ไม่ขวัญอ่อนตกใจเสียงปืนเสียงระเบิดจากสถานการณ์สู้รบชายแดนไทย–กัมพูชา
จับอาการที่นิ่งมาตลอดตั้งแต่แถลงให้สัญญาประชาคมไว้เมื่อวันที่ 11 มีนาคม ถึงนาทีนี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ก็ยังนิ่งกับการตีธงเดินหน้ายุบสภา ตามโปรแกรมที่ล็อกปฏิทินไว้ในสัปดาห์แรกของเดือนพฤษภาคม
ในอารมณ์เหมือนอยากเร่งวันเร่งคืนอีกต่างหาก
“อภิสิทธิ์” แสดงท่าทีให้เห็นเลยว่า อยากจะให้ถึงวันที่ 6 พฤษภาคมเร็วๆ นั่นก็เพราะเงื่อนไขสถานการณ์การเมืองภายในประเทศก็ “จวนตัว” เหมือนกัน
ตามปรากฏการณ์ที่รัฐบาลทำคะแนนหล่นหายในช่วงโค้งสุดท้าย จากวิกฤติน้ำมันปาล์ม ลามถึงไข่ไก่ เนื้อหมูขึ้นราคา คุมภาวะข้าวยากหมากแพงไม่อยู่ ความเดือดร้อนลามถึงปากท้องประชาชน เสียงบ่นดังไปทั่วบ้านทั่วเมือง
ยิ่งลากยาวรัฐบาลต่อไปก็ยิ่งติดลบ “เข้าเนื้อ”
แต่เรื่องของเรื่อง นั่นก็ยังไม่สำคัญเท่าสถานะหนังหน้าไฟของ “อภิสิทธิ์” ที่อยู่ตรงกลางเขาควายในเกมขึงพืดอำนาจระหว่างกองทัพเสื้อแดงของ “นายใหญ่” กับกองทัพสีเขียวของฝ่ายคุมเกมประเทศ แนวโน้มจ่อลุยกันอีกรอบ
ตามจังหวะของคนอายุน้อย ที่ยังมีโอกาสข้างหน้ารออยู่ “อภิสิทธิ์” ต้องรีบหลบ ไม่อยากเสี่ยงจบอนาคตทางการเมืองด้วยการลี้ภัยไปอยู่ต่างประเทศ
ทั้งหมดทั้งปวง นี่คือเหตุผลที่ฟันธงได้ว่า การยุบสภาจะต้องเกิดขึ้นตามคิวที่นายกฯอภิสิทธิ์วางไว้ ยังไงก็ต้องได้ลงสนาม
หน้าที่ของ “นักเลือกตั้งอาชีพ” ก็ต้องเล่นไปตามจังหวะ
ตามเค้าลางของการต่อสู้ที่ส่อดุเดือดเลือดพล่าน ล่าสุด นายสมชัย จึงประเสริฐ กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย เปิดข้อมูลเองเลยว่า ขณะนี้มีข้อมูลในบางจังหวัดเริ่มดำเนินกิจกรรมทางการเมือง และมีการกระทำการในลักษณะผิดกฎหมายเลือกตั้ง
แต่ยังไม่สามารถเอาผิดได้ ต้องรอพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งก่อน
อีกทั้งบางจังหวัดในภาคอีสานและภาคตะวันออก มีพฤติกรรมการขนเงินลงพื้นที่มีพฤติการณ์จ่ายเงิน และเรียกประชุมกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และนายอำเภอ แสดงความจำนงว่า จะมีการซื้อสิทธิ ขายเสียง แต่ยังเป็นพฤติกรรมที่แอบแฝงอยู่
กกต.ใหญ่ “ปล่อยของ” เอง ย่อมมีน้ำหนัก
ที่แน่ๆโดยข้อมูลก็สอดรับกับตัวเลขกลมๆ “50 ล้านบาท” ที่มีกระแสข่าว “วงใน” แกนนำขาใหญ่พรรครัฐบาลบางคน เดินหน้าทุ่มอัดฉีด ส.ส.และว่าที่ ผู้สมัคร ส.ส.เกรดเอ ไม่อั้น เพื่อปั่นแต้มระดมเสียงจัดตั้งรัฐบาลให้ได้
ตามเงื่อนไขที่ออกปาก “การันตี” ไว้กับบิ๊กทหาร
วาง “เดิมพัน” ปล่อยให้พลิกขั้วอำนาจไม่ได้
อีกฟากหนึ่งก็ยืนยันด้วยท่าทีของนายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข ส.ส.เลย พรรคเพื่อไทย รีบออกตัวปัดกรณีมีชื่ออยู่ในกลุ่ม ส.ส.ที่จะแยกตัวไปตั้งพรรคใหม่กับ “เฮียมิ่ง” นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ยืนยันไม่เป็นความจริงล้านเปอร์เซ็นต์
“ถ้าใครเชื่อนายมิ่งขวัญก็ออกลูกเป็นลิง”
เอาเข้าจริงก็ไม่มีใครกล้าแหกคอกออกไปตาย ตามปรากฏ-การณ์สะท้อนกระแสนิยมของพรรคเพื่อไทย ยี่ห้อนายห้าง “ตราดูไบห่อ” ยังขลัง
ต้นทุนหน้าตักในภาคอีสาน ภาคเหนือ พื้นที่โซนแดงแรงเกินจะหยุดยั้ง
ทั้งกระสุน ทั้งกระแส ปัจจัยตั้งต้นในไฟต์เดิมพันพลิกขั้วอำนาจ ตามฉากช้างสารชนกัน ระหว่างยี่ห้อประชาธิปัตย์กับพรรคเพื่อไทย โดยมีป้อมค่ายการเมืองขนาดกลางและขนาดเล็กเป็น “หญ้าแพรก” ประกอบฉาก
แต่ก็อีกนั่นแหละ ขึ้นชื่อว่า “หญ้าแพรก” โดยธรรมชาติ “ตายยาก”
และที่ตั้งหลักยืนต้นไปแล้วก็คือค่ายชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดินของ “บิ๊กโฟร์” ยี่ห้อ “สุวัจน์ ลิปตพัลลภ–พินิจ จารุสมบัติ–ไพโรจน์ สุวรรณฉวี–ปรีชา เลาหพงศ์ชนะ” ที่มีประสบการณ์ยืนด้วยลำแข้งตัวเองมาแล้วในการเลือกตั้งปี 2551 จึงไม่มีปัญหาในการยืนระยะ
ตีตั๋วรอร่วมรัฐบาลล่วงหน้า
ส่วนที่กำลังงอกฟื้นขึ้นมาใหม่ ค่าย “พลังชล” ของทีมงานนายสนธยา คุณปลื้ม แกนนำกลุ่มชลบุรี ที่เดินหน้าฟอร์มทีม “พลังหนุ่ม” ล่าสุดมีชื่อของมือประสานอย่าง “เดอะมืด” นายสุระ เตชะทัต อดีตผู้ช่วยโฆษกพรรคมาตุภูมิ เปิดตัวมาเป็นผู้ประสานงาน พ่วงหน้าที่โฆษกกลุ่ม เดินงานกันแบบเต็มตัว
โดยสถานะไร้แรงเสียดทาน จูนได้กับทุกขั้ว
เข้าสเปกพวกจองตั๋วร่วมรัฐบาลเหมือนกัน.
ทีมข่าวการเมือง รายงาน
未经允许不得转载:综合资讯 » ยังไงก็ต้องลงสนาม