คนที่เชื่อเรื่องดวง โหราศาสตร์ บางส่วนก็อาจจะแย้งว่า นั่นไม่ใช่ดวงของนางสาวยิ่งลักษณ์ แต่เป็นดวงของนายยงยุทธ หัวหน้าพรรคเพื่อไทยมากกว่า ซึ่งที่ผ่านมาต้องยอมรับว่า เป็นหัวหน้าพรรคการเมืองใหญ่ ที่ไม่ค่อยมีบทบาททางการเมือง และน่าจะถือเป็นครั้งแรกของนายยงยุทธ ที่มีผลงานเป็นชิ้นเป็นอัน ปรากฏชัดเจนเป็นครั้งแรก ตั้งแต่ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทยมาหลายปี…
การเปิดรับสมัคร ส.ส. ระบบบัญชีรายชื่อ หรือปาร์ตี้ลิสต์ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เมื่อวานที่ผ่านมา ณ ศูนย์เยาวชน ไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง วันแรกเป็นไปด้วยความเรียบร้อย พรรคใหญ่ ทั้ง 2 พรรค ประชาธิปัตย์-เพื่อไทย ซึ่งขับเคี่ยว หาเสียงกันอย่างถึงพริกถึงขิง และเป็นที่ทราบกันทั่วไปว่า พรรคเพื่อไทย ที่มีนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาว พ.ต.ท.ทักษิณ อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เป็น ส.ส. ปาร์ตี้ลิสต์ลำดับ 1 ทั้งยังเป็นแคนดิเดตนายกฯ แข่งกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รักษาการนายกรัฐนตรี
พรรคเพื่อไทยดวงดีกว่าในยกแรก จับสลากได้หมายเลข 1 ขณะที่ พรรค ‘พระแม่ธรณีบีบมวยผม’ ประชาธิปัตย์ ดวงจับสลากหมายเลขสู้ไม่ได้ จับได้หมายเลข 10 แต่หากสังเกตดูให้ดี จะพบว่า การจับสลากหมายเลขครั้งนี้ นางสาวยิ่งลักษณ์ ไม่ได้ขึ้นไปเป็นผู้จับเอง แต่ให้ นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ทำหน้าที่ขึ้นไปเป็นผู้จับสลากหมายเลขแทน ซึ่งก็ได้หมายเลข 1 ที่ถือว่าเป็นหมายเลขที่สวย และเป็นที่หมายปองของทุกพรรค ในการเลือกตั้งทุกครั้ง เพราะจดจำง่าย ทั้งยังเป็นเลขตัวเดียว ดังนั้นหากเป็นผู้มีความเชื่อในเรื่องดวง โหราศาสตร์ ก็ระบุว่า เป็นเลขที่ดีหมายถึงดวงอาทิตย์ และความเป็นผู้นำ แต่บางส่วนก็อาจจะแย้ง ว่า นั่นไม่ใช่ดวงของ นางสาวยิ่งลักษณ์ แต่เป็นดวงของนายยงยุทธ หัวหน้าพรรคเพื่อไทยมากกว่า ซึ่งที่ผ่านมาต้องยอมรับว่า เป็นหัวหน้าพรรคการเมืองใหญ่ ที่ไม่ค่อยมีบทบาททางการเมือง จนถูกแซวว่าน่าจะถือเป็นครั้งแรกของนายยงยุทธที่มีผลงานเป็นชิ้นเป็นอัน ปรากฏชัดเจนเป็นครั้งแรก ตั้งแต่ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทยมาหลายปี
ส่วนทางด้าน นายอภิสิทธิ์ ถึงแม้บอกว่าไม่เป็นไร แต่จากสีหน้าและท่าทางก็เห็นได้ชัดว่า มีความกังวลใจอยู่ไม่น้อย ที่ดวงตัวเองไม่ค่อยดี จับได้หมายเลข 10 ถึงภายหลังจะออกมาชู 10 นิ้วสู้ แล้วบอกว่่า หมายเลข 10 ไม่มีปัญหา พร้อมลงหาเสียงเลือกตั้งกับพี่น้องประชาชนก็ตาม แต่ก็ทำเอาบรรดากองเชียร์และแม่ยก ที่ติดตามมาถึงกับเงียบกริบ ผิดกับฝั่งพรรคเพื่อไทยที่นั่งอยู่บนอัฒจรรย์ตรงกันข้าม ที่ตะโกนไชโยโห่ร้อง และแสดงยินดีอย่างเต็มที่และยาวนาน เมื่อนายยงยุทธ จับได้หมายเลข 1 จะเป็นดวงของใครก็ช่าง แต่เมื่อผลออกมาเป็นอย่างนี้ ก็ปฏิเสธไม่ได้ ว่า ยิ่งลักษณ์คงได้กำลังใจไปอักโข เพราะชนะศึกแรกในการเลือกตั้ง รวมไปถึงกองเชียร์ พท. ก็คึกคักขึ้นมาทันตา เห็นขนาดที่ ร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ปาตี้ลิสต์ เพื่อไทย ออกมาคุยโว "ส่วนตัวเหมือนพรรคเพื่อไทย ชนะการเลือกตั้งแล้ว เพราะจับได้หมายเลข 1"
อย่างไรก็ตาม สำหรับสภาพความเป็นจริง ทั้ง 2 พรรคใหญ่ทางการเมือง เพื่อไทย-ประชาธิปัตย์ ยังต้องหาเสียงต่อสู้กันอีกยาวไกลหลังจากนี้ จนกว่าจะถึงวันตัดสิน ในวันอาทิตย์ที่ 3 ก.ค. 2554 ดังนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างนับจากนี้ไป ยังสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ไม่ว่าพรรคเพื่อไทยจะชนะเลือกตั้งตามโพลส่วนใหญ่ที่ระบุไว้ หรืออาจจะเป็นพรรคประชาธิปัตย์ ชนะการเลือกตั้งอย่างที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ตั้งความหวังแล้วก็มาจับขั้วกับพรรคร่วมเดิม ตั้งรัฐบาล ชูนายอภิสิทธิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี รอบที่ 2 ก็เป็นได้
หากให้เปรียบมวยระหว่าง นายอภิสิทธิ์ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับที่ 1 หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กับนางสาวยิ่งลักษณ์ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับที่ 1 พรรคเพื่อไทย ที่ทั่งคู่มีอายุอานามอยู่ในรุ่นเดียวกัน แน่นอนงานทางด้านการเมือง นายอภิสิทธิ์ มีความโดดเด่นมากกว่า เนื่องจากที่ผ่านมาอยู่ในวงการมาเกือบเป็นเวลา 20 ปี ทั้งยังเคยดำรงตำแหน่งทางการเมืองและเห็นฝีมือในการบริหารบ้านเมืองมาแล้วกว่า 2 ปี ส่วนทางด้านนางสาวยิ่งลักษณ์ เป็นผู้ที่มีความสามารถในการบริหารธุรกิจชั้นนำของประเทศไทย โดดเด่นกว่า นายอภิสิทธิ์ แต่งานด้านการเมืองยังไม่เคยปรากฏผลงานให้ประชาชนได้เห็น และอีกสิ่งที่นางสาวยิ่งลักษณ์ มีมากกว่านายอภิสิทธิ์ คือ เรื่องเงินทองความร่ำรวย มั่งคั่ง
ขณะที่ นายอภิสิทธิ์ มีจุดเด่นที่สื่อสารกับประชาชนเก่ง แสดงความเป็นผู้นำ แต่บางครั้งก็โดนต่อว่า "ดีแต่พูด" ขณะเดียวกันก็ใช้ความเขี้ยว พยายามให้ฝ่ายตรงข้ามออกมาดีเบตกับตนเอง เพราะเห็นว่าได้เปรียบกว่าคู่แข่ง ขณะที่นางสาวยิ่งลักษณ์ ที่ผ่านมา พยายามหลบเลี่ยงที่จะตกเป็นข่าว หรือเป็นเป้าให้สื่อมวลชนซักถาม โดยเฉพาะเรื่องขั้นตอนการนิรโทษกรรมให้กับพี่ชาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มหาเศรษฐีแสนล้านที่อยู่แดนไกล ซึ่งการเลี่ยงตอบคำถาม หรือเลือกตอบเฉพาะที่อยาก หรือสามารถตอบได้นั้น อาจส่งผลดีในระยะสั้น แต่ระยะยาวน่าจะเป็นผลเสีย เพราะในเมื่อเสนอตัวเองมาเป็นผู้นำทางการเมืองของประเทศ จนถึงขั้นจะเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของไทย แต่กลับไม่แสดงภาวะผู้นำชนกับปัญหา แต่เลือกใช้วิธีให้คนรอบข้างอ้างว่า เป็นผู้หญิง มีความอ่อนโยน และนักการเมืองชายที่เป็นฝ่ายตรงกันข้าม ไม่ควรมุ่งโจมตีนั้น นอกจากไม่สง่างาม หากจะใช้มุกเดิมตลอด ท้ายที่สุดประชาชนก็จะคิดได้ว่า ที่ไม่กล้าตอบเพราะไม่รู้จะแก้อย่างไร หรือว่า ที่ไม่กล้าตอบ เพราะความจริงก็ต้องการกระทำให้เป็นไป อย่างที่หลายฝ่ายออกมาดักคอไว้ก่อนหน้า
未经允许不得转载:综合资讯 » "จับเบอร์เลือกตั้ง" พท.เบอร์1 ปชป.เบอร์10 พท.ได้ชัยจริงหรือ???…