ท่าทางจะไม่จบในยกเดียว
ตามปรากฏการณ์ "ปล่อยของ" ใส่กันหนักๆ งัดกระบวนยุทธ์ซัดกันแรงๆในสนามเลือกตั้งซ่อม โดยเฉพาะแนวรบด้านจังหวัดนครราชสีมา เขต 6 และจังหวัดสุรินทร์ เขต 3 พื้นที่เดิมพันเป็นเดิมพันตายระหว่างยี่ห้อเพื่อไทยกับค่ายภูมิใจไทย
ลุยใส่กันแบบหมดหน้าตัก
ตามคิวแม่ทัพใหญ่ไสช้างออกชนเอง ฝั่งหนึ่ง "สารวัตรเหลิม" ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย ปักหลักคุมเชิงอยู่ในวอร์รูมจังหวัดนครราชสีมา ขณะที่ยี่ห้อ "เนวิน ชิดชอบ" ครูใหญ่ค่ายภูมิใจไทย ก็ซุ่มบัญชาการเกมอยู่ที่จังหวัดสุรินทร์
สู้กันแบบไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่
โดยปรากฏการณ์ "ฟ้องด้วยภาพ" มีข่าวอย่างต่อเนื่องจนถึงวันหย่อนบัตรลงคะแนน ทั้งปม "คลิปวีดิโอ" พาหัวคะแนนทัวร์ ขึ้นเวทีบอกชื่อสปอนเซอร์กันชัดๆ และคิวเจ้าหน้าที่ตำรวจไล่ตะครุบนายหน้าเดินแจกเงินโท่งๆ ซื้อเสียงกลางเวทีปราศรัย
ต่างฝ่ายต่างบลัฟกันด้วยคิวทุจริต
หลักฐานจะจะชนิดที่ว่า ถ้าไม่ใช่อีกฝ่ายทำผิดจริง โดนจับได้คาหนังคาเขา อีกฝั่งก็ต้องโดนโทษ ฐานปั้นพยานสร้างเรื่องเท็จใส่ร้ายคู่แข่ง
แนวโน้มน่าจะต้องมีคิวแจกใบแดง ใบเหลืองแน่
ทั้งหมดทั้งปวง ตามคิวแค่สนามเลือกตั้งซ่อมไม่กี่เขต ไม่ได้มีผลต่อเกมจัดขั้วรัฐบาล ยังทุ่มเดิมพัน "ปล่อยของ" ใส่กันแรงขนาดนี้
มันก็เป็นอะไรที่ประเมินได้ เลือกตั้งใหญ่น่าจะหนักกว่านี้อีกหลายเท่า
นี่แหละที่มันขัดอารมณ์กันอย่างแรง เพราะล่าสุด นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายก-รัฐมนตรี เพิ่มขีดระดับ "ใจป้า" ด้วยการประกาศล็อกโปรแกรมยุบสภาในช่วงระหว่างเดือนมีนาคมถึงเดือนเมษายนปีหน้า 2554
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการแสดงออกให้เห็นว่า รัฐบาลไม่ได้ยึดติดกับอำนาจ เป็นความตั้งใจที่จะทำเพื่อให้เกิดความปรองดอง หากการเลือกตั้งมีส่วนให้บ้านเมืองสงบ
ที่แน่ๆไม่ใช่แค่ลำพังคำพูดลอยๆของ "อภิสิทธิ์"
ตามจังหวะยังสอดรับกับอาการเร่งเครื่องของยี่ห้อประชาธิปัตย์และพรรคร่วมรัฐบาล ที่ชิง "ปาดหน้า" แย่งกันหว่านนโยบายประชานิยม
ปูพรม "ตกเขียว" คะแนนเสียงล่วงหน้า
สัญชาตญาณนักเลือกตั้งอาชีพจามกันฟิดฟัด กลิ่นเลือกตั้งโชยมาแตะจมูก
รอแค่เสียงนกหวีดยุบสภา
ในสถานการณ์ที่เสียงอวยชัยจากกองเชียร์พ่อยกแม่ยกกำลังอื้ออึง นายกฯอภิสิทธิ์และพลพรรคประชาธิปัตย์กำลังคึกคักเหมือน "พยัคฆ์ติดปีก" หลังชนะฟาวล์ 2 ไฟต์ติด รอดบ่วงกรรมยุบพรรคมาได้ ชนิดที่เซียน
เล่นอาคมยังยอมสยบ
ซูฮกให้กับความหนังเหนียวอมตะนิรันดร์กาล
บทพิสูจน์ "ประชาธิปัตย์ฆ่าไม่ตาย" ในทางตรงกันข้ามกับสถานภาพ "ง่อนแง่น" ของคู่แข่งอย่างพรรคเพื่อไทย ยังไงก็ฉุดไม่อยู่ แทบจะปิดประตูแพ้
โอกาสเอื้ออำนวยที่สุดแล้ว ที่จะชิงยุบสภาเลือกตั้งใหม่
ตามคิวก็เหลือแค่รอให้รายการแก้ไขรัฐธรรมนูญผ่านรัฐสภา กลับไปเลือกตั้งเขตเดียวเบอร์เดียวตาม "ออปชั่น" ที่นายกฯอภิสิทธิ์ตกลงกับพรรคร่วมรัฐบาล เปิดทางให้พรรคขนาดกลางและขนาดเล็กช่วยเจาะพื้นที่ภาคอีสาน ภาคเหนือ พื้นที่โซนแดง
ตัดแต้มพรรคเพื่อไทย เพิ่มโอกาสให้ยี่ห้อประชาธิปัตย์หักด่าน "ทักษิณ ชินวัตร" เติมตัวเลขให้ "อภิสิทธิ์" กลับมาเป็นแกนนำ ฟอร์มรัฐบาลได้อย่างสง่าผ่าเผย
ไม่ต้องไปซุ่มจัดโพยกันในค่ายทหารให้โดนเสียดสีถากถาง
นี่แค่ว่ากันตามเงื่อนไขซึ่งๆหน้า กับปมเหตุที่สนับสนุนให้นายกฯอภิสิทธิ์ยุบสภา
แต่เรื่องของเรื่อง มันยังมีเหตุที่ลึกไปกว่านั่น ตามเหลี่ยมที่ "อภิสิทธิ์" ต้องชิงปล่อยคิวยุบสภาออกมาก่อน ล็อกโปรแกรมกันในเดือนมีนาคมถึงเดือนเมษายน 2554
ตัดหน้า "อำนาจแฝง" ที่จ้องเสียบล้มกระดาน
ตามสัญญาณที่นายกฯอภิสิทธิ์ และ "เทพเทือก" นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ผู้จัดการใหญ่รัฐบาล สัมผัสรับรู้มากับตัวเอง
โดยเงื่อนปมโยงกับคิวทุจริตคอรัปชันที่เป็นมะเร็งร้ายลามเกาะกินรัฐบาล
อาการมาถึงขีดอันตราย.
ทีมข่าวการเมือง
未经允许不得转载:综合资讯 » ทุจริตถึงขีดอันตราย