เกมบีบจังหวะพลิกผัน

ภาพ AP

ถ้าเป็นไปตามที่นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ทำหน้าที่ โฆษกประจำสำนักนายกฯ เปิดเวทีแถลงร่วมกับนายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เลขานุการ รมว.ต่างประเทศ พร้อมด้วยพันเอกสรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก ประสานเสียงรัฐบาลและกองทัพไทย อ่านเกมเขี้ยวของนายกฯฮุน เซน แห่งกัมพูชา

มีเจตนาแอบแฝง ตีปี๊บขยายผลสู่เวทีสากล

ล่าสุดตามรายงานจากสำนักข่าวต่างประเทศ โดยนางมาเรีย ลุยซา ริเบโร ไวอ็อตติ ประธานที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอสซี) ประจำเดือนกุมภาพันธ์ จากบราซิล ออกมาระบุ สมาชิกของคณะมนตรีฯมีความกังวลอย่างยิ่งต่อความตึงเครียดที่ทวีขึ้นตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา

แบะท่ารับมุกกัมพูชาที่ได้เรียกร้องอย่างเป็นทางการต่อยูเอ็นเอสซี ขอให้มีการดำเนินการประชุมของคณะมนตรีความมั่นคงฯอย่างเร่งด่วนต่อเหตุพิพาทชายแดนกับไทย แต่ขอให้เป็นหลังจากที่เวทีระดับอาเซียนเคลียร์กันเองก่อน

ยูเอ็นส่อเล่นตามเกมของ "ฮุน เซน"

มันก็เป็นอะไรที่ขัดกับยุทธศาสตร์ของฝ่ายไทย ที่ไม่ต้องการให้มือที่ 3 เข้ามาก้าวก่าย แม้แต่ อาเซียนที่แสดงความจำนงเข้ามาไกล่เกลี่ยก็ถูกบอกปัดไปแล้ว

โดยปรากฏการณ์ที่ประเมินกันเบื้องต้น รัฐบาลไทยภายใต้การนำของนายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ส่อแววเพลี่ยงพล้ำเกมการทูตให้กัมพูชา

ตามเหลี่ยมเจ้าเล่ห์ของ "ฮุน เซน" ไม่ทัน

ยิ่งล่าสุดตัวเลขที่สะท้อนผ่านกรุงเทพโพล เปิดผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล หัวข้อ "ประชาชนคิดอย่างไร กรณีทหารไทยปะทะทหารกัมพูชา" พบว่า สาเหตุสำคัญที่ทำให้ปัญหาความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา ลุกลามจนเกิดเหตุการณ์ปะทะกัน

ตัวเลขก้ำกึ่งกันมาก ร้อยละ 26.4 มองว่า เกิดจากการยั่วยุของฝ่ายกัมพูชา ขณะที่ร้อยละ 25.6 มองว่า เกิดจากรัฐบาลไทยขาดเอกภาพในการทำงาน แถมร้อยละ 21.4 มองว่าเป็นเพราะการเดินเกมที่ผิดพลาดของรัฐบาลไทย

จุดนี้น่าจะเป็นอะไรที่อธิบายได้ว่า เหตุใดกระแสชาตินิยมไม่ลุกพรึบพรับ

อารมณ์ร่วมของคนไทยไม่ได้หน้ามืดตามัวไปกับการแห่สงครามสู้รบกับเขมร แต่ยังแยกแยะออกตามตัวเลขที่บ่งบอกว่า ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 67.5 พอใจการทำหน้าที่ของกองทัพในการปกป้องรักษาแผ่นดินไทย แต่ไม่พอใจการทำหน้าที่ของรัฐบาลในการแก้ปัญหาข้อพิพาทบริเวณพื้นที่ทับซ้อน ถึงร้อยละ 80.2

หน้าที่ปกป้องอธิปไตยกับเหลี่ยมแฝงทางการเมือง มันคนละเรื่องกัน

การณ์ออกรูปนี้ก็ยิ่งเพิ่มแรงกดดัน ในสถานการณ์ที่ "อภิสิทธิ์" โดนศึกประชิดเก้าอี้นายกรัฐมนตรี ตามคิวที่เซียนการเมืองฟันธง การสู้รบชายแดนเขมรไม่เป็นผลบวกกับสถานภาพเสี่ยงๆของรัฐบาล จะเอื้อก็แค่ไฟต์บังคับ ยัง "เปลี่ยนม้ากลางศึก" ไม่ได้

ไม่มีประเทศไหนที่เปลี่ยนแปลงรัฐบาลในภาวะสงคราม

ตามอารมณ์ที่ "บิ๊กป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม ยืนยันสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ให้นโยบายเหล่าทัพนำไปปฏิบัติ เน้นต้องยึดมั่นในสนธิสัญญากฎบัตรระหว่างประเทศ และเอ็มโอยูปี 43

ยึดเอ็มโอยูปี 43 ย้ำจุดยืนตามแนวทางของนายกฯอภิสิทธิ์

รัฐบาลกับ "ทีมพี่เลี้ยง" ยังเล่นคีย์เดียวกัน

อย่างไรก็ตาม โดยสถานการณ์ที่ต้องเผื่อกับช็อตพลิกผันได้ทุกเมื่อ กับอาการขยับของ "เฮียมิ่ง" นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ส.ส.สัดส่วน แม่ทัพพรรคเพื่อไทย ได้เรียกทีมงานวิเคราะห์สถานการณ์การเมืองอย่างเคร่งเครียด ก่อนสรุปปรับแผนใหม่ จากที่วางโปรแกรมล็อกคิวยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลหลังเสร็จสิ้นการโหวตร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ 3 อาจสายเกินเพล

เพราะประเมินสถานการณ์รุมเร้า ที่รัฐบาลกำลังเผชิญศึกรอบด้าน ทั้งสงครามสู้รบชายแดนไทย-กัมพูชา ขนาบด้วยศึกใน มีการเคลื่อนไหวอย่างผิดปกติของม็อบพันธมิตรฯนัดยกระดับชุมนุมใหญ่ไล่รัฐบาลในวันที่ 11 กุมภาพันธ์

ท่ามกลางกระแสข่าวลือปฏิวัติรัฐประหารที่ถูกกระพือรายวัน

ตามสัญญาณที่จับได้จากอาการเร่งคิวของ "ปู่ชัย" นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาฯ ชิงบรรจุวาระโหวตพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ 3

ในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ แล้วรีบต่อด้วยวาระพิจารณางบกลางปี 2554 ในวันที่ 16 กุมภาพันธ์

ในเหลี่ยมเซียนทันกัน อ่านทางได้ว่า พรรคประชาธิปัตย์กับหุ้นส่วนใหญ่อย่างพรรคภูมิใจไทยของยี่ห้อ "เนวิน ชิดชอบ" อาจตกลงกันเอาไว้แล้ว เมื่อคิวแก้ไขรัฐธรรมนูญและรายการจัดงบประมาณกลางปีเสร็จเรียบร้อย ล็อกความได้เปรียบปูทางกลับมาเป็นรัฐบาล

"อภิสิทธิ์" ก็จะกดปุ่มยุบสภา ตัดหน้า "แอ่นแอ๊น".

"ทีมข่าวการเมือง รายงาน"

未经允许不得转载：综合资讯 » เกมบีบจังหวะพลิกผัน