综合资讯
当前位置:综合资讯 > 资讯 > 泰国新闻 > 正文

วันจันทร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ.255

ไม่ควรเข้าไปยุ่ง! กับ ‘วิคเตอร์ บูท’ แต่แรก

วันจันทร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ.255

"ไทยเราไม่ควรเข้าไปยุ่งกับเรื่องวิคเตอร์ บูท ตั้งแต่แรก และน่าจะดำเนินการแบบเอาหูไปนา เอาตาไปไร่" ศ.ดร.ไชยวัฒน์ ค้ำชูกล่าว แนะวิธีการแก้ไขของประเทศไทย เหลือเพียงหนทางเดียว คือต้องคอยตั้งรับให้ดีว่าทางรัสเซีย…

"ไทยเราไม่ควรเข้าไปยุ่งกับเรื่อง วิคเตอร์ บูท ตั้งแต่แรก และน่าจะดำเนินการแบบเอาหูไปนา เอาตาไปไร่" ศ.ดร.ไชยวัฒน์ ค้ำชู ผู้อำนวยการวิทยาลัยการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า กล่าวแสดงความคิดเห็นกับทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์ว่า มาถึงขณะนี้ วิธีการแก้ไขของประเทศไทย เหลือเพียงหนทางเดียว คือต้องคอยตั้งรับให้ดีว่าทางรัสเซีย อาจจะมีมาตรการตอบโต้ อะไรออกมา เนื่องจากการส่งตัวนายวิคเตอร์ บูทในฐานะผู้ร้ายข้ามแดนที่มีความผิดเกี่ยวข้องกับการค้าอาวุธสงครามรายใหญ่ ให้กับทางการสหรัฐอเมริกานำตัวกลับไปดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 16 พ.ย. ที่ผ่านมา หนีไม่พ้นย่อมทำให้ทางการรัสเซีย ซึ่งนับเป็นประเทศมหาอำนาจอีกประเทศหนึ่ง ไม่พอใจไทยอย่างแน่นอน และเชื่อว่าจะมีมาตรการโต้ตอบ ซึ่งส่วนตัวก็ยังไม่ทราบจริงๆ ว่า จะมีมาตรการอะไรออกมาบ้าง แต่เชื่อว่าทางรัสเซียก็คงต้องคิดหนักเหมือนกันว่าการตอบโต้ไทยนั้น จะต้องไม่กระทบกับธุรกิจและผลประโยชน์ของประเทศรัสเซียที่มีต่อประเทศไทยเอง

ทำให้เชื่อว่าเบื้องต้นไม่น่าที่จะรุนแรงมากนัก เหมือนอย่าง ที่นายต่อพงษ์  ไชยสาสน์ ประธานคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ออกมาให้ข่าวกับสื่อมวลชนว่า อาจถึงขั้นต้องปิดน่านฟ้าเพื่อตอบโต้ เข้าใจว่าคงจะมีมาตรการอออกมาในเร็ววันนี้ ทั้งทางด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ การค้าการลงทุน และด้านเศรษฐกิจ แต่คิดว่าทางรัสเซียก็ต้องมีการชั่งน้ำหนักและไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนแล้วเช่นกัน

การที่รัฐบาลทั้งนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า การดำเนินการของไทยในกรณีการส่งตัวนายวิคเตอร์ บูท ให้สหรัฐอเมริกาตามคำตัดสินของศาลอุทธรณ์ไทยในครั้งนี้ เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ไม่มีการกดดันจากทางสหรัฐฯ ทั้งยังสั่งให้นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ ชี้แจงเหตุผล และทำความเข้าใจกับประเทศรัสเซีย ถึงความจำเป็นที่ไทยต้องดำเนินการดังกล่าว แต่ก็คงไม่สามารถห้าม หรือหยุดไม่ให้รัสเซียระแวง คิดว่าไทยดำเนินการตามแรงกดดันจากมหาอำนาจสหรัฐอเมริกาได้ เนื่องจากหากติดตามเรื่องดังกล่าวมาโดยตลอด ก็จะทราบว่า ก่อนหน้านี้ ก็มีกรณีที่วุฒิสภาคองเกรส สหรัฐ มีจดหมายส่งมาให้ทูตไทยต้องส่งตัวนายวิคเตอร์บูทให้กับทางการสหรัฐอเมริกา ถึงแม้ทางการไทยจะยืนยันว่าเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรมซึ่งไม่มีใครไปยุ่งเกี่ยวได้ แต่รัสเซียก็คงไม่เชื่อถือ

ถึงแม้สัญญาณล่าสุด นายเซอร์เก ลาฟรอฟ รมว.ต่างประเทศรัสเซีย ให้สัมภาษณ์สำนักข่าว "อาร์ไอเอ โนวอสติ" ยืนยันว่า รัสเซียจะไม่ทำตัวเป็นทนายแก้ต่างให้นายบูท และไม่ได้อ้างว่าเขาไม่ได้ทำผิดกฎหมายใดๆ ซึ่งยังไม่รู้ และจะไม่มีใครรู้จนกว่าความยุติธรรมจะได้รับการพิสูจน์ รัสเซียต้องการความยุติธรรมเหนือสิ่งอื่นใด ทั้งที่ก่อนหน้านี้ นายลาฟรอฟ แถลงว่ารัสเซียจะสนับสนุนนายบูท ทุกวิถีทาง และชี้ว่าการท่ีไทยส่งตัวให้สหรัฐฯ เป็นความอยุติธรรมอย่างที่สุด โดยมีที่มาจากแรงกดดันของทางฝ่ายสหรัฐฯ ด้วยเรื่องการเมือง 



ส่วนนายเซอร์เก พริคอดโค ที่ปรึกษานโยบายต่างประเทศของประธานาธิบดีดมิทรี เมดเวเดฟ กล่าวที่ อาร์เซอร์ไบจันว่า รัสเซียต้องการเห็นการพิจารณาคดีเป็นไปอย่างถี่ถ้วน รัสเซียไม่มีอะไรต้องปกปิด ไม่มีใครเห็นความลับทางการทหารหรือความลับด้านอื่นๆ ในคดีนี้ รัสเซียสนใจแค่ว่าการสอบสวนคดีนี้เสร็จสิ้นสมบูรณ์ และนายบูทควรตอบคำถามในศาลยุติธรรมสหรัฐฯ รัฐบาลรัสเซียจะช่วยเหลือนายบูทเช่นเดียวกับชาวรัสเซียคนอื่นๆ ท่ีต้องคดีในต่างแดน ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ และย้ำว่านักค้ายาเสพติด ค้ามนุษย์ และค้าอาวุธ เป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายเดียวกัน ซึ่งสมควรถูกประณามโดยไม่มีเงื่อนไข

แต่ก็ยังกลับกับการให้สัมภาษณ์ของนายลักษณ์ นิติวัฒนวิจารณ์ ทนายความของนายบูท ที่ยังคงยืนยันว่า รัสเซียยังไม่อ่อนข้อ และไม่พอใจไทยอย่างมากที่ส่งตัววิคเตอร์ บูทให้กับทางการสหรัฐอเมริกา รวมถึงภรรยาของนายบูทเองที่เตรียมจะแถลงข้อเท็จจริงและแฉความลับการหารือของทั้งไทย สหรัฐอเมริกา และรัสเซียในวันที่ 22 พ.ย.นี้ พร้อมขู่ว่าจะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศแน่ ซึ่งก็คงต้องติดตามดูต่อไป

ศ.ดร.ชัยวัฒน์ ระบุ อยากให้ไทยควรมีชั้นเชิงการเมืองระหว่างประเทศมากกว่านี้ หากไม่จำเป็นก็อย่าเข้าไปยุ่ง เพราะกลายเป็น "เนื้อไม่ได้กิน หนังไม่รองนั่ง แต่เอากระดูกมาแขวนคอ" แต่เมื่อเรื่องดำเนินมาถึงขั้นนี้แล้ว แน่นอนไม่สามารถแก้ไขได้ ก็คงต้องถือเป็นบทเรียนที่ต้องไม่ให้เกิดขึ้นซ้ำอีกในอนาคต ดังนั้นตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดอยู่ที่ว่าไทยเราจะหาวิธีบรรเทาไม่ให้เกิดผลกระทบระหว่างประเทศที่เชื่อว่าจะตามมาให้น้อยที่สุดได้อย่างไร ทั้งนี้ เหมือนกับเพื่อนบ้านไทย ทั้งกัมพูชา ฟิลิปปินส์ และสิงคโปร์ได้เคยตัดสินใจไม่ยุ่งเกี่ยว มาก่อนหน้านี้แล้ว.

未经允许不得转载:综合资讯 » วันจันทร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ.255

赞 (0)
分享到:更多 ()