด
เมื่อถามว่า คดีของพรรคจะส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจทางการเมืองหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คงไม่ คดีเท่าที่ติดตามมาในขณะนี้ วันจันทร์นี้จะเป็นวันสุดท้ายที่สืบพยานฝ่ายคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือฝ่ายอัยการ และฝ่ายของพรรคคิดว่า ไม่น่าจะเกิน 3-4 นัด ถ้านับไปแปลว่า ประมาณสิ้นเดือนต.ค.จะสืบพยานเสร็จหมด ดังนั้นการตัดสินคงประมาณเดือนพ.ย. จะยังอยู่ในกรอบ 2-3 เดือนนี้
ผู้สื่อข่าวถามว่า ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย วิเคราะห์ว่า หากประชาธิปัตย์ผ่านการยุบพรรคไปได้ รัฐบาลจะสามารถอยู่ได้จนครบเทอม นายกฯยังยืนยันในความคิดเดิมที่จะไม่อยู่ครบเทอมหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนไม่ได้ปักธงว่าต้องอยู่ครบเทอม และยังยืนยันว่า ถ้าการเลือกตั้งช่วยให้บ้านเมืองกลับเข้าสู่สภาวะปกติได้ก็พร้อม แต่ตรงนั้นจะเกิดขึ้นต้องเป็นไปตามเงื่อนไขที่เคยพูดไปแล้ว
เมื่อถามว่า มีการวิจารณ์ว่าถ้าพรรคประชาธิปัตย์ได้กลิ่นจะถูกยุบพรรค นายกฯจะตัดสินใจยุบสภาก่อนจะถูกยุบพรรค นายอภิสิทธิ์ ย้อนถามว่า จะทำอย่างนั้นเพื่ออะไร ไม่เข้าใจ การยุบพรรคจะมีขึ้นหรือไม่ในขณะนี้ไม่มีใครทราบ และเวลาที่ศาลวินิจฉัยจะมีกำหนดวันที่แน่นอน ยุบแล้วกติกาจะเป็นอย่างไร ก็มีความชัดเจนอยู่ ดังนั้นคงไม่ใช่จะมาได้เปรียบเสียเปรียบอะไรกัน ขณะนี้ดูแล้วคดีแรกน่าจะจบลงเดือนพ.ย. ส่วนคดีที่สองยังอยู่ในช่วงที่ตนกำลังทำคำคัดค้านไป
เมื่อถามว่า โดยส่วนตัวคิดว่าก้าวผ่านไปได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์หัวเราะก่อนกล่าวว่า ไม่ควรพูด เพราะคดีอยู่ที่ศาลแล้ว แต่ตนได้เห็นข้อเท็จจริง และเห็นความเข้มแข็งของคณะทำงาน
未经允许不得转载:综合资讯 » นายกฯปัดยุบสภาฯ หนียุบพรรค