“เคาต์ดาวน์” นับถอยหลังสู่วันยุบสภา ตามโปรแกรมสัปดาห์แรกของเดือนพฤษภาคม เหลืออีกไม่กี่อึดใจนับจากนี้
ตามสัญญาณที่ “เทพเทือก” นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ แพลมๆว่า “ก่อนวันเสาร์”
และก็ปิดฉากลาโรงไปแล้ว ล่าสุด นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ถือโอกาส
“ทิ้งทุ่น” ไว้ในรายการ “เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์” เทปสุดท้าย
พูดชัดแบบไม่อึกอักเลยว่า หลังการเลือกตั้ง ตามหลักใครได้เสียงข้างมากในสภาก็เป็นคนตั้งรัฐบาล กติกาเขียนไว้ชัดเจน ฉะนั้น ยุคปัจจุบันไม่เหมือนในอดีต
“เราต้องไปเลือกนายกฯกันในสภา”
แบไต๋ ปูทางล่วงหน้า ถ้าพรรคประชาธิปัตย์พ่ายแพ้ แต่พรรคเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวไม่ได้ “อภิสิทธิ์” ก็ยังได้สิทธิ “ตั๋วพิเศษ” จากฝ่ายคุมเกมอำนาจประเทศไทย ในการล็อกคอพรรคขนาดกลางและขนาดเล็กให้เข้าร่วมรัฐบาล
ตามปรากฏการณ์ล้อกับคิวที่นายเนวิน ชิดชอบ นายใหญ่พรรคภูมิใจไทย ฟันธง พรรคเพื่อไทยไม่มีวันได้จัดตั้งรัฐบาล ขณะที่นายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ ประธานวอร์รูมติดตามสถานการณ์การเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ “เดาทาง” พรรคขนาดกลางและพรรคขนาดเล็กพร้อมจะร่วมมือกับพรรคประชาธิปัตย์มากกว่าพรรคเพื่อไทย
ไฟต์บังคับ ตัดคำว่า “สปิริต” ออกไปได้
อย่างไรเสีย “อภิสิทธิ์” ต้องแย่งจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ ไม่ว่าจะด้วย “หมากกล” ใด
ตามเงื่อนไขที่มีคนไป “การันตี” กับขุนทหารไว้ ถ้าให้โอกาสเลือกตั้ง ไม่มีคิวปฏิวัติรัฐประหาร จะทำทุกวิถีทางเพื่อระดมเสียงกลับมาเป็นฝ่ายถืออำนาจรัฐ
ไม่ยอมปล่อยให้พลิกขั้วอำนาจแน่
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เป็นที่น่าสังเกตว่า ในจังหวะเร่งเข้าโค้งสุดท้าย กลายเป็นนายนิพิฏฐ์ อินทร-สมบัติ รมว.วัฒนธรรม ที่มีคิวออกจอโชว์ฟอร์มรายวัน
“เทกแอ็กชั่น” ปั่นข่าวขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ต่อเนื่อง
ตั้งแต่ไล่กำราบ “แม่ชี” ชื่อดัง เจ้าตำรับ “สแกนกรรม” ที่อ้างคำสั่งสอนเพี้ยนๆ
ให้สาวก และที่กำลังเป็นประเด็นฮือฮา กับคิวไล่บี้ละครฮิต “ดอกส้มสีทอง” ที่มีเนื้อหาไม่เหมาะสมกับสังคมไทย กลายเป็นเรื่อง “ทอล์ก ออฟ เดอะทาวน์” นักวิชาการออกมาร่วมวงวิพากษ์วิจารณ์ ดาราสาวตัวเอกตามท้องเรื่องก็อ้อนขอความเห็นใจ
ขณะที่กระทรวงวัฒนธรรมยืนกรานเสียงแข็ง ถ้าไม่ปรับบท ตัดตอนที่ล่อแหลม ลบฉากวาบหวิวออกไป ก็ต้องเจอมาตรการเด็ดขาด
เล่นกันถึงขนาดขู่เรื่องทบทวนสัมปทานกับทีวีช่อง 3
ตามปรากฏการณ์ขึงขังเอาจริงเอาจัง นายนิพิฏฐ์ “เทกแอ็กช่ัน” ลุยเต็มที่ แม้จะยังไม่ชัวร์ว่า “เอาเข้าจริงจะได้เนื้อได้หนังสักแค่ไหน” เพราะที่ผ่านมา ละคร “น้ำเน่า” ในวงการทีวีของไทยก็มีให้เห็นจนเป็นเรื่องชินตา เพิ่งจะมาตื่นเต้นตื่นตัวกัน ตามอาการมันจึงอาจเป็นแค่ไฟไหม้ฟางวูบวาบ พอเรื่องซาก็หายเข้ากลีบเมฆไป
แต่อย่างน้อยก็เป็นการ “เบี่ยงกระแส” ทางการเมือง
ตามท้องเรื่องที่พรรคต้นสังกัดอย่างพรรคประชาธิปัตย์กำลัง
“งานเข้า” เผชิญสารพัด “ปมตัดแต้ม” ทั้งวิกฤติข้าวยากหมากแพงที่แก้ไม่ตก ขณะที่สถานการณ์การสู้รบชายแดนไทย-กัมพูชา ก็ยังมีเสียงยิงกันต่อเนื่องรายวัน
สถานการณ์ภายนอกคุมไม่อยู่ แล้วยังต้องเจอกับคิวป่วนภายในพรรคประชาธิปัตย์ กรณีทีม ส.ส.เมืองกรุงเบียดแย่งโควตา เด็กเส้นใหญ่กระเป๋าหนักแย่งลงเขตชัวร์ ขณะที่ ส.ส.เจ้าของพื้นที่เดิมก็กลัวโดนเบียดขึ้นไปลุ้นเสียวในบัญชีปาร์ตี้ลิสต์
ส่งเสียงโหวกเหวกโวยวาย หลุดคำ “เฮงซวย” ดังออกมาข้างนอก
ในอารมณ์หงุดหงิด เสียงเครียดขึ้นเป็นลำดับ ล่าสุด “เทพเทือก” กระแทกชิ่งฝากสื่อมวลชนกลับไปถึงคนให้ข่าวในพรรคเดียวกันเอง
“แหล่งข่าวคนเดิมของคุณอีกหรือเปล่าครับ ช่วยไปกระซิบเขาหน่อยว่าโตแล้วอย่าพูดจาอะไรให้พรรคเขาเสียหาย พรรคให้ประโยชน์มากแล้ว มาพึ่งพาพรรค พึ่งใบบุญของพรรคมานานแล้ว เพราะฉะนั้นให้รู้จักสำรวมตัว พูดจาอย่าให้พรรคเสียหาย”
ศึกนอกก็หนัก ศึกในก็ป่วน เริ่มคุมอาการกันไม่ได้
จังหวะ “เล่นแต้ม” ของนายนิพิฏฐ์จึงเป็นไปตามสูตร เข้าเหลี่ยมเซียนยี่ห้อประชาธิปัตย์
ต้องเปลี่ยนข่าวเล่น ดึงความสนใจสังคมไปทางอื่น.
ทีมข่าวการเมือง รายงาน
未经允许不得转载:综合资讯 » เหลี่ยมเบี่ยงกระแส?