综合资讯
当前位置:综合资讯 > 资讯 > 泰国新闻 > 正文

เตรียมเลือกตั้ง ระวังแฝงใต้ดิน

เตรียมเลือกตั้ง ระวังแฝงใต้ดิน
"ทักษิณ" หัวหน้าตัวจริงยกเครื่อง "เพื่อไทย" เปิดกติกาสู้

หลังจากเกิดเหตุการณ์วิกฤติม็อบเสื้อแดง เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา

ภาพแห่งความสูญเสียจากการปะทะกันระหว่างกำลังทหารกับกองกำลังติดอาวุธที่แฝงอยู่ในม็อบ

ผู้คนบาดเจ็บล้มตาย เสียเลือดเสียเนื้อ เกิดจลาจลเผาบ้านเผาเมือง

สร้างความเสียหายและความเดือดร้อนให้แก่ผู้คนเป็นวงกว้าง  กระทบไปถึงภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นของประเทศ

จากวิกฤติความรุนแรงที่เกิดขึ้น ทำให้สังคมเกิดความเบื่อหน่าย เข็ดขยาดกับการเคลื่อนไหวของการ เมืองนอกสภา

ที่เป็นต้นเหตุของความรุนแรงและความสูญเสียครั้งใหญ่

ผู้คนในสังคมอยากเห็นบ้านเมืองเกิดความสงบ อยากให้เกิดความปรองดองสมานฉันท์  อยากเห็นนัก การเมืองเล่นการเมืองอยู่ในระบบ

ขณะเดียวกัน  คนในสังคมก็ได้แสดงปฏิกิริยาต่อต้านพรรคการเมืองที่อยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหวของม็อบเสื้อแดง  ผ่านการเลือกตั้งในพื้นที่เมืองหลวง

ทั้งการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.กทม. เขต 6 และการเลือกตั้ง ส.ก. และ ส.ข. ผลลัพธ์ก็อย่างที่เห็น  พรรคเพื่อไทยคะแนนตกวูบ

ความนิยมหดหาย พ่ายให้แก่พรรคประชาธิปัตย์

จนทำให้พรรคเพื่อไทยเกิดความระส่ำระสาย ถึงขั้นที่มี ส.ส.บางคนในพรรค ประกาศตัวย้ายค่ายย้ายพรรค เลือดไหลออกไม่หยุด

ในขณะที่กลุ่มเสื้อแดง นปช. แนวร่วมหลักของพรรคเพื่อไทย ก็ถูกสังคมมองด้วยความหวาดระแวง

เพราะแกนนำหลายคนถูกจับกุมดำเนินคดีในข้อหาก่อการร้าย

แถมยังมีเหตุการณ์ต่างๆในลักษณะของการก่อการร้ายที่มีหลักฐานเผยให้เห็นว่ามีความเชื่อมโยงพัวพันกับเครือข่ายคนเสื้อแดง

ส่งผลให้กลุ่มคนเสื้อแดงตกอยู่ในสภาพเพลี่ยงพล้ำ  การเคลื่อนไหวไม่ได้รับการขานรับจากสังคม

สถานการณ์ตรงนี้ ทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ  นายใหญ่ของพรรคเพื่อไทย  ต้องปรับยุทธศาสตร์ใหม่

จากที่เคยปลุกระดมโหมใช้มวลชนเสื้อแดงเป็นหัวหอกในการต่อสู้  ตะลุมบอนมาแล้ว 2 สงกรานต์ แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ

เกิดเหตุรุนแรง เกิดความสูญเสีย สังคมส่ายหน้า

ต้องหันมาชูแนวทางปรองดอง  เรียกร้องความสมานฉันท์ พร้อมๆกับหันมาใช้ฐานพรรคเพื่อไทยในการขับเคลื่อนต่อสู้

ส่งสัญญาณใช้วิธีชิงอำนาจรัฐผ่านการเลือกตั้ง

แน่นอน  เมื่อต้องสู้กันในสนามเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทยที่ยังมีฐานเสียงแน่นหนา ก็ถือว่ามีโอกาสสูงที่จะชนะการเลือกตั้ง  มีโอกาสพลิกกลับเข้ามาเป็นรัฐบาล

และด้วยเหตุนี้เอง ทำให้พรรคเพื่อไทยเริ่มเกิดปัญหาความแตกแยก แบ่งกลุ่มแบ่งก๊ก ช่วงชิงการนำในพรรค

เพราะกลุ่มต่างๆพยายามหนุนหัวหน้ากลุ่มของตัวเองให้ก้าวขึ้นสู่เก้าอี้หัวหน้าพรรค

มองข้ามช็อตไปถึงแคนดิเดต "ว่าที่นายกรัฐมนตรี"

ไม่ว่าจะเป็น พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส. พรรคเพื่อไทย นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ รองหัวหน้าพรรค นายวิทยา บุรณศิริ  รองหัวหน้าพรรค  และประธานวิปฝ่ายค้าน พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย รองประธานสภาฯ

ลึกๆก็แอบหวัง แอบลุ้นด้วยกันทั้งนั้น

แต่ล่าสุดที่มีการขยับออกตัวกันชัดเจน ก็คือ ส.ส. กลุ่มของนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ที่มีการเสนอให้พรรคพิจารณาโหวตชื่อผู้ที่พรรคจะชูเป็นนายกรัฐมนตรี

นัยว่าเพื่อเตรียมการในการหาเสียงเลือกตั้งที่อาจจะมีขึ้นในช่วงต้นปีหรือกลางปีหน้า ตามที่ได้มีการวิเคราะห์กันไว้

จุดนี้ยิ่งทำให้ภายในพรรคเพื่อไทยเกิดแรงกระเพื่อม ความเคลื่อนไหวของกลุ่มต่างๆในการช่วงชิงการนำก็เข้มข้นตามไปด้วย

ทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ นายใหญ่ ของพรรคเพื่อไทย  ต้องเปิดหน้าเปิดตัวแสดงบทบาทสยบปัญหาด้วยตัวเอง

โดยในการประชุม ส.ส.พรรคเพื่อไทยนัดล่าสุด พ.ต.ท.ทักษิณได้วีดิโอลิงก์เข้ามาในที่ประชุมพรรค ประกาศเปรี้ยง

การจะเลือกแคนดิเดตนายกฯของพรรคเพื่อไทย  ควรรอให้มีการยุบสภาก่อน  หรือรอให้นายกฯประกาศลาออกและมีการโหวตเลือกนายกฯคนใหม่ในสภาฯ ค่อยมาเสนอคนที่จะเป็นว่าที่นายกฯของพรรค

ต้องขอบคุณนายมิ่งขวัญที่กล้าเสนอตัว  แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่จะโหวตนายกฯของพรรค  เพราะจะกลายเป็นปัญหา คนที่ไม่ได้รับเลือกอาจจะไม่พอใจ

นอกจากนี้ยังบอกลูกพรรคด้วยว่า ไม่ต้องห่วงว่าจะถูกกล่าวหาว่าเป็นนอมินี เพราะใครก็รู้ว่าตึกที่ตั้งที่ทำการพรรคเพื่อไทยเป็นของใคร

ควรห่วงอย่างเดียวคือการเลือกตั้งที่จะมาถึง แต่รับรองว่านโยบายของตนไม่แพ้ใคร ตอนนี้กำลังเขียนนโยบายอยู่ แต่ขอเปิดก่อน 3 ข้อ คือ

ค่าแรงขั้นต่ำอย่างน้อยวันละ 300 บาท คนที่จบปริญญาตรีมีเงินเดือนเริ่มต้นที่ 15,000 บาท รวมถึงปรับบัญชีเงินเดือนข้าราชการ และรับจำนำข้าวที่ 15,000 บาทต่อเกวียน โดยนำราคาข้าวผูกติดกับราคาน้ำมัน

พร้อมทั้งกำชับให้แกนนำที่ดูแลจ่ายน้ำเลี้ยงให้ลูกพรรคควรดูแลให้ทั่วถึง และขณะนี้ใกล้เลือกตั้งแล้ว ทางพรรคจะดูแลใกล้ชิดเป็นพิเศษ

เหนืออื่นใด พ.ต.ท.ทักษิณยังได้เน้นย้ำด้วยว่า เขตเลือกตั้งใดยังไม่มีผู้สมัครรับเลือกตั้ง ให้ส่งแกนนำคนเสื้อแดงลงไปเลย เพราะคนเหล่านี้เป็นคนที่มีอุดมการณ์

รวมทั้งฝากฝังให้ ส.ส.ทุกคนไปเยี่ยมเยียนครอบครัวคนเสื้อแดงที่เสียชีวิต ได้รับบาดเจ็บ หรือถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ

และย้ำว่า พรรคเพื่อไทยกับคนเสื้อแดงต้องแยกกันให้ชัดเจนว่าเป็นคนละองค์กร แต่ควรที่จะต้องเชื่อมโยงให้มีความใกล้ชิดกัน เพราะไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ คนเหล่านี้เวลาเลือกตั้งต้องเชียร์พรรคเพื่อไทย เพราะคนเสื้อแดงอยากให้ตนกลับประเทศ

การแสดงบทบาทของ  พ.ต.ท.ทักษิณที่โฟนลิงก์ เข้ามาให้นโยบายและแนวทางการทำงานต่อที่ประชุมส.ส.พรรคเพื่อไทยในครั้งนี้ สะท้อนชัดเจนว่า

เขาคือหัวหน้าพรรคเพื่อไทยตัวจริง

ใครที่จะก้าวขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรค หรือจะชูใครเป็นแคนดิเดตว่าที่นายกฯของพรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้งครั้งต่อไป ขึ้นอยู่กับ "ทักษิณ" จะชี้ขาด

ขณะเดียวกัน  การที่เขาให้ความสำคัญกับแกนนำ กลุ่มคนเสื้อแดง ถึงขนาดที่ประกาศว่า

ถ้าเขตเลือกตั้งใดยังไม่มีผู้สมัครรับเลือกตั้งให้ส่งแกนนำคนเสื้อแดงลงไปเลย

ก็เป็นการตอกย้ำให้เห็นว่า "ทักษิณ" ใช้พรรคเพื่อไทยและแกนนำคนเสื้อแดงทำงานขับเคลื่อนการต่อสู้แบบคู่ขนานกันมาตลอด

จึงปฏิเสธไม่ได้ว่า   ไม่รู้ไม่เห็นหรือไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ความวุ่นวายต่างๆในห้วงวิกฤติม็อบเสื้อแดงที่ผ่านมา

ยิ่งไปกว่านั้น จากการที่ "ทักษิณ" พยายามใช้ ยุทธศาสตร์โลกล้อมประเทศไทย    ฟ้องนานาชาติว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมเรื่องการยึดอำนาจ

พร้อมทั้งยกระดับการต่อสู้ปลุกระดมม็อบเสื้อแดงออกมาขับไล่รัฐบาล   ปฏิบัติการป่วนเมืองหลายรูปแบบ

เพื่อให้สถานการณ์ไปสู่จุดที่เรียกว่า   "รัฐไทยล้มเหลว"

ถึงขั้นจ้างล็อบบี้ยิสต์ต่างประเทศเดินเกมเพื่อให้ประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกาประณามรัฐบาลไทยที่ใช้ความรุนแรงในห้วงวิกฤติม็อบเสื้อแดง

แต่สุดท้ายสภาของสหรัฐอเมริกากลับมีมติสนับสนุนแผนปรองดองของนายกฯอภิสิทธิ์   ทำให้ ยุทธศาสตร์โลกล้อมประเทศไทยต้องฝ่อลงไป

ขณะเดียวกัน "ทักษิณ" เองกลับโดนเวทีนานาชาติ ล้อมกระชับพื้นที่

เมื่อเว็บไซต์ในเครือข่ายของหนังสือพิมพ์

วอชิงตันโพสต์ ได้เผยแพร่บทความเรื่อง "ตัวอย่างที่เลว" ที่เขียนโดย โจชัว อี. คีตติง

สรุปพฤติกรรมของอดีตผู้นำจาก 5 ประเทศทั่วโลก ที่เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีในการบริหารประเทศ

โดย พ.ต.ท.ทักษิณ มีชื่อติด 1 ใน 5 ที่ถูกชี้ว่ามีพฤติกรรมทุจริตคอรัปชัน   และมีการละเมิดสิทธิมนุษยชน

เสียศูนย์   เสียรังวัดในเวทีโลกไปเต็มๆ

อย่างไรก็ตาม  หลังจากการใช้ยุทธศาสตร์โลกล้อมประเทศไทย และการใช้มวลชนเสื้อแดงป่วนสถานการณ์ กดดันรัฐบาลในห้วงเดือนพฤษภาคม

ไม่บรรลุผลสำเร็จ

รัฐไทยไม่ล้มเหลว

แถมกระแสตีกลับ สังคมส่วนใหญ่มีปฏิกิริยาต่อ ต้านการเคลื่อนไหวนอกสภาที่เป็นต้นเหตุให้เกิดความรุนแรงและความสูญเสีย

จนทำให้ "ทักษิณ" ต้องปรับยุทธศาสตร์การต่อสู้ หันมาชูแนวทางปรองดอง

พร้อมออกมาแสดงบทบาทเต็มตัวในการยกเครื่องพรรคเพื่อไทย เพื่อเตรียมสู้ตามกติการัฐธรรมนูญ ชิงอำนาจรัฐผ่านสนามเลือกตั้ง

แน่นอน  ในการปกครองระบอบประชาธิปไตย การเลือกตั้งเป็นเรื่องปกติในระบบสากล

เมื่อ "ทักษิณ" หันมาใช้ฐานพรรคเพื่อไทยลงสนามเลือกตั้ง สู้กันตามกติกา เพื่อให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน ก็ไม่ใช่เรื่องน่ากลัว

แต่ที่สำคัญ "ทักษิณ" ในฐานะต้นขั้วของกลุ่มเสื้อแดง ก็ต้องพิสูจน์ด้วยการกระทำในการที่จะหยุดยั้งเครือข่ายสายฮาร์ดคอร์

ไม่ให้ก่อเหตุรุนแรงใดๆ แทรกเข้ามาในบรรยากาศของการเลือกตั้ง

เพราะจากเหตุระเบิดย่านบางบัวทอง สังคมยังระแวง

พวกกลุ่มแฝงปฏิบัติการใต้ดิน.

"ทีมการเมือง"

未经允许不得转载:综合资讯 » เตรียมเลือกตั้ง ระวังแฝงใต้ดิน

赞 (0)
分享到:更多 ()