โบ้ยสื่อตีข่าวเพี้ยน"ถวิล"ปฏิเสธใส่ร้ายเขมรฝึกนักรบ
“เลขา สมช.” ปฏิเสธไม่เคยกล่าวหากัมพูชาให้พื้นที่เสื้อแดงซุ่มฝึกอาวุธ โบ้ยสื่อลงข่าวเพี้ยน อ้างพูดยืนยันตามสำนวนข้อเท็จจริงของดีเอสไอ ยันศอฉ.กำชับดีเอสไอระมัดระวังแถลงข่าว…
เมื่อเวลา 13.45 น.วันที่ 15 ต.ค.2553 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) แถลงกรณีที่ตนให้สัมภาษณ์โดยยืนยันสำนวนเอกสารของทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ว่า มีการซุ่มฝึกกองกำลังในประเทศเพื่อนบ้าน ว่า เรื่องนี้ตนไม่อยากให้มีการพูดซ้ำหรือชี้แจงเพื่อแก้ข่าว เพราะเห็นว่าการที่ตนตอบคำถามสื่อมวลชนแต่อาจนำไปลงตรงบ้างและลงผิดเพี้ยนไปบ้างเป็นเรื่องปกติและไม่ติดใจอะไร แต่เมื่อมีประเด็นไปเกี่ยวข้องกับประเทศเพื่อนบ้าน ถ้าตนไม่พูดให้ชัดเกรงว่า ต่อไปอาจมีปัญหาได้ โดยเรื่องที่ตนได้พูดไปนั้นทางประเทศกัมพูชารับทราบข้อเท็จจริงทั้งหมดแล้ว และออกมาปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง แต่ที่ติดใจว่าสิ่งที่เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ได้แถลงนั้นเป็นนโยบายของรัฐบาลหรือไม่ ทางนายกรัฐมนตรีได้ชี้แจงกับสื่อแล้วว่า ไม่ใช่ท่าที หรือ นโยบายองรัฐบาล เป็นเพียงการแถลงข้อเท็จจริงในการทำงานของเจ้าหน้าที่ และที่ออกมาชี้แจงก็ไม่ได้เป็นเพราะถูกตำหนิจากนายกรัฐมนตรี ตรงข้ามท่านเข้าใจและหัวเราะด้วยซ้ำที่มีข่าวลักษณะนี้
นายถวิล กล่าวต่อว่า เรื่องที่เกี่ยวข้องกับการฝึกอาวุธต่างๆ ตนทราบจากนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ มาก่อนหน้านี้นานแล้วเพราะเราทำงานร่วมกับหน่วยข่าวทั้ง ตำรวจ กระทรวงการต่างประเทศ และกองทัพ และเมื่อดีเอสไอ โดย พ.ต.อ.พะเยาว์ ทองเสน เจ้าหน้าที่ดีเอสไอผู้ชำนาญการพิเศษ ดีเอสไอ ออกมาแถลงสรุปซ้ำกรณีจับกุม 11 นักรบนั้น ตนเห็นด้วยและคิดว่าเป็นเรื่องที่ต้องทำและควรทำ เพราะถ้าไม่แถลงความคืบหน้าในการทำงานประชาชนก็ไม่ทราบ และพูดว่าคดีไม่คืบหน้า ฉะนั้นเจ้าหน้าที่ที่ทำคดีต่างๆก็ต้องแถลง อีกทั้งในช่วงที่ผ่านมาทางตำรวจดีเอสไอมีการจับกุม ตรวจค้นและควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยก่อเหตุในหลายเรื่อง จนมีเสียงครหาว่าเจ้าหน้าที่กลั่นแกล้ง ไล่ล่าจองล้างจองผลาญ และพูดถึงขั้นที่ว่ากลุ่มคนเสื้อแดง ไม่ตายก็ติดคุก จึงต้องให้ความเป็นธรรมกับดีเอสไอในการแถลงความคืบหน้าและเพื่อสดงให้เห็น ว่าการดำเนินงานเป็นไปตามขอบเขตอำนาจหน้าที่ พยานหลักฐาน ไม่ได้กลั่นแกล้งหรือทำให้เกิดความไม่มีมาตรฐานเดียวกัน
เลขาธิการสมช. กล่าวอีกว่า ส่วนประเด็นที่ไปเกี่ยวข้องกับประเทศเพื่อนบ้าน ขอบเขตของดีเอสไอก็ต้องระมัดระวัง เพราะเป็นประเด็นที่อ่อนไหว ตนทำงานความมั่นคงมาร่วม 30 ปี ตลอดเวลาที่ประสานงานกับกองทัพ กระทรวงต่างประเทศ และหน่วยงานความมั่นคง หน่วยงานข่าว ตลอดเวลา เราทราบถึงความอ่อนไหวเรื่องพวกนี้ที่มีผลไปเกี่ยวข้องกับประเทศเพื่อนบ้าน ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องไประบุเรื่อง อันเป็นประเด็นที่ อ่อนไหวอย่างนั้นว่า มีการกระทำจริงในประเทศเพื่อนบ้าน เพราะปกติหน่วยงานความมั่นคงจะไม่ทำผลีผลามเด็ดขาด และข้อเท็จจริงผมชี้แจงว่า ในส่วนที่สื่อถามผมเป็นข้อเท็จจริงในทางคดี สำนวนการสอบสวนที่มีอยู่จริง ดีเอสไอไม่ได้ปั้นเรื่องเพื่อกลั่นแกล้งใคร แต่เป็นข้อมูลที่ได้จากการสืบสวนสอบ และที่ถามว่าหากข้อเท็จจริงพบว่ามีการกระทำจริง ผมก็เรียนว่าเราก็ต้องประสานงานกับประเทศเพื่อนบ้าน เพราะเรามีช่องทางที่จะดำเนินการอยู่
“ตนได้พูดคุยกับท่านเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงพนมเปญ เมื่อวันที่ 14 ต.ค. ท่านชี้แจงต่อทางการกัมพูชาแล้ว่วาท่านรู้จักผมดี เพราะทำงานตั้งแต่เป็นเจ้าหน้าที่ระดับล่าง ท่านก็บอกว่าเป็นไปไม่ได้ที่ผมจะพูดอย่างนั้นและท่านก็ยืนยันว่าไม่ได้เป็น อย่างนั้น ในสื่อต่างๆที่ลงไปก็ไม่มีข้อความไหนที่ไปยืนยันว่าผมมีการฝึกอาวุธในประเทศ เพื่อนบ้าน แต่สื่ออาจลงเพี้ยนไปบ้าง มีบางฉบับถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่เหตุร้ายที่เกิดขึ้นในขณะนี้มีนักการเมืองอยู่เบื้องหลัง ผมตอบว่ามีทั้งเป็นไปได้และเป็นไปไม่ได้ เท่ากับว่าผมไม่ได้ตอบ แต่กลายเป็นว่า สมช.ยืนยันว่ามีความเป็นไปได้ที่มีนักการเมืองอยู่เบื้องหลัง ส่วนที่สมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ถามว่า สมช.เป็นหน่วยงานอะไรของรัฐบาล ก็ตอบว่า สมช.เป็นหน่วยนโยบายที่ขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรี ” นายถวิล กล่าว
เมื่อถามว่า ในส่วนของ ศอฉ.ต่อไปในการแถลงความคืบหน้าการดำเนินการควรจะเป็นลักษณะอย่างไรเพราะดูเหมือน เมื่อตั้งข้อหาก่อการร้ายไปแล้ว หาพยานหลักฐานมัดไม่ได้ก็พยายามทำทุกวิถีทางที่จะหาหลักฐานมาดำเนินการให้ ได้ เลขาธิการ สมช.กล่าวด้วยว่า ตนกลับเห็นไปในตรงกันข้าม เมื่อทางดีเอสไอได้ตั้งข้อหาก่อการร้าย ที่เป็นข้อหาร้ายแรงตั้งแต่หลังจาก เกิดเหตุ มีการจับกุมตัวได้แล้ว สอบสวนเสร็จและส่งสำนวนดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายก็มีแล้ว ส่วนที่มามีการจับกุมเพิ่มเติมในภายหลังซึ่งเป็นเรื่องที่จำเป็น เพราะในขณะที่เกิดเหตุการจับกุมคงทำได้ยากในฐานะที่มาชุมนุมอยู่ก็เป็นเรื่องที่กรมสอบสวนคดีพิเศษและตำรวจจะต้องออกมาให้ผลความคืบหน้าในการตั้งข้อหาต่างๆ ไปนั้นมีมูลความจริงอยู่มากน้อยแค่ไหน แต่เขาก็คงให้ข้อมูลทั้งหมดไม่ได้ เพราะบางครั้งหากแถลงข้อมูลทั้งหมดอาจจะทำให้เสียรูปคดี แต่จำเป็นต้องให้ข้อมูลบางระดับ แต่กรณีที่ผ่านมาเนื่องจากมันไปกระทบประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งเราจำเป็นต้องให้ความระมัดระวัง
未经允许不得转载:综合资讯 » Today Report :……..