综合资讯
当前位置:综合资讯 > 资讯 > 泰国新闻 > 正文

"ปุระชัย"ออกโรง"เล่นการเมืองอีกครั้ง ไม่ยอมให้ใครเอาชื่อไปแอบอ้าง

"ปุระชัย"ออกโรง"เล่นการเมืองอีกครั้ง ไม่ยอมให้ใครเอาชื่อไปแอบอ้าง

ปชป.-พท. หนาว "ปุระชัย" นำ" พรรคประชาสันติ" ออกโรง ยัน ไม่คิดตัดช่องน้อยแต่พอตัว ยังเป็นห่วงบ้านเมือง เชื่อวันที่ 2 เม.ย.จะชัดเจนเปิดตัวพรรคใหม่อย่างเป็นทางการ อุบ เป็นหัวหน้าพรรคหรือไม่ ย้ำไม่เคยคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ตั้งแต่ออกจากพรรคไทยรักไทยปี48 เห็นเป็นเพียง’รุ่นพี่รุ่นน้อง’ไม่ให้ใช้คำว่า’เพื่อน’…
การเมืองภายในประเทศชั่วโมงนี้  ทุกอย่างมุ่งหน้าไปสู่การเลือกตั้งใหญ่ที่กำลังจะมีขึ้น หลังจากทั้งนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้จัดการใหญ่รัฐบาล ออกมาส่งสัญญาณ ยุบสภา 10 พ.ค.และเลือกตั้งวันที่ 3ก.ค.นี้  ขณะเดียวกันก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าฐานเสียงในเมืองหลวง อย่างกทม.  มีความสำคัญอย่างยิ่งยวด หากพรรคประชาธิปัตย์ ต้องการกลับมาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลรอบที่ 2 การเปิดตัวของชายที่ชื่อ ร.ต.อ.ดร.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ อดีต รมว.มหาดไทย เจ้าของ​ฉายา "มือปราบสายเดี่ยว" และ "มิสเตอร์ไม้บรรทัด" ผู้โด่งดัง ในยุครัฐบาลพรรคไทยรักไทย ที่จะลงมาเล่นการเมืองในนาม"ว่าที่หัวหน้าพรรคประชาสันติ" ซึ่งเกจิอาจารย์ ทั่วไปฟันธงว่า มีผลกระทบกระเทือนกับคะแนนเสียง ในเขตกทม. ของพรรค ‘พระแม่ธรณีบีบมวยผม’ โดยตรง

ร.ต.อ. ดร. ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ กล่าวแบบเปิดใจกับทีมข่าว"ไทยรัฐออนไลน์" เหตุใดจึงตัดสินใจกลับมาทำงานทางการเมืองในชื่อพรรคประชาสันติ" ต้องขอย้อนกลับไปตั้งแต่ตอนที่ได้ตัดสินใจออกจากพรรคไทยรักไทย เมื่อปี 2548 ต้องเรียนว่าไม่ได้มีปัญหาอะไรกับพรรค ออกโดยหมดวาระของตำแหน่งหน้าที่การงาน ก็ภาคภูมิใจมาก ว่าเป็นหนึ่งใน 2 ครั้งที่อายุของรัฐบาล อยู่จนสภาครบวาระ 4ปี ก็คิดว่าพอแล้วล่ะ อายุตัวเองก็เรียกได้ว่า ถึงเวลาพอแล้ว อยากไปท่องเที่ยวทั่วโลก ซึ่งส่วนตัวเห็นว่า เป็นทางลงทางชีวิตการเมืองที่ดี และน่าภาคภูมิใจแล้ว หมดหน้าที่และก็จบ" ส่วนตัวเตรียมเปิดตัวผลงานหนังสือชื่อ"เมื่อผมต้องเผชิญกับกระบวนการยุติธรรม" ในวันที่ 2 เม.ย. นี้
"แต่พอถึงปี2549 มีเรื่องที่คาดไม่ถึงเกิดขึ้นในชีวิต หลายเรื่อง อันแรกคือ บิดาอายุ 93 ปี เสียชีวิต ด้วยโ​รคชรา ก่อนท่านเสียชีวิตก็มีการรัฐประหาร พอรัฐประหารก็มีผล บวกและลบตามมา ผลบวกคือได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้เป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) แต่  ผลลบ คือถูกกล่าวหาในคดีทุจริตกล้ายาง และคดีหวยบนดิน โดยคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.)  ซึ่งคดีของกล้ายาง ผมไม่ได้อยู่ในกลุ่มจำเลย คตส.สั่งไม่ฟ้อง แต่พอมาถึงคดีหวยบนดิน คตส. สั่งฟ้องร่วมกับจำเลยอีก47 คน และต้องต่อสู้คดีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอีก2ปี         

"ปัญหามันก็เกิดขึ้นเพราะประเทศแบ่งเป็นขั้ว แบ่งเป็นค่าย แบ่งเป็นข้าง ความรู้สึกมาถึงช่วงท้ายของชีวิต เคยคาดหวังว่าจะเห็นประเทศนี้เป็นประเทศที่สงบสุข ชีวิตในบั้นปลายต้องใช้ คำว่าผ่านไปด้วยดี แต่มันไม่เป็นอย่างที่คิด มันเต็มไปด้วยปัญหา ซึ่งหลายเรื่องกระทบเรา ทั้งเรื่องเป็นรัฐมนตรีในครม.ชุดที่54 พอรัฐประหาร ก็ได้รับผลทางคดีความไปด้วย"ร.ต.อ.ดร.ปุระชัยกล่าว

ร.ต.อ.ดร. ปุระชัย กล่าวอีกว่า ตอนนี้ ก็เรียกได้ว่าประเทศแบ่งเป็นสองสี สีเหลือง สีแดง ไม่ว่าสีเหลือง สีแดงเราก็รับไปทั้งสองสี หรือมากกว่าสองสี ผลกระทบก็จะตกไปที่ประชาชนที่ไม่ส่วนเกี่ยวข้อง ปัญหาที่เกิดคำถามตามมาก็คือเกิดอะไรขึ้นกับประเทศของเรากันแน่ ประชาชนทั้งหลายอาจจะรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ตอนนั้นก็มีเสียงเริ่มมาเข้าหู ขณะที่พรรคการเมืองที่มีอยู่แล้ว ก็ขอให้กลับไปทำงานการเมือง ยอมรับมีหลายพรรค มีทั้งพรรคขนาดเล็กและพรรคขนาดกลางก็อยากจะขอให้ผมไปทำงานการเมือง พอผมตอบปฏิเสธ แต่ยืนยัน พรรคพลังประชาชน หรือต่อมากลายเป็นพรรคเพื่อไทยไม่เคยมาทาบทาม

ซึ่งก็มีเสียงต่อว่าตามมาอยู่เสมอว่า "เอาตัวรอด ตัดช่องน้อยแต่พอตัว ไม่สนใจปัญหาบ้านมือง" มันก็เป็นสิทธิของผู้วิจารณ์ที่จะวิจารณ์ แต่ยืนยันผมไม่ได้ตัดช่องน้อยแต่พอตัว ไม่เอาใจใส่การเมือง หรืออะไรต่างๆ การเมืองยังไงผมก็ทิ้งไม่ได้ ตลอดเวลาที่อยู่การเมืองมาก็ให้สัมภาษณ์ อยู่เสมอๆ ว่าผมอยู่ทางการเมืองมาไม่ใช่อยู่ในเฉพาะตำแหน่ง แต่ผมอยู่การเมืองมา ตั้งแต่สมัยก่อตั้งพรรคไทยรักไทย 4 ปี อยู่ในตำแหน่งทางการเมืองมา 4 ปี หรือตลอด 8 ปี ผมทำงานให้กับบ้านเมือง และผมมั่นใจว่าทำงานด้วยความซื่อสัตย์ ตรงไปตรงมาและยึดถือผลประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง ไม่มีอะไรที่เป็นผลประโยชน์ส่วนตัวหรือหาผลประโยชน์จากทางการเมือง

ร.ต.อ.ดร.ปุระชัย ระบุว่า ถ้าผมกลับไปการเมือง อีกครั้งหนึ่งผมก็จะต้องไม่ไปยุ่งกับเรื่องของใคร หรือให้ใครเอาชื่อเสียงของผมไปใช้เป็นเครื่องมือที่เขาจะทำอย่างไรกับเราก็ได้ เอาตำแหน่งหัวหน้าพรรคหลอกล่อ หรือตำแหน่งอะไรในอนาคตด้วย ถึงยังไงเราก็ไม่ไป ไม่อยากคิดว่า พอเข้าไปยุ่งเกี่ยวแล้ว ทำให้เกิดความทุกข์ความเดือดร้อน สุดท้ายผมก็ต้องถอยมาอย่างไม่สวยงาม แต่ที่ผ่านมาก็ได้พิสูจน์แล้ว ท้ายท่ีสุด ผมก็ออกจากการเมืองมาได้อย่างสวยงาม แล้วในส่วนของพรรคไทยรักไทยที่เคยมีบทบาทร่วมก่อตั้งมา หรือที่เคยเป็นเลขาธิการพรรคก็ตาม ผมได้เจริญเติบโตมาถึงจุดๆ หนึ่ง เราก็กลับกลายเป็นเหมือนคนแปลกหน้า ซึ่งสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ผมระวังมาก

"ตั้งแต่ออกจากพรรคไทยรักไทยมาตั้งแต่ปี 2548 ก็ไม่เคยติดต่อกับ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและอดีตหัวหน้าพรรคไทยรักไทยอีกเลย ทั้งนี้ยอมรับกับ ทีมข่าว"ไทยรัฐออนไลน์" ว่า กับ พ.ต.ท.ทักษิณ นับถือกันเป็นเพียง ‘รุ่นพี่รุ่นน้อง’ ในโรงเรียนเตรียมทหารเท่านั้น เพราะตัว ร.ต.อ.ดร.ปุระชัย  เป็น ตท.9 ส่วน พ.ต.ท. ทักษิณเป็น ตท.10 แต่ไม่ยอมให้ใช้คำว่า เป็นเพื่อนกันอย่างเด็ดขาด" ร.ต.อ. ดร.ปุระชัยกล่าว

กับคำถามตั้งเป้าหมายการลงเล่นการเมืองครั้งนี้อย่างไร ร.ต.อ.ดร.ปุระชัย กล่าวว่า "ถ้าเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ผมก็ยังไม่คิดไกลขนาดนั้น ในตอนที่ผมเป็นนักวิชาการผมก็ได้เดินทางไปทั่วประเทศ ก็ได้เห็นวิกฤตปัญหา มีทั้งเพื่อนร่วมวิชาชีพ อย่างอาจารย์ หรือ ทั้งเพื่อนที่เคยรู้จักมักคุ้น บางคนผมก็ไม่รู้จัก บางคนก็เดินมาทัก แนะนำตัว เขาก็มีความรู้สึกว่า สังคมมีทางเลือกน้อยลง อย่างน้อยที่สุดเราก็อธิบาย บางคนไม่เกี่ยวข้องทางการเมืองเลย ถ้าว่าเมื่อเป็นอย่างนี้ ควรจะเลือกพรรคไหน หลายคนก็บอกไม่ไปเลือกแล้ว เลือกไปก็ไม่มีอะไร ดีขึ้น"
และเมื่อต้องทำหน้าที่ก็จะไป แต่ไม่ออกเสียง ประเภทที่สองนี่ก็ไม่รู้จะเลือกใคร เมื่อเป็นอย่างนั้น พูดตามตรงก็คือ บรรดาเพื่อนฝูงจำนวนหนึ่งที่หมดภาระหน้าที่ หรือปลดเกษียณมา ก็คุยกันว่าถ้าเป็นไปได้ถ้าเป็นไปได้พวกเราถึงจะแก่ และอายุ 60 กว่าแล้ว แต่ก็ยังไม่ถึงจุดที่ เรียกว่าเสื่อมหรือทำไม่ได้ ทำไม ไม่มารวมตัวกันอีกสักครั้งหนึ่ง เมื่อสมัยที่เราออกรับราชการใหม่ๆ น่าจะเป็นทางเลือกอีกทางหนึ่งทางการเมือง"
ร.ต.อ. ปุระชัย ยังยอมรับว่า ความจริงแล้วยังไม่ได้ตัดสินใจที่จะเป็นหัวหน้าพรรคประชาสันติ ส่วนตัวได้เคยหารือกับ นายเสรี สุวรรณภานนท์  อดีตรองประธานสมาชิกนิติบัญญัติแห่งชาติ ซึ่งต่างฝ่ายก็ต่างบ่ายเบี่ยงที่จะต้องรับหน้าที่เป็นหัวหน้าพรรค แต่ทั้งหมดเชื่อว่าน่าจะมีความชัดเจนในวันที่ 2 เมษายน ซึ่งคาดว่าจะเป็นวันเปิดตัวพรรคประชาสันติอย่างเป็นทางการ

ทั้งหมดนี้ เป็นความรู้สึกบางส่วน ที่อยู่ภายในจิตใจ ผู้ชายที่ชื่อ ร.ต.อ. ดร. ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์  หรือที่สื่อมวลชน ขนานนามให้เป็น" มือปราบสายเดี่ยว" สมัยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งวันนี้กำลังจะกลายเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองที่มีชื่อว่า "พรรคประชาสันติ"

未经允许不得转载:综合资讯 » "ปุระชัย"ออกโรง"เล่นการเมืองอีกครั้ง ไม่ยอมให้ใครเอาชื่อไปแอบอ้าง

赞 (0)
分享到:更多 ()