ไทยรัฐออนไลน์เปิดใจ “ลัดดาวัลย์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา” บทสัมภาษณ์ในมุมหัวอกคนเป็นแม่ที่เต็มไปด้วยความเสียใจ ที่เปรยตลอดเวลาว่านี่น่าจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอพูดผ่านสื่อ….
ปฏิเสธไม่ได้ภายหลังแถลงการณ์ของ “ทีมทนายครอบครัว เทพหัสดิน ณ อยุธยา” ฉบับแรกร่อน และฉบับ 2 คลอดตามออกมาติดๆ ย้ำเรื่องราว ข้อเท็จจริงใหม่อีกมุมหนึ่งที่ถูกเปิดเผยออกมาจากฝั่งผู้ถูกกล่าวหา พลันก็ถูก “อาฟเตอร์ช็อค” ลูกใหม่ ลูกใหญ่ ซัดครอบครัวเทพหัสดิน ณ อยุธยาเข้าอย่างจัง ทำนองเงียบหรือพูดก็โดนอัดเช่นเคย
คำถามใหญ่เชิงสงสัยก็เกิดขึ้นว่า วันนี้สังคมไทยใช้อะไรตัดสินคนมากกว่ากันระหว่าง “อารมณ์” กับ “เหตุผล”
ไทยรัฐออนไลน์เปิดใจ “ลัดดาวัลย์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา” บทสัมภาษณ์ในมุมหัวอกคนเป็นแม่ ซึ่งเต็มไปด้วยเสียงสั่นเครือตลอดเวลา กับคำขอร้องที่่ว่า “สังคมได้โปรดรับฟังเราบ้างได้ไหม…?”
Q : มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากเรื่องแถลงการณ์ทั้ง 2 ฉบับที่ทีมทนายของครอบครัว เทพหัสดิน ณ อยุธยา แถลงออกมา จริงๆ เรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้นอย่างไร
A : เรื่องนี้ต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของทนาย เพราะเขาเป็นทีมกฎหมายที่ต่อสู้เรื่องคดีก็ต้องปล่อยเขาไป ถามว่าตัวคุณแม่รู้มาก่อนไหมว่าจะออกมาประมาณนี้ “รู้ค่ะ” จริงๆ ก่อนหน้านี้ ทีมทนายความเขาขออนุญาตแล้ว ซึ่งเป็นข้อต่อสู้ของทีมทนายที่เขาไปหาหลักฐานข้อเท็จจริงมา พวกเราก็ปล่อยเขาทำหน้าที่สืบหาข้อเท็จจริงให้กระจ่าง
Q : วิเคราะห์ไหมว่า ทำไมมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ทันทีที่แถลงการณ์จากทีมทนายออกมาหนักหนาพอสมควร
A : ที่ผ่านมาเราโดนวิจารณ์เต็มๆ อยู่แล้ว (เสียงสั่นเครือ) แต่ในความรู้สึก เรารู้สึกว่าพวกเขาเข้าใจผิด แต่ก็ไม่ได้โทษใคร เพราะสถานการณ์มันทำให้เขาคิดแบบนั้น แต่สิ่งที่อยากจะขอร้องก็คือ แถลงการณ์ที่ออกไป ทีมทนายเขา มีทีมไปตรวจสอบหาหลักฐานข้อมูลไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ ตรวจสภาพรถแล้ว เขาก็มีหลักฐานในส่วนของเขาออกมา เราก็ปล่อยเขา คือที่ผ่านมาเราก็โดนเต็มๆ เหมือนกับหัวใจเราด้านชา (เสียงสั่นเศร้า) ไปหมดแล้ว ถ้าทีมกฎหมายทำอะไรมาในส่วนของเขา เราก็ต้องปล่อยเขา เราไม่ได้มีความรู้เรื่องกฎหมาย ก็ไม่อยากจะพูดอะไรมากไปกว่านี้
Q : อยู่นิ่งๆ หรือออกมาแสดงหลักฐานใหม่ ก็โดนวิพากษ์วิจารณ์ พูดได้ไหมว่า ไม่ว่าครอบครัวคุณจะทำอะไร ก็โดนทั้งขึ้นทั้งล่อง
A : ถ้าเราไม่ออกมาพูดเขาก็บอกทำไมไม่ออกมา (เสียงสั่นเศร้า) แต่มาพูดแล้ว ถ้าไม่โดนใจเขา หรือไม่เหมือนกับที่ตั้งธงเอาไว้เราก็โดน ฉะนั้นก็แล้วแต่ทนาย เพราะว่าตอนนี้เราได้แต่ทำใจ ไม่ได้มีอะไรที่จะต้องเสียไปมากกว่านี้แล้ว
ส่วนเรื่องเสียงวิพากษ์วิจารณ์เรื่องแถลงการณ์ ซึ่งเปิดเผยข้อมูลอีกด้านหนึ่งว่า "น้องแพรวาเขาไม่ได้ขับรถชน จริงๆ จากวันแรกที่ได้คุยกับน้องแพรวา เขาก็บอกว่าได้หักหลบรถตู้จนไปกระแทกขอบทางด่วนแล้วรถก็หมุน” หลังจากนั้นน้องก็ไม่ได้เห็นเหตุการณ์อีก เราก็คุยกับตำรวจตั้งแต่วันที่มีคดีคืนแรกเลย แต่เรายังไม่ได้ให้ตำรวจเจอเพราะว่าเศษกระจกยังอยู่ตามหน้าน้องเขา เราก็เล่าให้เขาฟังแบบนั้นจริงๆ ตั้งแต่แรกเราพูดอย่างไรก็คือแบบนั้นไม่เคยเปลี่ยนข้อมูลอะไร
Q : แต่ก็มีเสียงค่อนขอดจากบางฝ่ายว่า คำพูดน้องแพรวาเปลี่ยนไป เปลี่ยนมา…?
A : ยืนยันได้ว่าเกิดเหตุการณ์อะไรน้องเขาก็เล่าไปแบบนั้นเหมือนเดิม ซึ่งถ้าสังเกตุจากกล้องวงจรปิดให้ดีๆ น้องแพรวาเขาหักหลบรถตู้สุดชีวิต (เสียงสั่นเศร้า) หากย้อนไปดูกล้องวงจรปิดเป็นสิบๆ หน จะเห็นได้ชัดว่าภาพรถน้องแพรวาจากมาแล้วจากรถตู้แล้ว และน้องหักสุดชีวิตแล้วไม่ได้ตั้งใจให้มีคนเสียชีวิตแบบนั้น หรือ ตัวเองเป็นคนที่คลาดจากรถตู้วันนั้น แม่ว่ามันจะดีกว่านะ ถ้ามันมีข้อเท็จจริงๆ พบว่าถ้าน้องหลบรถตู้สุดชีวิตแล้วรถตู้ไปเสียหลักด้วยตัวเขาเอง ถ้าความจริงเป็นอย่างนั้นละค่ะ สังคมก็ควรได้รับรู้ (เสียงสั่นเครือ) ญาติผู้เสียชีวิตทั้ง 9 เขาไม่อยากรู้ความจริงเหรอว่า “ลูกหรือว่าคนใกล้ชิดเขาเสียชีวิตเพราะอะไร ถ้าเป็นแม่ ถ้าแพรวาเสียชีวิตในเหตุการณ์วันนั้น และมีข้อมูลไหนมา แม่จะต้องตรวจสอบ อยากรู้ว่าลูกเราตายอย่างไรกันแน่…?”
เมื่อมันมีหลักฐานใหม่ๆ เขาไม่อยากรู้เหรอว่าเรื่องทั้งหมดเป็นอย่างไร “ถ้าวันนั้นแพรวาเสียชีวิตบนรถตู้วันนั้นแม่ต้องอยากรู้ว่าอะไรคือสาเหตุการตายของลูกแม่กันแน่ ถ้าใครผิดก็ไปแก้ไขให้มันดีกว่านี้” อย่างวันนั้นน้องแพรวามากับความเร็ว แต่ก็เป็นความเร็วพอๆ กับรถตู้ตีคู่กันมาถ้าหากไปดูในกล้องวงจรปิด จะเห็นว่า “รถซีวิคหักหลบรถตู้มาพ้นแล้ว น้องเขาบอกแม่ว่า หนูมั่นใจและหักซ้ายมานี่ ถ้าไปดูรถทางด้านซ้ายกระแทกทางด่วน ถ้าหักไม่พ้นด้านขวาต้องไปเต็มๆ นี่ด้านขวาไม่มีแต่ซ้ายกระแทกทางด่วนแล้วรถมันหมุน แล้วตัวน้องหลุดไปใต้คอนโซล ออกไม่ได้” ต้องเจ้าหน้าที่กู้ภัยมางัดออก
บอกคุณตรงนี้ “มันน่าน้อยใจว่าเขาไม่ส่งลูกเรา ไม่ส่งน้องแพรวาไปโรงพยาบาล เขาบอกว่าจะให้โทรแจ้งประกันก่อน แจ้งอะไรก่อนทั้งหมด” (เสียงสั่นคล้ายกำลังร้องไห้) แล้วที่สำคัญรูปที่เขาถ่ายน้องแพรวามา 2 รูป เป็นรูปกดโทรศัพท์กับรูปยืนโทรศัพท์ แต่ว่าเขาลงแต่รูปกดโทรศัพท์ แต่รูปยกขึ้นหูโทรศัพท์ขึ้นแจ้งเหตุเขาไม่กด แม่ไม่เข้าใจจริงๆ” ไม่รู้ว่าตอนนี้เพียงแต่ว่าทีมกฏหมายทำอะไรก็ต้องปล่อยเขาเพราะว่าเขาไปหาข้อมูลมาได้ เขามาบอกเราก็ดีใจ อย่างน้อยความรู้สึกทางเราก็รู้ว่าลูกเราไม่ได้ฆ่าทั้ง 9 คนนั้น แต่ลูกเราเป็นผู้รอดชีวิตคนหนึ่งในเหตุการณ์คืนนั้น
Q : แต่เรื่องชนหรือไม่ชนรถตู้ มันก็เกิดเป็นประเด็นอีก เพราะล่าสุดก็มีสื่อทีวีบางช่องว่า น้องให้สัมภาษณ์แย้งกับแถลงการณ์เรื่องนี้…?
A : เมื่อคืนก่อนแม่ดูทีวีช่องหนึ่ง แม่ยังสงสัยเลยว่าไม่รู้ว่าเขาเจตนาอะไรเพราะว่าหลังเกิดเหตุไม่กี่วัน น้องเขาให้สัมภาษณ์ "คุณกนก รัตน์วงศ์สกุล" ว่า “เขาหลบรถตู้แล้วน้องไปกระแทกขอบทาง แต่ทีวีเขาตัดคำว่าขอบทางทิ้งไป” หรือว่าแม่ความจำผิดก็ไม่รู้นะ… แต่วันเกิดเหตุน้องเขาพูดตอนเช้าคำว่า “กระแทก เขาไม่ได้บอกว่ากระแทกรถตู้ เขาบอกว่าเขาหักหลบแล้วรถเขาหักซ้ายเต็มที่แล้วเขาไปกระแทก” กระแทกแม่เข้าใจว่าไปกระแทกขอบทางด่วนที่กั้นทาง แต่ทีวีเขาตัดลงแค่นั้นว่าไปกระแทก ถึงแม้ว่าน้องเขาจะพูดว่าไปกระแทกแต่ก็ไม่ได้บอกว่ากระแทก รถตู้หรือกระแทกอะไร…?
คำให้การตำรวจหรือวันแรกที่คุยกับตำรวจก็คือ “ไปกระแทกขอบทางด่วน” แต่เราก็เข้าใจว่าเขาสูญเสีย แม่เสียลูก หรือว่าพ่อเสียลูก มันยิ่งใหญ่เกินว่าสูญเสียทุกอย่าง แม่เข้าใจตรงนี้ แต่ในเมื่อมีหลักฐานข้อเท็จจริงด้านอื่นออกมาก็อยากให้เปิดใจรับฟังบ้าง อย่างน้อยอยากให้รู้ว่าลูกสุดที่รักของทุกๆ คนเสียชีวิตเพราะเหตุใดกันแน่ อยากให้พิสูจน์ให้ทราบกันจริงๆ
Q : ตอนนี้สภาพจิตใจน้องแพรวาเป็นอย่างไรบ้าง
A : พวกเราก็ไม่ให้น้องเขารับรู้อะไรเท่าไหร่ (เสียงเศร้า) เพราะตอนนี้น้องแพรวาเขาปฏิบัติธรรม แต่ขอไม่บอกว่าอยู่ที่ไหนนะค่ะ เดี๋ยวคนจะหาว่าสร้างภาพอีก แต่เรื่องราวทั้งหมด ตั้งแต่วันเกิดเหตุการณ์น้องแพรวาก็ยืนยันว่าแม่หนูหักเขาพ้นนะ
Q : เรื่องเงินช่วยเหลือก็เป็นอีกเรื่องที่โดนวิพากษ์วิจารณ์สวนมาอย่างหนัก
A : เงินที่เราเอาไปทุกที่ที่เราไป เราจะบอกว่าเงินอันนี้เป็น “เงินทำบุญ” ให้กับผู้ที่สูญเสียชีวิตทุกคน “ขอให้เอาไปทำบุญไม่เกี่ยวกับเรื่องคดีและค่าเสียหายใดๆ ทั้งสิ้น” คือบางคนแรกๆ เขาไม่กล้ารับแม่ก็เข้าใจ แม่ต้องจับมือเขา กอดเขาบอกว่า “อันนี้จากใจถึงใจ” คือเงินทำบุญ เป็นเงินที่ช่วยเหลือด้วยด้านมนุษยธรรม หรือเกี่ยวกับคนเป็นแม่ด้วยกัน “ไม่เกี่ยวกับรูปคดีทั้งสิ้น” อยากให้รับไปค่ะ หรือคุณแม่ ด็อกเตอร์เป็ด (ดร.ศาสตรา เช้าเที่ยง) ถ้าไปดูเทปจะบอกเลยว่า “แม่เอามาทำบุญ ให้คุณแม่ด็อกเตอร์เป็ดเอาไปทำบุญให้ด็อกเตอร์เขานะค่ะ แต่เห็นข่าวว่าเขาบอกว่าจะมาคืนให้กับเรา แม่ก็เสียใจ”
จริงๆ เรื่องนี้แต่ต้นเราก็ประสานตำรวจตลอด ตำรวจก็ออกมาพูดตลอดว่าเป็นตัวแทนให้ แต่ว่าทางตัวแทนผู้เสียหายเขาปฏิเสธ ในเมื่อทุกคนยกให้เขาเป็นตัวแทน แล้วเขาปฏิเสธบอกว่าตัวแทนไม่ให้รับคำสัมภาษณ์ปฏิเสธนี้ใน Youtube ชัดเจน แต่กลับโดนบล็อก แต่กลับออกมารุมครอบครัวเรา คือถูกหรือผิดยังไม่รู้
Q : ได้ข่าวมาว่าผู้ที่บาดเจ็บ บางรายเรียกเงินทำขวัญครอบครัวคุณมากถึง 7 หลัก
A : ก็แบบที่แถลงการณ์ของทนายระบุว่า เรียกมาสูงมากจนเกินกำลังครอบครัว (เสียงเศร้า) แล้วถ้าเป็นน้องแพรเสียหายด้วยอีกคน ซึ่งศาลก็ยังไม่ตัดสินมา ข้อพิสูจน์ทางเราก็มีมานำเสนอ อยู่รายหนึ่งติดต่อเขาไม่ได้เพราะว่าเขา 3 วันเผา รู้สึกผิดมาก (เสียงสะอื้น) แม้แต่คนขับรถเราก็นำเงินไปช่วย บางทีเราก็ไปแอบกราบคุณพ่อคุณแม่เขาด้วยซ้ำแอบขึ้นไปกราบศพ แอบขึ้นไปข้างเมรุเพราะไม่ต้องการเป็นข่าว เราไปเพื่อบรรเทากับสิ่งที่เขาคิดว่าลูกเราทำ อยากน้อยๆ ให้เขาบรรเทาความแค้นเคืองในใจเขา
“แม่กราบคนมันไม่เสียศักดิ์ศรีเกียรติยศมันคือสิ่งที่ปรุงแต่งสิ่งด้านนอก สิ่งที่อยู่ภายในจิตใจคือสิ่งที่เราต้องรักษา ใครจะมาบอกว่า “เทพหัสดิน ใหญ่ โดนแค่ไหนมันก็แค่เปลือก อย่างน้อยเขาบรรเทาทุกข์ได้ว่าแม่แพรวาไม่ได้มาดูถูกศพลูกเขา แต่หลายจังหวัดเราก็ไปไม่ทันจริงๆ อย่าง จ.ชัยนาท จ.อุบลราชธานี ก็ต้องกราบขอโทษด้วย
Q : หัวอกคนเป็นแม่วันนี้สภาพจิตใจคุณเป็นอย่างไรบ้าง
A : ตัวแม่ไม่เป็นไรค่ะ แต่ที่ผ่านมาเราโดนทุกทาง แม้แต่ตระกูลก็มาตำนิเราแต่ในเมื่อมีแถลงการณ์ของทนายออกไป ตระกูลก็เริ่มเข้าใจ หรือหลายๆ คน ร้อยคนที่ไม่เข้าใจเราเลย แต่หลังจากแถลงการณ์ออกไป มี 2 คนเริ่มกลับมาเข้าใจเราบ้างก็ยังดีกว่าไม่เข้าใจทั้ง 100 คน
Q : ก่อนหน้านี้ก็มีคนวิพากษ์วิจารณ์ครอบครัวคุณเป็นครอบครัวชื่อดัง จะมีการใช้เส้นสายเข้าช่วยเหลือ
A : แม่คือแม่บ้านธรรมดา (ตอบเร็ว) คุณพ่อก็ออกจากราชการมานานแล้วจะมีเส้นมีสายที่ไหน “เขาพูดเหมือนกับเรามีอิทธิฤทธิ์” (เสียงสะอื้น) จริงๆ ไม่เลยเราเป็นคนธรรมดา เป็นแม่บ้านเก็บบ้านทำความสะอาด ไม่ได้ไปอะไรกับใครไม่เคยออกงาน น้องก็เป็นคนธรรมดาๆ วันอาทิตย์ก็เป็นวันครอบครัว วันอื่นน้องเขาไปไปฝึกใช้ภาษาอังกฤษไปช่วยขายของ แล้วก็ได้เงินมาใช้จ่ายในส่วนตัวของเขา น้องไม่ใช่เด็กเที่ยวไม่ใช่เด็กเกเร เป็นนางแม่มดเหมือนที่ใครเข้าใจ
Q : จนถึงวันนี้คุณมีอะไรอยากพูดกับคนในสังคมไหม
A : ไม่เอาดีกว่าค่ะ มันมีแต่เสีย แต่สิ่งหนึ่งที่แม่อยากพูดก็คือขอให้คนใช้ข้อพิสูจน์ทุกอย่างจากหลักฐานมากกว่าอย่าเอาจากความรู้สึก แล้วถ้ามีหลักฐานอะไรชัดเจน ก็อยากให้ช่วยดูกันมากกว่า
Q : อนาคตนับจากนี้
A: ในส่วนของน้องแพรวา แม่หวังว่าสักวันเขากลับมาใช้ชีวิตได้เหมือนเด็กปกติทั่วๆ ไป ตอนนี้เขาอยู่ในธรรมะก็ปล่อยให้เขาไปก่อน พอออกมาก็ต้องเรียนหนังสือ เรามีกันอยู่แค่ 3 คน พ่อแม่ลูกปกติ ส่วนที่คนบอกว่าจะหนีไปเมืองนอก ไม่จริงค่ะ เช็คพาสปอร์ตไม่เคยหนีออกตั้งแต่มีคดีเกิดขึ้น เพราะ 1.คดียังไม่สิ้นสุด 2.ถึงคดีสิ้นสุดแล้วคนไปเมืองนอกมันต้องพร้อมทุกๆ อย่าง ตัวน้องเองด้วย สภาพครอบครัวด้วย หรือว่าทุกๆ อย่าง ไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆ ก็หิ้วกระเป๋าไปเมืองนอกแล้วไปอยู่แล้วยิ่งน้องเป็นผู้หญิงด้วย คราวที่แล้วน้องไปเพราะมีญาติอยู่ที่นั่นดูแลให้
สุดท้ายอยากให้สังคมกลับมามองดูว่าจากหลักฐานแล้วเหตุผล อย่าใช้อารมณ์ อยากให้เขาค้นหาความจริงว่าบุคคลอันเป็นที่รักเสียชีวิตเพราะอะไรกันแน่ หรืออย่างเรื่องเขาไม่รับความช่วยเหลือของเราเพราะอะไร หรืออย่างเฟซบุ๊คที่เกิดขึ้น ทนายเราก็ไปสืบค้นมาแล้วว่าเป็นของปลอม เขาถึงมั่นใจว่าน้องโดนสร้างเรื่องโดนใส่ร้าย ให้คนเกลียดชังเต็มไปหมด เด็กสาวคนหนึ่งถูกตราหน้าว่าฆ่า 9 คน ซึ่งความจริงจะใช่หรือไม่ใช่ไม่มีใครรู้ มันต้องพิสูจน์ วันนี้เด็กคนนี้เหมือนโดนตัดสินประหารไปแล้ว ในเมื่อมีหลักฐานใหม่ เนื่องจากทนายเขาทำงานเป็นทีมเหมือนเมืองนอก ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุไป ขับรถวนดูมากมาย แล้วรถน้องจากรถตู้ไปอีก 150 -200 เมตร น้องหักหลบพ้นจนเลยหน้ารถตู้ไปแล้ว ซึ่งถ้าน้องชนท้ายเขา น้องต้องอยู่แถวๆ นั้น ทั้งหมดมันมีข้อสังเกต ไม่อยากให้คนใช้อารมณ์ตัดสินกัน.
未经允许不得转载:综合资讯 » ‘สังคมได้โปรดฟังเราบ้าง…’ เปิดหัวอกแม่ ‘ลัดดาวัลย์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา’