ธปท. ระบุ กำลังติดตามเม็ดเงินที่เพิ่มขึ้นในช่วงเลือกตั้ง เพื่อใช้คำนวณการพิมพ์ธนบัตรให้เหมาะสมกับการใช้จ่ายของประชาชน และคาดว่าเลือกตั้งครั้งนี้แบงก์ร้อยและห้าร้อยจะสะพัด ขณะที่ในช่วงใกล้การเลือกตั้ง กกต.จะขอความร่วมมือให้ ธปท.ตรวจสอบความผิดปกติของการเบิกจ่ายเงินด้วย…
ผู้สื่อข่าวรายงานจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ว่า ขณะนี้เท่าที่ติดตามปริมาณเงินในระบบล่าสุด ณ สิ้นเดือน มี.ค. พบว่า ปริมาณเงินมีทั้งสิ้น 12.286 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า 134,000 ล้านบาท ถือว่ายังไม่เปลี่ยนแปลงมาก ขณะที่เริ่มติดตามการเคลื่อนไหวของเงินในช่วงที่จะมีการเลือกตั้ง เนื่องจากตามปกติเม็ดเงินที่จะใช้ในการเลือกตั้งจะเริ่มเข้ามาในระบบในช่วงก่อนการยุบสภาประมาณ 1 เดือน และเงินส่วนใหญ่ไม่ได้ออกมาจากระบบสถาบันการเงิน แต่จะเป็นเงินเก็บที่อยู่นอกระบบสถาบันการเงินที่จะเข้ามาเพิ่มขึ้นในระบบ
ทั้งนี้ ในการเลือกตั้งแทบทุกครั้งที่ผ่านมา คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะมีการขอความร่วมมือให้สายสถาบันการเงิน และสายออกบัตรธนาคารติดตามการเคลื่อนไหวของเงินในช่วงที่มีการเลือกตั้งอยู่แล้ว ว่า มีกรณีการเคลื่อนไหวหรือการเบิกจ่ายที่ผิดปกติหรือไม่ โดย ธปท.จะขอความร่วมมือให้ธนาคารพาณิชย์ดำเนินการในเรื่องนี้เป็นประจำอยู่แล้ว และในการเลือกตั้งครั้งนี้ หาก กกต.มีหนังสือมาก็จะดำเนินการให้ตามปกติ
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา เท่าที่มีการประเมินภาพรวมพบว่า ในช่วงการเลือกตั้งการเบิกจ่ายธนบัตรจะเพิ่มขึ้นในชนิดราคา 100 บาท และ 500 บาท เป็นสำคัญ ส่วนธนบัตรชนิดราคา 1,000 บาทนั้น จะมีการเบิกจ่ายเพิ่มขึ้นเช่นกัน แต่ไม่มากนัก ขณะที่ธนบัตรชนิดราคา 50 บาท และ 20 บาท จะมีการเบิกจ่ายเพิ่มขึ้นจากปกติไม่มาก ซึ่งในการเลือกตั้งครั้งนี้คาดว่าจะเป็นลักษณะเดียวกัน แตกต่างจากการเลือกตั้งในสมัยก่อน ต้องเพิ่มการเบิกจ่ายธนบัตร หมุนเวียนในชนิดราคา 20 บาท และ 50 บาทมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ธปท.ยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องสำรองธนบัตรสำหรับการเบิกจ่ายในช่วงเลือกตั้งเพิ่มเติมเหมือนในช่วงเทศกาล เพราะเป็นช่วงเวลาประมาณ 1-2 เดือน ซึ่ง ธปท.สามารถปรับการเบิกจ่าย และพิมพ์ธนบัตรเพิ่มขึ้นได้อยู่แล้ว เพราะ ธปท.ติดตามความต้องการใช้จ่ายเงินของประชาชนตลอดเวลา หากเห็นความต้องการใช้เงินเพิ่มขึ้นก็สามารถพิมพ์ธนบัตรเพิ่มขึ้นได้
นางจิตติมา ดุริยะประพันธ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ ธปท.สายออกบัตรธนาคาร กล่าวว่า ในช่วงการเลือกตั้ง ทุกครั้ง ธปท.จะมีการติดตามปริมาณเงินที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นการติดตามตามปกติของทุกครั้งอยู่แล้ว เพราะ ธปท.จำเป็นต้องคำนวณในการพิมพ์ธนบัตรเพิ่มเติม เพื่อให้เพียงพอกับความต้องการใช้จ่ายของประชาชน แต่เท่าที่ติดตามการเบิกจ่ายธนบัตรในช่วงที่ผ่านมา ยังไม่พบการเบิกจ่ายธนบัตรชนิดใดที่มากผิดปกติ แต่ในขณะนี้ยังเป็นช่วงเริ่มต้นยังต้องติดตามการเบิกจ่ายธนบัตรต่อไป
ด้านนายเมธี สุภาพงษ์ ผู้อำนวยการอาวุโสสายเศรษฐกิจในประเทศ ธปท. กล่าวว่า ธปท.ยังไม่สามารถประเมินได้ว่าในช่วงการเลือกตั้งจะมีเม็ดเงินเข้ามาเพิ่มขึ้นในระบบการเงินมากน้อยแค่ไหน เพราะการเลือกตั้งแต่ละครั้งมีปัจจัยที่ไม่เหมือนกัน แต่อย่างไรก็ตาม ตามปกติการเลือกตั้งจะมีผลกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายในระบบเพิ่มขึ้นในระดับหนึ่ง ดังนั้น คงต้องติดตามต่อไปว่าจะมีผลต่อภาพรวมในการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยเพิ่มขึ้นหรือไม่ และอย่างไร
ทั้งนี้ ในการประมาณการเศรษฐกิจไทยล่าสุด เมื่อวันที่ 28 เม.ย.ที่ผ่านมา ธปท.ให้ความเห็นว่า การเลือกตั้งอาจจะทำให้การเบิกจ่ายงบประมาณในส่วนของการลงทุนของรัฐบาลชะลอลงไปในช่วงที่ยังไม่มีรัฐบาลใหม่ แต่หลังจากนั้นจะมีการเบิกจ่ายที่เพิ่มขึ้น แต่ไม่กระทบการใช้จ่ายของรัฐบาล ในส่วนของงบประจำ ดังนั้น จึงไม่มีผลกระทบต่อภาพรวมของเศรษฐกิจไทยในปีนี้อย่างมีนัยสำคัญ
未经允许不得转载:综合资讯 » ธปท.สะกดรอยตามติด เงินสะพัดเลือกตั้ง แบงก์ร้อย-ห้าร้อยปลิวว่อน!