กลับมาอีกครั้ง เป็นประจำทุกๆวันพุธ กับคอลัมน์ “คิดจาก Social Media” เพื่อสะท้อนมุมมองของคนข่าวคนหนึ่งสนใจใฝ่ติดตามความคิดความเห็นของผู้คนบนสื่อสังคมออนไลน์ หรือที่หลายๆคนเรียกกันติดปากว่า Social Media โดยไม่ได้นำแต่เฉพาะเนื้อหาสาระในแวดวงเทคโนโลยีสารสนเทศหรือไอทีมาแลกเปลี่ยนกันเท่านั้น แต่จะมีการหยิบเอาเนื้อหาประเด็นทางการเมือง เศรษฐกิจและสังคมที่น่าสนใจอื่นๆมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้วยเช่นเดียวกัน
ในห้วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่าเรื่องราวที่มีการพูดถึงมากที่สุดเรื่องหนึ่งบน Social Media ก็คือ การปะทะกันบริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ หรือบริเวณใกล้ปราสาทตาควายและปราสาทตาเมือนธม โดยฝ่ายไทยยืนยันว่า ทหารกัมพูชาเป็นฝ่ายเริ่มต้นโจมตีก่อน หลังจากที่ทหารไทยพยายามเข้าไปเตือนทหารกัมพูชาที่รุกล้ำเข้ามาในพื้นที่ที่ตกลงกันไว้ว่าจะต้องไม่มีกำลังทหารของทั้ง 2 ฝ่าย
เหตุการณ์ปะทะกันครั้งนี้ เกิดขึ้นตั้งแต่วันศุกร์ที่ 22 เมษายนและต่อเนื่องมาถึงวันนี้ การปะทะกันก็ยังไม่ทีท่าว่าจะยุติลง แถมยังมีแนวโน้มจะขยายตัวออกไปยังพื้นที่อื่นๆ เช่นที่บริเวณเขาพระวิหาร ซึ่งเคยเป็นจุดที่มีการปะทะกันเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
แน่นอนที่สุด ผลกระทบจากการปะทะกันย่อมหนีไม่พ้นความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณแนวชายแดนของทั้ง 2 ประเทศซึ่งต่างต้องอพยพทิ้งบ้านเรือนและเรือกสวนไร่นาไปยังพื้นที่ที่ปลอดภัยจากวิถีกระสุนของอาวุธสงครามที่กองกำลังทหารทั้งสองฝ่ายระดมยิงเข้าหากัน
ประเด็นที่น่าสนใจคือ ผลการปะทะที่เกิดขึ้นทำให้เกิดการสูญเสียชีวิตของทหารจากทั้งสองฝ่ายมากกว่าการปะทะกันที่บริเวณปราสาทพระวิหาร ขณะที่ยังไม่มีวี่แววของการเจรจาเพื่อยุติการสู้รบ โดยต่างฝ่ายต่างยืนยันว่า ไม่ได้เป็นฝ่ายเปิดฉากยิงก่อนพร้อมทั้งโทษว่าฝ่ายตรงกันข้ามว่า เป็นฝ่ายโจมตีก่อน
ล่าสุด เมื่อวานนี้ (26 เมษายน) ช่วงบ่ายๆ มีกระแสข่าวออกมาว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของไทย จะเดินทางไปเจรจากับ พล.อ.เตีย บันห์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของกัมพูชาที่กรุงพนมเปญ แต่พอช่วงค่ำๆ พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก ก็ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า พล.อ.ประวิตร ตัดสินใจยกเลิกการเดินทางแล้ว เนื่องจากว่า มีเว็บไซต์ข่าวของกัมพูชาชื่อ สำนักข่าวเดออัมปึล หรือ www.dap-news.com ไปนำเสนอข่าวว่า ทหารไทยแพ้แล้ว จึงต้องโร่ไปขอเจรจาสงบศึกถึงกรุงพนมเปญ
หลายคนอาจแปลกใจว่า เหตุใดแค่ข่าวปล่อยที่ถูกนำเสนอบนเว็บไซต์ของสำนักข่าวออนไลน์แห่งนี้ จึงถึงกับทำให้การเจรจายุติการปะทะกันระหว่างทหารไทยกับกัมพูชามีอันต้องล่มลงอย่างไม่เป็นท่า…
เรามาทำความรู้จักกับสำนักข่าวเดออัมปึล หรือสำนักข่าวใต้ต้นมะขาม แห่งนี้กันซักเล็กน้อย….สำนักข่าวแห่งนี้ ก่อตั้งขึ้นเมื่อประมาณ 2 ปีที่ผ่านมาโดยนักข่าวและพิธีกรฝีปากกล้าชื่อดังนามว่า “ซอย สุเพียบ” อดีตเคยเป็นบรรณาธิการของหนังสือพิมพ์อุดมคติแขมร์ ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์ที่อยู่ตรงข้ามกับรัฐบาลฮุนเซน
ต่อมาเมื่อพรรคฝ่ายค้านถูกคุกคามอย่างหนักจากฮุนเซน จึงทำให้หนังสือพิมพ์ฉบับนี้ต้องปิดตัวลงเนื่องจากขาดทุนสนับสนุน นายซอย สุเพียบ จึงผันตัวเองไปเป็นนักจัดรายการข่าวทางวิทยุ และอาศัยความเป็นคนที่กล้าวิพากษ์วิจารณ์ทำให้เขากลายเป็นที่ชื่นชอบของผู้ฟังจำนวนมาก
และเมื่อมีการก่อตั้งสถานีโทรทัศน์ CTN โดยนักธุรกิจชาวกัมพูชาที่มีความใกล้ชิดกับฮุนเซ็น “ซอย สุเพียบ” ก็ได้รับเชิญไปเป็นผู้วิเคราะห์ข่าวในสถานีนี้ แต่อยู่ได้ระยะหนึ่งก็ถูกถอดรายการเพราะเผลอไปวิจารณ์รัฐบาลจนฮุนเซ็นไม่พอใจ
อย่างไรก็ตาม เมื่อถูกถอดรายการ “ซอย สุเพียบ” ก็รวบรวมทุนรอนได้จำนวนหนึ่งมาเปิดสำนักข่าวทางเว็บไซต์โดยเน้นการนำเสนอข่าวด่วนหรือ breaking news ซึ่งในระยะหลังเมื่อเว็บไซต์นี้ได้รับความนิยมมากขึ้นเพราะเน้นความรวดเร็วในการนำเสนอ ก็มีข่าวว่า ฮุนเซ็น เป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนทุนรอนให้กับเว็บไซต์นี้
ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจว่า ทำไมเว็บไซต์นี้ จึงสามารถนำเสนอข่าวการที่รัฐมนตรีกลาโหมของไทย จะเดินทางไปเจรจาที่กรุงพนมเปญได้อย่างรวดเร็ว พร้อมด้วยข่าวที่ (อ้างว่า) เป็นวงในว่า ผู้แทนรัฐบาลไทยจะไปเจรจาเพราะรบแพ้ และนี่เองที่เป็น สาเหตุให้พล.อ.ประวิตร ตัดสินใจยกเลิกการเดินไปเจรจากับ พล.อ.เตีย บันห์ อย่างกะทันหัน
เหตุการณ์สะดุดทางการทูตที่เกิดขึ้นสะท้อนให้เห็นว่า การสู้รบในปัจจุบัน ไม่ได้เป็นเพียงการสู้รบด้วยอาวุธสงครามธรรมดาเท่านั้น แต่การสู้รบด้วย “สงครามข่าวสาร” หรือ Information Warfare ก็เป็นส่วนสำคัญที่ทั้งสองฝ่ายจะต้องชิงไหวชิงพริบกันเพื่อสร้างความชอบธรรมในสายตาชาวโลกอีกด้วย…
未经允许不得转载:综合资讯 » สงครามข่าวสารไทย-เขมร