综合资讯
当前位置:综合资讯 > 资讯 > 泰国新闻 > 正文

ทุจริตซื้อเสียง เลือกตั้งโมฆะ

ทุจริตซื้อเสียง เลือกตั้งโมฆะ

ชี้อันตรายเลือกตั้งเดิมพันสูงฝ่า “กรงเล็บ” กฎหมาย
การหาเสียงเลือกตั้งเข้าสู่โค้งสุดท้าย
เหลืออีกแค่ 7 วันเท่านั้น การเลือกตั้งครั้งสำคัญของประเทศไทย 3 กรกฎาคม ก็จะมาถึง
ก่อนหน้านี้ทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก็ได้จัดให้คนไทยในต่างประเทศได้ใช้สิทธิลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้านอกราชอาณาจักรกันไปแล้ว โดยมีผู้มาใช้สิทธิจำนวนมาก
และมาถึงวันนี้ 26 มิถุนายน ตั้งแต่เวลา 08.00-15.00 น. ก็เป็นคิวของคนไทยในประเทศที่ได้แจ้งลงทะเบียนขอใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าเอาไว้กว่า 2 ล้านคน
จะได้ไปใช้สิทธิหย่อนบัตรลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้าทั้งนอกเขตเลือกตั้ง และในเขตเลือกตั้ง ณ หน่วยเลือกตั้งกลางของแต่ละเขต ตามที่ กกต.กำหนด
สะท้อนให้เห็นว่าประชาชนคนไทยทั้งที่อยู่ต่างประเทศและในประเทศ มีความตื่นตัวในการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นอย่างยิ่ง
ที่สำคัญ เมื่อสถานการณ์ในการหาเสียงเลือกตั้งดำเนินมาถึงช่วงโค้งสุดท้าย ก่อนเข้าทางตรงที่จะตัดสินกันในวันเลือกตั้ง
พรรคการเมืองที่เป็นคู่แข่ง คู่ต่อสู้ ในสนามเลือกตั้ง ต่างก็ทุ่มเทสรรพกำลังกันเต็มที่ งัดกลยุทธ์ทุกรูปแบบออกมาใช้ เพื่อให้ได้ชัยชนะ
ช่วงเวลาที่เหลืออีก 7 วัน ก่อนถึงวันหย่อนบัตรเลือกตั้ง 3 กรกฎาคม ถือเป็นห้วงเวลาที่สำคัญต่อการแปลงเสียงสนับสนุนให้เป็นคะแนนในหีบบัตร
เพื่อนำไปสู่ชัยชนะในการเลือกตั้ง ได้รับเลือกเป็นผู้แทนปวงชน เข้าไปทำหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎรอันทรงเกียรติ
ในห้วงนี้การขับเคี่ยวแข่งขันจึงเป็นไปอย่างดุเดือดเข้มข้น ต่อสู้กันแบบเอาเป็นเอาตาย
ภาพของความรุนแรงจึงเกิดขึ้นให้เห็นหลายเหตุการณ์ในห้วงการหาเสียงช่วงโค้งสุดท้าย
โดยเฉพาะกรณีมือปืนบุกสังหารนายสุบรรณ จิระพันธุ์วาณิช นายก อบจ.ลพบุรี หัวคะแนนคนสำคัญของพรรคภูมิใจไทย อย่างโหดเหี้ยมกลางกรุง
สะท้อนให้เห็นว่า การเลือกตั้งครั้งนี้พรรคการเมืองแต่ละขั้ว แต่ละพรรค มีเดิมพันสูง เพราะไม่ใช่การเลือกตั้งเพื่อชิงเก้าอี้ ส.ส. กันธรรมดา
แต่เป็นการเลือกตั้ง เพื่อชิงอำนาจรัฐ ชิงอำนาจปกครองประเทศไทย
จึงต้องพยายามทำทุกวิถีทางให้ได้รับชัยชนะ ได้จำนวน ส.ส.เข้ามาให้มากที่สุด เพื่อให้บรรลุเป้าหมายได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล
ที่สำคัญ การหาเสียงเลือกตั้งมาถึงช่วงโค้งสุดท้าย แต่ละพรรคก็ยิ่งต้องเร่งสปีดในการแปลงเสียงให้เป็นคะแนน แบบไม่มีใครยอมใคร
และจะไปตัดสินกันในวันเลือกตั้งว่าบรรดาโพลต่างๆ ทั้งโพลแท้ โพลเทียม ที่ออกมาปั่นกระแสก่อนหน้านี้จะถูกต้องแม่นยำมากน้อยแค่ไหน
เพราะสุดท้าย คะแนนจากบัตรเลือกตั้งของประชาชนจะเป็นตัวชี้ขาดของจริง
และก็อย่างที่เห็น พรรคประชาธิปัตย์เดินเกมหาเสียงในช่วงโค้งสุดท้าย ด้วยการจัดเวทีปราศรัยที่บริเวณลานหน้าห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ สี่แยกราชประสงค์
ระดมขุนพลหลัก ทั้งนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรค นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรค นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองหัวหน้าพรรค และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค
ปราศรัยชี้แจงข้อเท็จจริงและตอกย้ำถึงเหตุการณ์จลาจลเผาบ้านเผาเมือง ที่เกี่ยวโยงกับแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง และชายชุดดำติดอาวุธที่แฝงอยู่ในม็อบ ที่เป็นชนวนเหตุของความรุนแรงใช้อาวุธสงครามยิงใส่ทหารและประชาชน
โยงไปถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ และพรรคเพื่อไทย ที่อยู่เบื้องหลังสั่งการแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงให้ออกมาเคลื่อนไหวต่อต้าน โค่นล้มรัฐบาล
กระตุ้นเตือนให้สังคมนึกถึงต้นสายปลายเหตุของความวุ่นวายจลาจลเผาบ้านเผาเมือง
ในขณะที่แกนนำกลุ่มเสื้อแดงและพรรคเพื่อไทย ก็ออกมาแถลงตอบโต้เนื้อหาการปราศรัยของแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ ทุกเม็ดทุกดอก
เพื่อไม่ให้กระแสไหลกลับไปที่ฟากประชาธิปัตย์ ในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง
ขณะเดียวกัน จากผลสำรวจของโพลทุกสำนักเกี่ยวกับการเลือกตั้ง มีประเด็นใหญ่ที่น่าสนใจ 2 จุด คือ
กลุ่ม “โหวตโน”
และกลุ่มผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ยังไม่ตัดสินใจว่าจะเลือกพรรคใด ซึ่งมีอยู่ประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ หรือประมาณ 10 ล้านคน
สำหรับกลุ่ม “โหวตโน” หรือตั้งใจ “กากบาท” ในช่อง “ไม่ประสงค์ลงคะแนน” ถือเป็นสิทธิตามกฎหมายของแต่ละบุคคล
ทั้งนี้การ “โหวตโน” หรือไม่ประสงค์ลงคะแนน ก็เท่ากับเป็นการแสดงความประสงค์ “งดออกเสียง”
คะแนนตรงนี้ ไปใช้ทำอะไรไม่ได้ เพียงแต่เป็นการแสดงปฏิกิริยาให้เห็นว่า ผู้สมัครและพรรคการเมืองที่ลงรับเลือกตั้ง ไม่มีใครที่ชอบ ไม่มีใครดี เลวทั้งนั้น ชั่วทั้งนั้น
แน่นอนการโหวตโน ไม่ได้ปฏิเสธระบอบประชาธิปไตย แต่เป็นการปฏิเสธบุคคลที่พรรคการเมืองส่งลงสมัครรับเลือกตั้ง
โดยอาจมีเหตุผลเฉพาะตัวที่มาจากอารมณ์เบื่อหน่ายการเมือง เอือมระอานักการเมืองและพรรคการเมือง
แต่เมื่อกาช่องนี้แล้ว ก็คงไม่มีผลอะไร นอกจากได้ความสะใจ ที่ได้สำแดงสิทธิออกมา
หรือในกรณีที่ในเขตเลือกตั้งใด คะแนนโหวตโนชนะ มีคะแนนมากกว่าผู้สมัครที่ได้คะแนนมาเป็นอันดับหนึ่ง
ก็จะเป็นการสะท้อนให้เห็นว่า ระบบการสรรหาผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคการเมือง ไม่มีประสิทธิภาพ ไม่มีการพัฒนา จึงไม่สามารถคัดสรรตัวบุคคลที่มีคุณภาพ มีความรู้ ความสามารถ มาเป็นตัวเลือกของประชาชนในเขตเลือกตั้งนั้นได้
แต่ก็ไม่ได้ทำให้เกิดผลอะไรในทันที เพราะไม่มีผลทางกฎหมาย ที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงผลการเลือกตั้งแต่อย่างใด
ผู้สมัครที่ได้คะแนนเป็นอันดับหนึ่ง ก็ยังได้เป็น ส.ส.อยู่ดี
ส่วนในระยะยาวก็อาจจะมีผลบ้าง ที่จะเป็นตัวกระตุ้นให้พรรคการเมือง หันมาสนใจการคัดสรรตัวผู้สมัคร ส.ส.ที่มีคุณภาพมากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งก็ต้องใช้ระยะเวลาอีกนาน
แต่อีกมุมหนึ่ง การโหวตโน กาช่องไม่ประสงค์ลงคะแนน ก็จะไปมีผลกระทบต่อพรรคการเมืองที่แข่งขันกันเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง
เพราะคะแนนโหวตโนที่หายไปจะเป็นกลุ่มคะแนนที่จะไปลด หรือเพิ่มโอกาสความได้เปรียบเสียเปรียบของพรรคใดพรรคหนึ่งที่เป็นคู่ชิงดำ
และขณะเดียวกัน ในสภาพความเป็นจริง กลุ่มโหวตโนหรือกลุ่มคนที่กากบาทช่องไม่ประสงค์ลงคะแนน เมื่อการเลือกตั้งผ่านพ้นไป
กลุ่มคนเหล่านี้ก็ยังต้องอยู่ภายใต้การปกครองของรัฐบาลใหม่หลังการเลือกตั้งครั้งนี้อยู่ดี
เหนืออื่นใด ต้องขอย้ำว่า การโหวตโน กากบาทช่องไม่ประสงค์ ลงคะแนนถือเป็นสิทธิตามกฎหมายของแต่ละบุคคล
เพียงแต่การโหวตโน ไม่ประสงค์ลงคะแนน ที่มีการรณรงค์และชี้นำกันอยู่ในขณะนี้ ผู้ชี้นำมีความมุ่งหวังอย่างไร
มีนัยแฝงเร้นหวังผลทางการเมืองหรือไม่ มีอะไรได้เสียแฝงอยู่หรือเปล่า ยังไม่มีความชัดเจน
สำหรับกลุ่มผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ยังไม่ตัดสินใจว่าจะเลือกพรรคใด ที่มีอยู่ประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ หรือประมาณ 10 ล้านคน
กลุ่มคนตรงนี้ถือว่าเป็นตัวแปรสำคัญที่จะชี้ขาดผลการเลือกตั้ง
การที่คนกลุ่มนี้ ยังไม่ตัดสินใจ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะต้องการรอฟังข้อมูลต่างๆจนนาทีสุดท้าย รอฟังข้อมูลข่าวสารให้ครบรอบด้าน ก่อนพิจารณาตัดสินใจหย่อนบัตรเลือกตั้ง
ซึ่งถือเป็นกลุ่มที่ต้องชื่นชม ที่มีการพัฒนาทางการเมือง ตัดสินใจในการเลือกตั้งด้วยวิจารณญาณและความรอบคอบ
ส่วนกลุ่มคนที่ยังไม่ตัดสินใจอีกส่วนหนึ่ง อาจเป็นเพราะยังรอปัจจัยค่าหัว รอเงินซื้อเสียง คนกลุ่มนี้สมควรได้รับคำตำหนิ
เพราะมีส่วนที่ทำให้เกิดวงจรอุบาทว์ ซื้อสิทธิ ซื้อเสียง ถอนทุน
ท่ามกลางสถานการณ์โค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง ที่ทุกพรรคการเมืองต่างงัดกลยุทธ์ทั้งบนดินและใต้ดินออกมาใช้เพื่อช่วงชิงชัยชนะ
ในขณะที่ผู้นำกองทัพได้ออกมาประกาศยืนยัน ทหารวางตัวเป็นกลางในการเลือกตั้ง โดยให้การเลือกตั้งเป็นไปตามกลไกกฎหมายและรัฐธรรมนูญ
เมื่อสังคมไม่ยอมรับเรื่องอำนาจนอกระบบ ไม่ยอมรับการปฏิวัติ
การบังคับใช้กฎหมายในการเลือกตั้ง จึงเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง
ท่ามกลางสถานการณ์เช่นนี้ จึงเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้งที่จะต้องดูแลจัดการเลือกตั้งให้เป็นไปด้วยความสุจริตและเที่ยงธรรม
แต่ในห้วงที่ผ่านมา บทบาทของคณะกรรมการการเลือกตั้ง ยังถูกมองว่าไม่ได้เอาจริงเอาจังในการดูแลการเลือกตั้งอย่างเต็มที่
แถมยังมีพฤติกรรมที่ทำให้สังคมเกิดความเคลือบแคลง อย่างกรณีที่มีการเดินทางไปตรวจการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร ก็ยกขบวนไปกันถึง 4 คน เหลือทิ้งไว้เมืองไทยแค่คนเดียว
จนทำให้เกิดข่าวลือว่าจะมีเหตุล้มการเลือกตั้ง ทำให้สังคมผวากันไปหมด
หาก กกต.ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเป็นกลาง ในการบังคับใช้กฎหมายเพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปด้วยความสุจริตและเที่ยงธรรม
ก็อาจนำไปสู่การไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง และเกิดวิกฤติความวุ่นวายตามมา
ดังนั้น กกต.จำเป็นต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด เข้มงวดและเป็นกลาง เพื่อให้การเลือกตั้งเป็นที่ยอมรับของประชาชน
เหนืออื่นใด หากพรรคการเมืองและนักการเมืองยังใช้วิชามาร ฝ่าฝืนกฎหมาย เพียงเพื่อให้ตัวเองได้ชัยชนะ
ก็อาจทำให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะได้ไม่ยาก
หรือหากการเลือกตั้งไม่เป็นกลาง ไม่เป็นธรรม สังคมไม่เชื่อมั่น เชื่อถือ ก็อาจนำไปสู่เหตุจลาจลวุ่นวาย จนอาจทำให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะได้อีกเหมือนกัน.

“ทีมการเมือง”

▓▓

未经允许不得转载:综合资讯 » ทุจริตซื้อเสียง เลือกตั้งโมฆะ

赞 (0)
分享到:更多 ()