ผ่าสถานการณ์ “โรคแทรก” ก่อนเดินเข้าคูหาเลือกตั้ง
การเมืองไทย คึกคัก เข้มข้น ร้อนแรง ขึ้นมาทันที
หลังจากมีการประกาศพระราชกฤษฎีกายุบสภา มีผลตั้งแต่ วันที่ 10 พฤษภาคม 2554 และกำหนดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรใหม่ เป็นการเลือกตั้งทั่วไป ในวันอาทิตย์ที่ 3 กรกฎาคม 2554
ถนนทุกสายล้วนมุ่งไปสู่การเลือกตั้ง
ทุกพรรคการเมืองเริ่มทยอยเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.ทั้งระบบเขต และระบบบัญชีรายชื่อ หรือปาร์ต้ีลิสต์ กันอย่างคึกคัก
พร้อมกับมีการเปิดแคมเปญหาเสียงเลือกตั้ง ประกาศนโยบายพรรค วาดโครงการในฝัน วางแผน วางโปรเจกต์สารพัดสารพันในการแก้ไขปัญหาของประชาชน
เร่งโฆษณาหาเสียงหาคะแนน ถ้าพรรคได้รับการเลือกตั้ง ได้พรรคได้เป็นรัฐบาล จะดำเนินการตามนโยบาย เพื่อให้ประชาชน อยู่ดีกินดี
เกทับบลัฟแหลก นโยบายประชานิยม ลด แลก แจก แถม
ตีปี๊บเรียกคะแนนเสียงกันกระหึ่มไปหมด
ในขณะที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในฐานะผู้มีหน้าที่บริหารจัดการเลือกตั้ง ก็ได้วางปฏิทินเวลาที่จะเดินไปสู่การเลือกตั้งออกมาเป็นสเต็ป
เริ่มจากวันที่ 19–23 พฤษภาคม คณะกรรมการการเลือกตั้ง จะเปิดรับสมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ ที่สนามกีฬาไทย–ญี่ปุ่น ดินแดง
ถัดมาในวันที่ 24–28 พฤษภาคม คณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัด จะเปิดรับสมัคร ส.ส.ระบบเขต ทั่วประเทศ
และจะจัดให้มีการเลือกตั้งล่วงหน้าในวันที่ 26 มิถุนายน ก่อนที่จะเลือกตั้งใหญ่ทั่วไปในวันอาทิตย์ที่ 3 กรกฎาคม 2554
เดินหน้าเตรียมความพร้อมในการจัดเลือกตั้งกันไว้แล้วในระดับหนึ่ง
ล่าสุด เมื่อ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ 3 ฉบับ ได้แก่ พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และการได้มาซึ่ง ส.ว. พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง
ได้ผ่านกระบวนการโปรดเกล้าฯ และประกาศในราชกิจจานุเบกษา มีผลบังคับใช้แล้ว
การดำเนินการต่างๆเกี่ยวกับการเตรียมจัดการเลือกตั้งของกกต. ที่ก่อนหน้านี้เป็นเพียงการเตรียมการกันเป็นการภายใน
จากนี้ไปคณะกรรมการการเลือกตั้ง ก็สามารถขับเคลื่อนการทำงานออกประกาศระเบียบกฎเกณฑ์ต่างๆเกี่ยวกับการเลือกตั้งได้อย่างเต็มที่
ไม่ว่าจะเป็นการประกาศแบ่งเขตเลือกตั้ง การออกประกาศและระเบียบต่างๆทั้งหลายทั้งปวงเกี่ยวกับการเลือกตั้ง
เพราะมีกฎหมายรองรับอำนาจ กกต.ในการบริหารจัดการเลือกตั้งอย่างสมบูรณ์ครบถ้วนแล้ว
ที่แน่ๆ หลังจากมีพระราชกฤษฎีกายุบสภา ส.ส.ทั้งสภาต้องพ้นจากตำแหน่ง รัฐบาลมีสถานะแค่รักษาการ ดุลอำนาจตามกฎหมายจะอยู่ที่ กกต.เต็มๆ
โดยรัฐธรรมนูญ มาตรา 235 ได้กำหนดให้คณะกรรมการการเลือกตั้งเป็นผู้ควบคุมและดำเนินการจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรให้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม
และรัฐธรรมนูญ มาตรา 236 กำหนดให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง มีหน้าที่ในการออกประกาศและวางระเบียบกำหนดการทั้งหลายอันจำเป็นแก่การเลือกตั้ง รวมทั้งวางระเบียบเกี่ยวกับการหาเสียงเลือกตั้ง และการดำเนินการใดๆของพรรคการเมือง ผู้สมัครรับเลือกตั้ง และผู้มีสิทธิเลือกตั้ง เพื่อให้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม
มีหน้าที่ในการวางระเบียบเกี่ยวกับข้อห้ามในการปฏิบัติหน้าที่ของคณะรัฐมนตรี และรัฐมนตรีขณะอยู่ในตำแหน่ง โดยคำนึงถึงการรักษาประโยชน์ของรัฐ และคำนึงถึงความสุจริต เที่ยงธรรม ความเสมอภาค และโอกาสทัดเทียมกันในการเลือกตั้ง
มีอำนาจในการออกคำสั่งให้ข้าราชการ พนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือราชการส่วนท้องถิ่น หรือเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ ปฏิบัติการทั้งหลายอันจำเป็นในการควบคุมจัดการเลือกตั้งให้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม
มีอำนาจสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ในหน่วยเลือกตั้งใดหน่วยเลือกตั้งหนึ่ง หรือทุกหน่วยเลือกตั้ง เมื่อมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าการเลือกตั้งในหน่วยเลือกตั้งนั้นๆ ไม่ได้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม
รวมทั้งมีอำนาจให้ใบแดง ใบเหลือง แก่ผู้สมัคร ส.ส.ที่ทุจริตการเลือกตั้ง ไปยันการพิจารณาสั่งยุบพรรค
ถือดุลอำนาจ ชี้เป็นชี้ตายนักการเมืองทุกคนทุกพรรคในสนามเลือกตั้ง
เห็นได้ชัดๆจากการที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ยังต้องเดินทางไปขอปรึกษาหารือ เพื่อขอทราบความชัดเจนเกี่ยวกับการปฏิบัติของคณะรัฐมนตรีในช่วงการเลือกตั้ง
ทั้งเรื่องการปฏิบัติภารกิจต่างๆ ของบรรดารัฐมนตรีในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง การลากิจไปหาเสียงในเวลาราชการ การห้ามใช้รถกันกระสุนของศูนย์รักษาความปลอดภัย (ศรภ.) กองบัญชาการกองทัพไทย นอกเวลาราชการ
จนนายกฯอภิสิทธิ์ ต้องตัดปัญหา โดยยกเลิกใช้รถกันกระสุนของทางราชการ
เพราะเกรงว่าอาจเข้าข่ายการใช้อำนาจรัฐเอื้อประโยชน์ในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง อันอาจเป็นเหตุให้ถูกร้องเรียนว่ากระทำการเข้าข่ายลักษณะต้องห้ามผิดระเบียบ กกต.
ขณะเดียวกัน ทางด้านผู้นำกองทัพ โดยเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ที่ออกมาเน้นย้ำ ให้ทหารวางตัวเป็นกลางในการเลือกตั้ง
ก็ได้แสดงท่าทีอย่างชัดเจนว่า จะไม่ให้ทหารเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องการนับคะแนน อยากให้ใช้บุคลากรจากหน่วยราชการอื่น
เพื่อป้องกันเสียงครหาที่อาจตามมาว่ามีการเปลี่ยนคะแนนเพื่อช่วยเหลือพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง
ไม่เปิดช่องให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด นำกองทัพไปโจมตีว่า เข้าไปมีส่วนในการทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง
ทั้งนี้ การที่ กกต.มีอำนาจมากมายมหาศาล ทำให้ประเทศต่างๆ พากันจับตา และให้ความสนใจที่จะเข้ามาสังเกตการณ์และศึกษาการทำหน้าที่ของ กกต.ประเทศไทย
เพื่อพิสูจน์ว่า การที่ กกต.มีอำนาจมากจะสามารถทำให้การเลือกตั้งเกิดความสุจริตและเที่ยงธรรมได้มากน้อยขนาดไหน
ปรากฏการณ์ต่างๆเหล่านี้ สะท้อนให้เห็นว่า หลังจากมีพระราช–กฤษฎีกายุบสภาเลือกตั้งใหม่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง คือ
ผู้ถือดุลอำนาจอย่างแท้จริงในช่วงยุบสภาไปจนกว่าการเลือกตั้งจะเสร็จสิ้นและมีการประกาศรับรองผลการเลือกตั้งออกมาอย่างเป็นทางการ
รัฐบาลหรือแม้แต่กองทัพ ก็ยังต้องปฏิบัติอยู่ภายใต้ระเบียบกฎเกณฑ์ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง ถ้าใครฝ่าฝืน มีโทษตามกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม ในห้วงเวลาก่อนถึงวันเปิดรับสมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ และ ส.ส.ระบบเขตเลือกตั้งตามปฏิทินเวลาที่ กกต.
วางไว้ ที่ถือเป็นฉากแรกของการเลือกตั้ง
ได้มีเหตุการณ์ที่แสดงให้เห็นถึงความรุนแรงในการเลือกตั้งเกิดขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่นายกฯอภิสิทธิ์เคยแสดงความกังวลเอาไว้ก่อนที่จะมีการยุบสภา
กรณีเหตุคนร้ายใช้อาวุธสงครามยิงถล่มนายประชา ประสพดี อดีต ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย เปิดยุทธการลอบสังหารตั้งแต่ยังไม่ถึงวันลงสมัคร โชคดีที่นายประชารอดมาได้
งานนี้ทั้งเจ้าตัวที่ตกเป็นเป้าลอบสังหาร และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ชี้มูลเหตุมาจากเรื่องการเมือง
ใคร กลุ่มไหน เป็นผู้ลงมือ ผู้บงการ เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะสืบสวนสอบสวนติดตามจับกุมกันต่อไป
แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นสัญญาณความรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นในช่วงการหาเสียงเลือกตั้ง โดยเฉพาะการแข่งขันเลือกตั้งแบบเขตเดียวเบอร์เดียว การต่อสู้จะเข้มข้นรุนแรงกว่าแบบเขตใหญ่
ในสถานการณ์เช่นนี้ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะตัวหลักในการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยในประเทศ
ต้องรับบทหนักในการรับมือเหตุรุนแรงในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง
โดยล่าสุด ได้มีคำสั่งให้ใช้แผนพิทักษ์การเลือกตั้ง และแผนรักษาความสงบเรียบร้อย สนับสนุนการเลือกตั้ง
เน้นกวดขันประเด็นที่มีผลต่อการเลือกตั้ง มีผลต่อชีวิตและทรัพย์สินในกรณีที่มีความขัดแย้ง รวมถึงกลุ่มมือปืนรับจ้าง
พร้อมมีการเปิดศูนย์รักษาความสงบเรียบร้อยในการเลือกตั้งส.ส.ทั่วประเทศ มีศูนย์คอลเซ็นเตอร์ โทร.0–2255–4499 และ 1599 ให้ประชาชนแจ้งข้อมูลเบาะแสเกี่ยวกับเหตุไม่เป็นกลาง หรือกระทำผิดกฎหมายในการเลือกตั้ง
เตรียมพร้อมรับสถานการณ์ความรุนแรงในการเลือกตั้งอย่างเต็มที่
ขณะเดียวกัน ปัญหาความขัดแย้งของกลุ่มมวลชนในสังคมก็ยังน่าเป็นห่วง โดยเฉพาะกลุ่มคนเสื้อแดง ที่ล่าสุด นายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายนิสิต สินธุไพร แกนนำกลุ่ม นปช. ถูกศาลสั่งถอนประกันในคดีก่อการร้าย
จากกรณีไปขึ้นเวทีปราศรัยหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ถูกนำตัวควบคุมอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ
ในขณะที่กลุ่มคนเสื้อแดงมีคิวนัดชุมนุมใหญ่รำลึก 1 ปีเหตุการณ์สลายการชุมนุมที่แยกราชประสงค์ ในวันที่ 19 พฤษภาคมนี้
ที่บังเอิญไปพอดีกับปฏิทินเวลาของ กกต. ที่จะเปิดรับสมัคร
ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ เป็นวันแรก
สถานการณ์ทุกอย่างจะผ่านไปอย่างราบรื่นเรียบร้อย หรือจะมีอะไรวุ่นวายกลายเป็นชนวนทำให้เกิดอุปสรรคต่อการเลือกตั้ง ไม่มีใครบอกได้
แต่ก็ถือเป็นปัจจัยเสี่ยงที่อาจจะนำไปสู่ความรุนแรงได้
เพราะต้องไม่ลืมว่า ในห้วงที่การเมืองกำลังเดินไปสู่การเลือกตั้ง ยังมีคนบางฝ่ายที่ไม่เชื่อว่าการเลือกตั้งจะแก้ปัญหาวิกฤติของประเทศได้ และไม่ต้องการให้มีการเลือกตั้งเกิดขึ้น
คนที่คิดอย่างนี้ อาจฉวยจังหวะก่อเหตุสร้างสถานการณ์เพื่อให้เกิดปัญหาความวุ่นวายและความรุนแรงขึ้นมาได้ตลอดเวลา
ในสถานการณ์เช่นนี้ จึงเป็นหน้าที่ของประชาชนทุกคนที่จะต้องช่วยกันเป็นหูเป็นตาสอดส่องดูแล ระวังป้องกันอย่าให้ฝ่ายที่ไม่หวังดีเข้ามาก่อโรคแทรกสร้างสถานการณ์
รวมทั้งต้องใช้วิจารณญาณก่อนที่จะเข้าร่วมเคลื่อนไหวใดๆที่จะทำให้เกิดอุปสรรคต่อการเลือกตั้ง
เพราะเมื่อมีการคืนอำนาจให้ประชาชนแล้ว ประชาชนทุกคนก็ต้องช่วยกันป้องกันอุปสรรคที่จะมาขัดขวางการใช้อำนาจของตัวเอง.
“ทีมการเมือง”
未经允许不得转载:综合资讯 » เปิดเกมป่วน ปั่นวิกฤติ