แก้ทางมวย ซ้อมปิดจุดอ่อนของตัวเองมาดี
โดยกระบวนท่าของ "เฮียมิ่ง" นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ส.ส.สัดส่วน หัวหน้าทีมอภิปรายไม่ไว้วางใจของพรรคเพื่อไทย เปิดหัวนำร่องด้วยการฉายสไลด์ ขึ้นชาร์ต เทียบตารางเปรียบตัวเลขการบริหารราคาน้ำมัน ระหว่างรัฐบาลของนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี กับรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี
เน้นการนำเสนอข้อมูล มากกว่าสำแดงลีลาโวหารที่ตัวเองไม่ถนัด
ยกตัวอย่างให้เห็นภาพกันชัดๆประเภทที่ว่า น้ำมันโลกราคาลดลง คนไทยก็ใช้น้ำมันแพง น้ำมันโลกแพง คนไทยก็ยิ่งใช้น้ำมันแพงเข้าไปใหญ่
ในเครื่องหมายคำถาม "อภิสิทธิ์" ไม่เคยทำให้คนไทยได้ใช้น้ำมันราคาถูก
หรือกับฉากที่นายกฯอภิสิทธิ์ยืนบนโพเดียมที่ทำเนียบรัฐบาล ประกาศตัวเลขจีดีพี ขยายตัว แนวโน้มเศรษฐกิจฟื้นตัวดี หักมุมกับภาพข่าวที่ชาวนา 17 จังหวัด ปิดถนนเทข้าวเปลือกประท้วงราคาข้าวตกต่ำ
ตอกย้ำกระบวนการสร้างภาพ กลบรอยรั่วไม่มิด
และที่ฟ้องกันด้วยตัวเลข เถียงกันไม่ออกก็คือ นายอภิสิทธิ์บริหารประเทศมาแค่ 2 ปีเศษ สร้างหนี้ 1.49 ล้านล้านบาท ในขณะที่การบริหารงานของรัฐบาลไทยที่ผ่านมาทั้งหมดก่อนรัฐบาลชุดนี้ 76 ปี 26 นายกรัฐมนตรี ก่อหนี้สาธารณะรวมอยู่ที่ 8.7 แสนล้านบาท
สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ในการบริหารจัดการงบประมาณแผ่นดิน
กู้เงินมาถลุงไปกับปมทุจริตคอรัปชัน ที่รัฐบาลชุดนี้มีเรื่องฉาวมากมาย ตั้งแต่รถเมล์เอ็นจีวี หวยกาชาด โทรศัพท์ระบบ 3 จี และโครงการรถไฟฟ้า
ไล่ประเด็นกันเป็นช็อตๆ ก่อนสรุปฟันธง "อภิสิทธิ์" อ่อนด้อยอ่อนเชิงในการบริหาร ทำให้คนไทยสูญเสียโอกาส และนำประเทศไทยเข้าสู่ภาวะข้าวยากหมากแพง
ไม่หนักถึงขั้นน็อก แต่ก็ "จุกลิ้นปี่"
เอาเป็นว่า เทียบกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ เสียงปรามาสก่อนหน้านี้ ต้องถือว่า "มิ่งขวัญ" ทำผลงานได้ตามกระแสโพลที่เชียร์ให้ฝ่ายค้าน พรรคเพื่อไทย ลากรัฐบาลขึ้นเวทีเชือด เพราะคาใจฝีมือบริหารและปมทุจริตคอรัปชัน
"มิ่งขวัญ" ปล่อยหมัดเข้าเป้าทุกดอก
และก็ตามฟอร์มมวยเจนเวทีสภาฯ นายกฯอภิสิทธิ์ลุกขึ้นสวนหมัด แก้กันทุกเม็ด ย้อนเกล็ดไปถึงรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
ตามโพยที่เก็งข้อสอบไว้ล่วงหน้า
ว่ากันที่ประเด็นการบริหารกองทุนน้ำมันขาดทุน ในอดีตก็เป็นรัฐบาลของอดีตนายกฯทักษิณ ที่เคยบริหารกองทุนน้ำมันติดลบถึง 9 หมื่นล้าน ทำให้รัฐบาลต่อมา ภายใต้การนำของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ต้องเข้ามาแก้ไขสถานการณ์ทำให้เป็นบวก
ทำไมไม่ตำหนิ พ.ต.ท.ทักษิณที่บริหารอย่างไร กองทุนน้ำมันติดลบถึง 9 หมื่นล้าน
ส่วนราคาน้ำมันปาล์มที่ว่าราคาพุ่งกระฉูดนั้น ในสมัยที่นายมิ่งขวัญเป็น รมว.พาณิชย์ น้ำมันปาล์มขายกันขวด 47.50 บาท ถือเป็นราคาสูงที่สุด มากกว่าสมัยรัฐบาลนี้ที่ขายกันแค่ขวดละ 47 บาท
ก่อนสรุปตบท้าย ดิสเครดิตข้อมูลของฝ่ายค้านแค่ "ตัดต่อ"
แลกกันหมัดต่อหมัด เพื่อไทยฉวยกระแสหนุนไล่บี้ ตอกย้ำปมที่สังคมคาใจ แต่ประชาธิปัตย์ก็อาศัยเหลี่ยมเขี้ยว ไม่ยอมจนมุม
แต่ที่จับทางได้ ต่างฝ่ายต่างแบไต๋ ตามเกมลากกระแสไปถึงการเลือกตั้งใหญ่
โดยเหลี่ยมที่เห็นได้เลยว่า นายมิ่งขวัญพยายามโชว์ความเป็น "กูรู" ที่ผ่านงานบริหารงานเอกชน "เลกเชอร์" สอนเชิงบริหารงานด้านเศรษฐกิจให้นายกฯอภิสิทธิ์ ทุบปมด้อยยี่ห้อประชาธิปัตย์ ย้ำจุดอ่อนรัฐบาล
งัดฟอร์มของว่าที่แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เทียบกันตรงหน้า
ขณะที่นายกฯอภิสิทธิ์ก็ท้ากลางสภา ถ้าฝ่ายค้าน พรรคเพื่อไทย มองว่านโยบายพลังงานทั้งเรื่องกองทุนน้ำมันอุ้มน้ำมันดีเซล และการอุ้มราคาก๊าซ
หุงต้มผิดพลาด ก็ให้ประกาศในการหาเสียงเลือกตั้งหลังการยุบสภาในสัปดาห์ แรกของเดือนพฤษภาคม ว่าจะยกเลิกมาตรการดังกล่าว เพื่อให้ประชาชนได้สินใจจะเลือกใคร โดยที่ยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์จะยึดนโยบายเดิม
ชิงเหลี่ยมเบิ้ลขาย "ประชานิยม" ตีกินคะแนนเสียงล่วงหน้า พลิกจากรับเป็นรุก ตามสไตล์เขี้ยวการเมืองยี่ห้อประชาธิปัตย์
สรุป ยกแรก "มิ่งขวัญ" กับ "อภิสิทธิ์" ว่ากันตามเหลี่ยมของมวยเชิง
ไปนับคะแนนยกสุดท้ายช่วงเลือกตั้ง.
ทีมข่าวการเมือง รายงาน
未经允许不得转载:综合资讯 » แก้ทางมวย ซ้อมปิดจุดอ่อนของตัวเองมาดี