นับถอยหลังเลือกตั้ง 3 กรกฎาฯ 2554 เหลือเวลาอีก 3 วัน กำหนดชะตาประเทศไทย
พาย้อนรอยไล่ดูตั้งแต่ออกสตาร์ต จนโค้งสุดท้ายใกล้ถึงเส้นชัย ทุกพรรคขับเคี่ยว ฟาดฟัน ขายฝัน ปัดฝุ่นนโยบายเก่ามาเล่าใหม่
แกนนำพรรคเล็ก พรรคใหญ่ ลงทุนบากหน้า ดำนา ขี่ควาย ควบอีแต๋น ซิ่งมอเตอร์ไซค์ จับปลาไหล ดมก้นแมงดา กวนกระยาสารท สวมมาดเด็กวัด ไปจนถึงฉากบีบน้ำตากลางราชประสงค์ ขอคะแนน
ทีมข่าวเจาะสนามเลือกตั้ง “ไทยรัฐ” ได้สรุปรวบรวมข้อมูลทุกเขต ทุกค่าย ผ่านการชำแหละ แคะ คุ้ย ในรอบ 30 วันที่ผ่านมา เพื่อเป็นข้อมูลให้ท่านผู้อ่านได้นำไปพิจารณาตัดสินใจ ไปติดตามดูกัน…
ประเดิมที่ ภาคเหนือ 16 จังหวัด มีเก้าอี้ให้แย่งชิงกัน 67 ที่นั่ง เพื่อไทยยังครองความเป็นเจ้าสังเวียน กวาดไป 43 เขต
โซนสีแดงเข้มข้น บวกกระแสนายกฯหญิง จึงสร้างปรากฏการณ์ “แลนด์สไลด์” ในโซนภาคเหนือตอนบน เพื่อไทยจึงกวาดยกจังหวัดหลายพื้นที่
เชียงราย 7 ลำปาง 4 ลำพูน 2 แพร่ 3 น่าน 3 พะเยา 3 และอุตรดิตถ์ 3
แต่มาเสียท่าที่บ้านเกิด “นายใหญ่” จ.เชียงใหม่ มีอยู่ 10 เขต โดนเด็กชาติไทยพัฒนา นพ.ไกร ดาบธรรม แย่งไป 1 เหลือ 9
ส่วนภาคเหนือตอนล่าง พื้นที่สีแดงเริ่มเจือจาง แต่เพื่อไทยยังคงเก็บแต้มได้ที่กำแพงเพชร 1 พิษณุโลก 1 นครสวรรค์ 2 สุโขทัย 1 และเพชรบูรณ์ 4 ที่นั่ง
ฝั่ง ประชาธิปัตย์ ไล่สปีดเต็มที่แล้วได้มา 13 ที่นั่ง จากโซนภาคเหนือตอนล่าง ที่กำแพงเพชร ตาก และพิษณุโลก จังหวัดละ 3 ที่นั่ง มีพิจิตร พิษณุโลก เพชรบูรณ์ สุโขทัย อีกแห่งละ 1 ที่นั่ง
ชาติไทยพัฒนา ตามมาห่างๆ 8 เก้าอี้ จากพิจิตร นครสวรรค์ จังหวัดละ 2 เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน พิษณุโลก เพชรบูรณ์ ได้ไปที่ละ 1
เหลือให้ ชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน แค่ 2 ที่นั่ง คือ นครสวรรค์และสุโขทัย
ส่วนค่าย ภูมิใจไทย ได้มาแค่ที่นั่งเดียว จากสุโขทัย พื้นที่ในการดูแลของ สมศักดิ์ เทพสุทิน
ขยับมาที่ ภาคอีสาน มีโควตา ส.ส.ล่อใจสูงสุดถึง 126 ที่นั่ง
กระแสยิ่งลักษณ์ฟีเวอร์ บวกกับความร้อนแรงของเครื่องจักรสีแดง
จึงทำให้การเมืองในภาคอีสานเกิดกระแสต้องการนายกฯหญิง ในประวัติศาสตร์การเมืองไทย ที่พุ่งสูงยิ่งกว่าสมัย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เรืองอำนาจ
เพื่อไทยจึงเหมาเรียบยกเซต 12 จังหวัด ที่ เลย หนองคาย อุดรธานี ขอนแก่น ชัยภูมิ สกลนคร มหาสารคาม มุกดาหาร หนองบัวลำภู ศรีสะเกษ กาฬสินธุ์ และบึงกาฬ รวมเบ็ดเสร็จ 66 ที่นั่ง
มาได้เก็บเล็กผสมน้อย จากร้อยเอ็ด นครราชสีมา อุบลราชธานี นครพนม ยโสธร สุรินทร์ อำนาจเจริญ อีก 23 ที่นั่ง รวมเบ็ดเสร็จ 89 ที่นั่ง
ปล่อยให้ ภูมิใจไทย นั่งหน้าเศร้า ได้มาหร็อมแหร็ม 17 ที่นั่ง
ที่ต้องแปลกใจก็คือ เมืองหลวงบุรีรัมย์ ถูกตีฐานแตก จาก 9 เหลือ 6 เมื่อเพื่อไทย ส่งทีมชุดใหญ่ทั้งฝ่าย เสธ.ทหาร และอดีตบิ๊กข้าราชการตำรวจ เข้าพื้นที่ตลบหลัง ตัดกำลังไม่ให้ออกอาวุธได้ถนัดมือ
ขณะที่จังหวัดเพื่อนบ้าน สุรินทร์ ก็พลาดท่า หดเหลือ 6 เก้าอี้ โดนคู่ปรับเพื่อไทย เจาะยางที่เขต 2 และเขต 5
แต่ยังมากู้หน้าได้ที่เขต 5 นครราชสีมา ภิรมย์ พลวิเศษ เปิดคลังแสงสาดกระสุนลอตใหญ่ จนแซงม้ามืดจากมาตุภูมิ นาวี ศรีนุชศาสตร์ กลับมาได้
ฟาก ประชาธิปัตย์ เหลือรอดมาได้แค่ 4 จากที่คุยเอาไว้ว่าจะทำให้ได้ที่เลข 10
มาได้ที่อุบลราชธานี เขต 3 เขต 8 อำนาจเจริญ เขต 2 และยโสธร เขต 1
โดยที่ ศุภชัย ศรีหล้า เขต 2 อุบลฯ ยังออกอาการลูกผีลูกคน เพราะ สมบัติ รัตโน ประกาศทุ่มหมดหน้าตักสู้ ดังนั้น นอกจากดูกระแสแล้วยังต้องดูกระสุนของแต่ละฝ่ายด้วย
อาการหนักอีกค่ายคือ ชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน หดลงมาเหลือ 6 ที่นั่ง จากโคราช 4 ร้อยเอ็ด 1 นครพนม 1 ที่
โดยต้องจับตาช้างล้ม สมชัย ฉัตรพัฒนศิริ ที่เขต 6 โคราช โดนทีเด็ดม้ามืดเพื่อไทย สุชาติ ภิญโญ ขี่กระแส ใส่กระสุน ซิ่งเข้าวิน
เครียดพอๆกันที่ อุบลราชธานี อุดร ทองประเสริฐ กับ สุชาติ ตันติวนิชชานนท์ จากเดิมที่คิดว่าชัวร์ แต่พอเพื่อไทยเปิดคลังอาวุธระดมเข้าใส่ช่วงโค้งสุดท้าย ต้องลุ้นว่าจะเหลือที่นั่งในเมืองดอกบัวหรือไม่
ส่วน ชาติไทยพัฒนา กวาดไป 3 ที่นั่ง คือ เขต 11 อุบลราชธานี เขต 1 ร้อยเอ็ด เขต 4 สุรินทร์ เจียดให้ มาตุภูมิ 1 ที่นั่ง จาก สมชาย เพศประเสริฐ นครราชสีมา
ยังมี 6 เขตที่สูสีกันมาก คือที่นครราชสีมา บุรีรัมย์ และอุบลฯ 4 เขต ต้องไปรอลุ้นเอาตอนเปิดหีบนับคะแนน
มาที่ ภาคกลาง–ตะวันออก–ตะวันตก ที่ทุกพรรคแย่งชิงและแบ่งกันไป
กระแสเสื้อแดงที่ยังกระจุกแน่นในเขตปริมณฑลรายรอบ กทม.
ช่วยให้ เพื่อไทย ยังคงครองความเป็นอันดับ 1 โกยไป 41 ที่ จากสมุทรปราการ 7 ปทุมธานี 6 นนทบุรี 5 ที่อยุธยา นครปฐม จังหวัดละ 4
ลพบุรี ชลบุรี อีกแห่งละ 3 สมุทรสาคร ฉะเชิงเทรา กาญจนบุรี แห่งละ 2 และสระบุรี อ่างทอง ราชบุรี อีกที่ละ 1
สำหรับ ประชาธิปัตย์ ยังปักหลักรักษาฐานเดิมไว้ได้ 25 ที่นั่ง มีระยอง 4 จันทบุรี กาญจนบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดละ 3 นนทบุรี สระบุรี อ่างทอง ชลบุรี สมุทรสงคราม สมุทรสาคร ลพบุรี ราชบุรี ตราด แห่งละ 1
ภาคกลางยังเป็นพื้นที่หวังผลของ ชาติไทยพัฒนา สอยมาได้ 12 ที่นั่ง จ.สุพรรณบุรี ซึ่งเป็นกล่องดวงใจพรรคนี้ยังรักษาเก้าอี้ไว้เหนียวแน่น 5 ที่ นอกนั้นมาจากสิงห์บุรี 1 อุทัยธานี 2 อ่างทอง 1 นครปฐม 1 ปราจีนบุรี 1
โดยที่ เกื้อกูล ด่านชัยวิจิตร ยังป้องกันแชมป์ เขต 1 อยุธยา ได้ชนิดหืดขึ้นคอ ส่วน อ่างทอง ภราดร ปริศนานันทกุล ลูก “เสี่ยตือ–สมศักดิ์” เสียท่าให้กับ เพ็ญชิสา หงษ์อุปถัมภ์ชัย ของเพื่อไทย
ตามมาห่างๆ ภูมิใจไทย คว้าไป 10 ที่นั่ง ราชบุรี 3 ชัยนาท 2 ฉะเชิงเทรา 2 สระบุรี 2 ปราจีนบุรี 1
น้องใหม่ พลังชล ทวงบารมีในเมืองชลฯ กลับคืนมาได้ 4 ที่
ชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน ได้ปราจีนบุรี 1 ที่
ส่วน ภาคใต้ รวมเบ็ดเสร็จ 53 ที่นั่ง ประชาธิปัตย์ กวาดยกเซตที่ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ระนอง พังงา ตรัง พัทลุง สงขลา สตูล กระบี่ ภูเก็ต
พิเชษฐ พันธุ์วิชาติกุล พ้นอาการโคม่าที่เขต 3 กระบี่ หลังได้ “นายหัวชวน” ลงไปช่วยทันเวลา รวมได้ 47-48 ที่นั่ง
เหลือให้เบียดแย่งกันใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ 11 ที่นั่ง
ประชาธิปัตย์ได้ไปสูงสุด 6 ที่ ชาติไทยพัฒนาได้มา 1 ที่ เขต 4 นราธิวาส วัชระ ยาวอหะซัน
เพื่อไทย 1 ที่ เขต 2 ยะลา ซูการ์โน มะทา มาตุภูมิ 2 ที่ นราธิวาส เขต 1 ไพศาล ตอยิบ และ เขต 3 นัดมุดดิน อูมา
ภูมิใจไทยได้ลุ้นจาก นิมุคตาร์ วาบา เขต 3 ปัตตานี
ปิดท้ายกันที่ กรุงเทพฯ พื้นที่วัดกระแสของจริง เมื่อเพื่อไทยจุดติด “ยิ่งลักษณ์นายกฯหญิง” จึงเกิดกระแสไหลบ่าแบบแลนด์สไลด์ในหลายเขต
แม้ประชาธิปัตย์จะเปิดไฮปาร์กบีบน้ำตากลางกรุง ก็ไล่ไม่ทัน ทำเก้าอี้หล่นหายไปกว่าครึ่ง เหลือเพียง 15 ที่นั่ง เขต กทม.ชั้นใน
ส่วนเพื่อไทยเหมาในแถบชานเมือง พ่วงฝั่งธนฯบางส่วน แซงพรวดขึ้นมาที่ตัวเลข 18
ประเมินภาพรวม ส.ส.แบ่งเขต ทั่วประเทศ เพื่อไทย ทำแต้มนำโด่ง 192 ที่นั่ง บวกปาร์ตี้ลิสต์ทะลักอีก 60 รวมตัวเลขได้ที่ 252 แม้ไม่ถึงเป้าตามราคาคุย แต่ก็มาเป็นที่ 1
ทิ้งขาด ประชาธิปัตย์ ได้ 104 ที่นั่ง มีเซฟโซนปาร์ตี้ลิสต์อยู่ระหว่างอันดับ 45-48 รวม 149-152 ที่นั่ง
ภูมิใจไทย ตามมาเป็นอันดับสาม ได้ ส.ส.เขต 29-30 ปาร์ตี้ลิสต์อีก 5-10 รวม 35-40 ที่นั่ง
อันดับสี่ ชาติไทยพัฒนา มี ส.ส.เขต 24 ที่ปาร์ตี้ลิสต์อีก 5-6 ที่ รวมได้ราว 29-30 ที่นั่ง
อันดับห้า ชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน ตัวเลข ส.ส.เขต 9 ที่นั่ง ปาร์ตี้ลิสต์สวิงที่ตัวเลข 3-5 รวมแล้วอยู่ที่ 10-12 ที่นั่ง พลังชล มาเป็นที่ 6 ส.ส.เขต 4 บวกปาร์ตี้ลิสต์ 1 รวมเป็น 5 ที่นั่ง
มาตุภูมิ ของ “บิ๊กบัง” พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ได้ ส.ส.เขต 2-3 ที่นั่ง แต่ “บิ๊กบัง” จะชวด ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์
รักประเทศไทย ของ ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ปั่นกระแสจนติดตลาด พ่วงลูกทีมเกาะเก้าอี้ปาร์ตี้ลิสต์ 3 คน
ส่วน รักษ์สันติ เปิดตัวสุดคึกคัก แต่ทำไปทำมากระแสกลับหายไปกับสายลม เหลือรอดแค่ “ปุระชัย ไม้บรรทัด” ได้ปาร์ตี้ลิสต์มาเพียงคนเดียว
พอกับพรรคเก่าแก่ กิจสังคม สุวิทย์ คุณกิตติ ได้ปาร์ตี้ลิสต์แบบเส้นยาแดงผ่าแปด
พรุ่งนี้วันสุดท้าย มาติดตามโฉมหน้ารัฐบาลใหม่ กับทีมงานเจาะสนาม…
┎┎
未经允许不得转载:综合资讯 » เปิดโพยโค้งสุดท้ายใครเป็นใคร?