综合资讯
当前位置:综合资讯 > 资讯 > 泰国新闻 > 正文

…….ซากทารกทำแท้ง

อนาถเมืองพุทธ สรุป1,654ศพ ซากทารกทำแท้ง

.......ซากทารกทำแท้ง

อนาถเมืองพุทธ สรุปยอดซากทารกเหยื่อทำแท้ง ที่ถูกนำมาทิ้งไว้ในโกดังวัดไผ่เงินโชตนาราม สูงถึง 1,654 ศพ เจ้าหน้าที่ปอเต็กตึ้ง สุดสลดใจรับ เป็นการพบศพมากที่สุดรองจากมหันตภัยสึนามิ…

เมื่อเวลา 11.00 น. วันนี้ (18 พ.ย.) เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน แพทย์นิติเวช รพ.จุฬาฯ และทีมกู้ซากมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง กว่า 75 ชีวิต เดินทางมาถึงที่โกดังเก็บศพวัดไผ่เงินโชตนาราม เพื่อทำการรื้อค้นถุงพลาสติกที่อัดแน่นอยู่ในช่องเก็บศพหมายเลขที่ 9 และ หมายเลขที่ 10 โดยทุกฝ่ายได้ร่วมมือกันลำเลียงออกมาด้วยความทุลักทุเล

ขณะเดียวกัน พ.ต.อ.เมธี รักพันธุ์ ผกก.สน.วัดพระยาไกร และ พ.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ผกก.3 บก.ปคม. ได้เดินทางออกจากวัดย้อนกลับไปที่ สน.วัดพระยาไกร เพื่อเบิกตัว นายสุชาติ ภูมิ อายุ 38 ปี ผู้ช่วยสัปเหร่อมาทำการสอบปากคำอีกครั้ง โดย นายสุชาติ เปิดปากรับสารภาพอย่างหมดเปลือกว่า รับซากทารกมาทำลายได้ประมาณ 6 ปีแล้ว ก่อนหน้านี้มี นางสมบัติ หรือ “อารัตน์” สิโนทก อายุ 60 ปี ผู้ช่วยพยาบาล รพ.ชื่อดังย่านคลอง เป็นผู้มาว่าจ้าง ช่วงนั้นตนมาทำงานที่วัดควบคู่กับเป็นอาสาสมัครกู้ภัยมูลนิธิแห่งหนึ่งด้วย

โดยนางสมบัติ ได้ติดต่อตนผ่านทางโทรศัพท์มือถือของอดีตพระลูกวัดรูปหนึ่งให้ตนเดินทางไปพบย่านคลองตัน เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับธุรกิจนี้ร่วมกัน ต่อมานางสมบัติ ก็เดินทางมาที่วัดบอกตนว่า มีศพเด็กทารก ติดตัวมาด้วยให้ตนช่วยทำลายทิ้งให้ ตนจึงนำถุงใส่ซากไปเก็บไว้ในช่องหมายเลขที่ 9 จากนั้นก็รับงานจากนางสมบัติ เรื่อยมา จนตนมีเงินซื้อโทรศัพท์มือถือเอง โดยส่วนใหญ่นางสมบัติ จะโทรมานัดหมายให้ตนไปเอาถุงใส่ซากทารกที่ปั๊มบางจาก สาขาถนนเจริญราษฎร์แล้วเอามาเก็บไว้ในช่องหมายเลขที่ 9 มากบ้างน้อยบ้างเฉลี่ยแล้วประมาณเกือบ 10 ศพต่อ 1 สัปดาห์ จนตู้ใบดังกล่าวแน่นเอี๊ยดในที่สุด

นายสุชาติ ให้การอีกว่า จากนั้นนางสมบัติ ก็ยังติดต่อทำธุรกิจกับตนเรื่อยมาให้ค่าจ้างมากบ้างน้อยบ้างเฉลี่ยประมาณ 200-500 บาท ต่อครั้งจนกระทั่งช่องหมายเลข 9 เก็บไม่ไหวจึงระบายย้ายไปเก็บที่ช่องหมายเลข 10

จนกระทั่งประมาณ 2 ปีที่ผ่านมา ทราบข่าวว่า นางสมบัติ ถูกบีบออกจากที่ทำงานในโรงพยาบาลดังกล่าว และต้องย้ายที่อยู่ใหม่จากย่านนั้นไปอยู่ที่หนองแขม จึงเปิดธุรกิจรับทำแท้งเถื่อนร่วมกันกับ น.ส.ลัญฉกร หรือ “โกะ” จันทมนัส อายุ 33 ปี ซึ่งเป็นลูกสาว หลังจากนั้นนางลัญฉกร ก็จะรับหน้าที่ขับรถจักรยานยนต์ นำซากทารกมาให้ตนที่วัดเพียงคนเดียว

โดยแต่ละครั้งที่นำมาก็จะมีการแยกศพว่าศพใดเป็นของ นางสมบัติ และศพใดเป็นของ น.ส.ลัญฉกร ซี่งตนก็จะบันทึกไว้ในปฏิทินเพื่อแยกว่าเป็นของใครบ้างระหว่างแม่ลูกคู่นี้ อาทิ ปฏิทินเดือนล่าสุด เมื่อวันที่ 2 พ.ย. เป็นศพของ น.ส.ลัญฉกร 2 ศพ วันที่ 4 พ.ย.เป็นของ น.ส.ลัญฉกร 1 ศพ ของ นางสมบัติ 2 ศพ วันที่ 6 พ.ย.เป็นของ น.ส.ลัญฉกร คนเดียว 4 ศพ วันที่ 8 พ.ย.เป็นของ น.ส.ลัญฉกร 1 ศพ ของ นางสมบัติ 2 ศพ วันที่ 10 พ.ย.เป็น น.ส.ลัญฉกร 1 ศพ สุดท้ายคือวันที่ 13 พ.ย.เป็นของ น.ส.ลัญฉกร 2 ศพ และนางสมบัติ 1 ศพ ร่วมทั้งสิ้นตลอดเดือนนี้ตนรับงานมา 16 ศพก่อนถูกจับกุม

ส่วนเหตุใดจึงไม่ยอมเผาทำลายซากทารก ตั้งแต่แรก นายสุชาติ กล่าวว่า ตนเห็นว่าเขาถูกทำลายมาแล้วจึงไม่อยากนำมาทำลายอีก และไม่อยากนำไปทิ้งแบบสะเปะสะปะ จึงนำมารวบรวมเอาไว้ในช่องเก็บศพ แต่ระยะหลังเมื่อศพเริ่มเต็มจนล้นออกมาจากช่องหมายเลข 9 ช่องหมายเลข 10 กระทั่งต้องนำไปซ่อนไว้ในช่องหมายเลข 17 ก็เริ่มมีความคิดว่าอาจต้องเผาทิ้งหรือฝังดินไปบ้าง แต่ไม่มีโอกาสทำประกอบกับทางวัดก็กำลังบูรณะเมรุเผาศพจากเดิมเป็นเมรุ 1 เตามีควัน ให้เป็นแบบ 2 เตาไร้ควัน เลยต้องใช้เวลาซ่อมแซมมานานกว่า 2 เดือนแล้ว

ด้านรู้ล่วงหน้าหรือไม่ว่าต้องถูกจับ นายสุชาติ ยังตอบอย่างอารมณ์ดีว่า คิดเหมือนกันแต่ไม่รู้จะทำอย่างไร ทั้งนี้ตนขอกราบขอโทษท่านเจ้าอาวาส ญาติพี่น้อง และผู้ใหญ่ในวัดทุกคนด้วยในสิ่งที่ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ทั้งนี้ตนขอยอมรับผิดเพียงคนเดียวไม่เกี่ยวกับใคร แม้กระทั่ง นายสุเทพ ชบางบอน หัวหน้าสัปเหร่อ ก็ไม่รู้เห็นอะไรกับตนด้วยทั้งนั้น

ส่วนกรณีที่ นางสมบัติ ออกมาปฏิเสธว่าไม่ได้มีส่วนรู้เห็นกับเรื่องนี้ตนจึงอยากฝากสื่อมวลชนไปบอกด้วยว่า ศพในตู้ที่ 9 ซึ่งมีมากมายจนล้นออกมาล้วนเป็นศพที่ถูกทำแท้งด้วยฝีมือ นางสมบัติ ทั้งนั้น

ด้าน นายดิลก รอดบำรุง ผู้ช่วยหัวหน้าแผนกบรรเทาสาธารณภัยมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เปิดเผยว่า ตั้งแต่ทำงานมาหลายสิบปีเคยเห็นศพมากที่สุดเมื่อคราวคลื่นสึนามิพัดโถมเข้าทางมาภาคใต้ มาคราวนี้ถือเป็นอันดับที่ 2 ของประสบการณ์ในชีวิตการทำงาน ไม่อยากเห็นภาพสังคมเสื่อมทรามสวนกระแสโลกที่พัฒนาไปแล้วแบบนี้อยากให้หน่วยงานราชการเร่งสกัดกั้นการทำแท้งเถื่อนให้หมดจากประเทศไทยไปโดยเร็ว

ขณะที่พระทิวา ธรรมชัยโย เลขาธิการเจ้าอาวาสวัดไผ่เงินโชตนาราม กล่าวว่า ตั้งแต่บวชมา 10 พรรษาไม่เคยระแคะระคายเรื่องนี้และไม่คิดมาก่อนว่าคนในวัดจะทำกันแบบนี้ โดยหลังจากที่คดีสิ้นสุดทางวัดจะมีการทุบทำลายโกดังเก็บนี้ทิ้งไปเพื่อปรับภูมิทัศน์ใหม่ จะไม่รับฝากศพจากญาติโยมอีกแล้วหากมีศพใดสำคัญจำเป็นจริงๆ ก็จะนำไปเก็บไว้ที่ศาลาแทนนอกจากนี้จะมีการนัดชาวบ้านมาทำบุญครั้งใหญ่อุทิศให้ทารกทั้งหมดในระยะเวลาอันใกล้นี้ด้วย

ต่อมาเมื่อเวลา 15.00 น. เจ้าหน้าที่กู้ภัยและทีมแพทย์นิติเวช รพ.จุฬาฯ ได้ร่วมกันนับซากศพทารกที่พบภายในช่องเก็บศพหมายเลข 9 และหมายเลข 10 จนเสร็จสิ้น สรุปยอดภายในตู้หมายเลข 9 จำนวน 950 ศพ ส่วนตู้หมายเลข 10 จำนวน 704 ศพ รวมทั้งสิ้น 1,654 ศพ ในจำนวนนี้มีศพทารกแฝดด้วย จำนวน 3 คู่ จากนั้น พ.ต.อ.เมธี รักษ์พันธุ์ ผกก.สน.วัดพระยาไกร และ ร.ต.อ.ขวัญชัย แป้นมณฑา รอง สว.สส.สน.วัดพระยาไกร และกำลังฝ่ายสืบสวน นำตัว นายสุชาติ ภูมิ อายุ 38 ปี และ นายสุเทพ ชะบางบอน อายุ 46 ปี 2 ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ เลขที่ 910-911/2553 ลงวันที่ 19 พ.ย.53 ข้อหาร่วมกันทำลายซ่อนเร้นพยานหลักฐานในการกระทำความผิดเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นมิให้ต้องรับโทษ มาทำแผนประกอบการรับสารภาพที่โกดังเก็บศพ

โดยจุดแรกให้ผู้ต้องหาชี้ที่บริเวณหน้าช่องหมายเลข 17 จุดที่ 2 ให้ชี้ที่หน้าช่องหมายเลข 9 และหมายเลข 10 จุดที่ 3 ให้ชี้ที่กองซากศพทารกทั้งหมด 1,654 ศพ จุดที่ 4 ให้ชี้ที่บริเวณหน้าวัดซึ่ง น.ส.ลัญฉกร จันทมนัส อายุ 33 ปี เป็นผู้ขับรถ จยย.มาจอดนำศพมามอบให้ และจุดสุดท้ายคือบริเวณหน้าศาลาการเปรียญในวัดซึ่งเป็นอีกที่หนึ่งที่ใช้นัดรับศพ โดยใช้เวลาประมาณ 15 นาที จึงควบคุมตัวทั้ง 2 รายกลับไปสอบปากคำต่อที่ สน.วัดพระยาไกร

พ.ต.อ.เมธี กล่าวว่า จากการสอบสวนและตามหาพยานหลักฐานในเวลานี้สามารถดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้ง 2 รายได้อย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม หากพบพยานหลักฐานที่เชื่อมโยงไปถึงผู้ต้องสงสัยรายอื่นเพิ่มเติมก็จะเรียกตัวมาดำเนินคดีต่อไป ส่วนในช่วงก่อนเที่ยงของวันพรุ่งนี้จะนำตัวผู้ต้องหาทั้งคู่ไปฝากขังที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ โดยโทษสำหรับข้อหาร่วมกันทำลายซ่อนเร้นพยานหลักฐานในการกระทำความผิดเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นมิให้ต้องรับโทษนั้นจะอยู่ที่จำคุกไม่เกิน 5 ปี สำหรับศพทารกทั้งหมดจะมอบให้สถาบันนิติเวช รพ.จุฬาฯ ดำเนินการผ่าชันสูตรต่อไป

未经允许不得转载:综合资讯 » …….ซากทารกทำแท้ง

赞 (0)
分享到:更多 ()