ต้องแทรกด่วนกลางรายการเล่าข่าวกันแต่เช้าเลย กับคิวที่มีสายตรงจากกองทัพบก รีบฝากเคลียร์ผ่านรายการของ “สรยุทธ สุทัศนะจินดา” ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 3
ปฏิเสธรายงานข่าวที่ “เทพเทือก” นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ แวบเข้าพบ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ถึงในถ้ำ ทบ. หลังเสร็จจากประชุม ครม. ในช่วงบ่ายวันที่ 14 มิถุนายน
ไม่เป็นความจริง ไม่มีการนัดพบกันแต่อย่างใด
ตามจังหวะรีบ “ตัดฉาก” ไม่ให้มีการเชื่อมโยงประเด็นกับคิวที่ “บิ๊กตู่” ให้สัมภาษณ์พิเศษแบบปล่อยเบรกยาว ชี้แจงบทบาทของกองทัพต่อสถานการณ์ปัจจุบัน ผ่านสถานีโทรทัศน์ในเครือข่ายของกองทัพบกทั้งช่อง 5 และช่อง 7 ในช่วงค่ำวันเดียวกัน
ตามอารมณ์ที่หนังสือพิมพ์ 2–3 ฉบับ จับเอามาเป็นประเด็นพาดหัวข่าวฉบับเช้าวันที่ 15 มิถุนายน ตรงกัน “จ่าฝูง” กองทัพบก ส่งสัญญาณแนะประชาชนโหวตเลือกคนดีมีคุณธรรม
อย่าเลือกก๊วนคนชั่วมาบริหารบ้านเมือง
เรื่องของเรื่อง ไม่มีอะไรเกี่ยวเนื่องกัน การออกหน้าฉากของ “บิ๊กตู่” เป็นการพูดไปตาม “หลักการ” ภาพรวมการทำหน้าที่ของฝ่ายความมั่นคง โดยเฉพาะปมการกวาดล้างยาเสพติดของหน่วยเฉพาะกิจ 315
ไม่ได้เกี่ยวกับการตั้งป้อมสกัดพรรคการเมืองหนึ่งพรรคการเมืองใดที่กำลังกระแสไหลหลาก ไม่ได้ “เขี่ยลูก” ให้เข้าทางพรรคการเมืองที่ถูกมองว่ามีกองทัพหนุนหลังแต่อย่างใด
ขอให้ประชาชนเข้าใจตามนั้น
เอาเป็นว่า ตามสถานการณ์ที่ยังไม่มีใครยอมรับว่า “แพ้” แม้สารพัดโพลจะสะท้อนตัวเลขออกมาตรงกัน พรรคเพื่อไทยคะแนนนำห่างออกไปเรื่อยๆ โอกาส “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” จะเข้าวินชัดขึ้นทุกขณะ
แต่เกมการเลือกตั้งยังปิดกล่องลงคะแนนไปเลยไม่ได้
เพราะไม่ใช่แค่ “เทพเทือกโพล” ที่ชู “โพลนั่งเทียน” เบิ้ลกลับ “โพลวิทยาศาสตร์” ของสถาบันการศึกษา ฟันธงพรรคประชาธิปัตย์จะเฉือนชนะพรรคเพื่อไทยประมาณ 5–6 เก้าอี้ สูสีคู่คี่ไม่เกิน 10 ที่นั่ง
ในอารมณ์แบบไทยๆ “อำ” กันได้แบบไม่เขิน
ล่าสุด นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ก็ “สปีก อิงลิช” ประกาศผ่านสำนักข่าวรอยเตอร์ให้ได้ยินกันไปทั่วโลก ฟันธงพรรคประชาธิปัตย์มีสิทธิจะได้ ส.ส.ถึง 200 ที่นั่ง จาก 500 เก้าอี้ ถ้าได้ ส.ส.ต่ำกว่า 170 คน จะรับผิดชอบด้วยการลาออกจากหัวหน้าพรรคทันที
บ่งบอกความ “มั่นใจ” ในขีดระดับไม่ธรรมดา
มันจึงเป็นอะไรที่ “เซียนยังไม่กล้าเทหมดหน้าตัก” อย่างน้อยก็ต้องกั๊กไว้เผื่อพลิกผัน
ที่แน่ๆแม้แต่ “มวยแต้มต่อ” เอง ก็ยังเสียวๆกับอาการของพรรคเพื่อไทยที่ผวา “กลสลับหีบบัตร”
ตามยุทธศาสตร์ต้องจัดทีม “กกต.แดง” ตามประกบเฝ้าหีบบัตรเลือกตั้งตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมตะโกนเรียกให้นานาชาติส่งทีมเข้ามาสังเกตการณ์การเลือกตั้งทั่วไป
นั่นก็เพราะตัวอย่างเคยเกิดขึ้นมาแล้วเมื่อการเลือกตั้งปี 2550 ที่พรรคพลังประชาชนชนะ ส.ส.เขตเลือกตั้งแบบทิ้งขาด แต่คะแนน ส.ส.แบบสัดส่วนโดยเฉพาะในโซนภาคเหนือกลับแพ้ซะด้วยซ้ำ
นี่แหละที่จะทำ “นารีขี่ม้าขาว” คว่ำหัวคะมำได้
แต่ถึงนาทีนี้ก็ดูท่าจะไม่สะดุดกันง่ายๆ ตามภาพข่าวล่าสุดที่ น.ส. ยิ่งลักษณ์ ในชุดเสื้อแจ็กเกตสีขาวสวมผ้าฮิญาบสีแดง ท่ามกลางเสียงตะโกน “ยามีล่ะห์” แปลว่า “สวยงาม” ถือว่าทำได้ตามเป้าในการลงทุน นั่งเครื่องแบบเช่าเหมาลำ บินตรงไปหาเสียงในจังหวัดนราธิวาส ยะลา
ชูนโยบาย 3 จังหวัดชายแดนใต้เป็นเขตปกครองพิเศษเหมือนกรุงเทพฯและพัทยา
เจอบท “ถึงลูก ถึงคน ถึงใจ” แชมป์เก่าเจ้าถิ่นผวาก็แล้วกัน
และเพื่อ “ตอกย้ำ” ความเป็นผู้ชนะ ก็อย่างที่มีการเดินกระแสข้ามช็อตไปถึงขั้นที่ว่า “เจรจาโควตา” กันแล้ว ตามคิวของพรรคชาติไทยพัฒนาของ “หลงจู๊” นายบรรหาร ศิลปอาชา และพรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดินของยี่ห้อ “เอสแอนด์พี” นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ นายพินิจ จารุสมบัติ นายปรีชา เลาหพงศ์ชนะ ที่จองตั๋วร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย
จองกระทรวง ขอแบ่งงานกันล่วงหน้า
ว่ากันถึงขนาดมีการ “ย้อนเกล็ดงูเห่า” ต่อสายดึงกลุ่มมัชฌิมาของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน ออกมาจากรู “ภูมิใจไทย” แยกมาร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย
หักดิบ “เนวิน ชิดชอบ” ที่เคยทำกับ “นายใหญ่” ไว้
ตามรูปเกมที่เซียนยังเชื่อ มีโอกาสเป็นไปได้สูงทีเดียว.
ทีมข่าวการเมือง
ビビ
未经允许不得转载:综合资讯 » ข้ามช็อตบลัฟเกมสกัด