และแล้วก็เกิดเรื่องน่าเศร้า สำหรับพรรคประชาธิปัตย์ หลังเสร็จศึกเลือกตั้งเข้าจนได้ เป็นไปตามคาดเมื่อ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคตัดสินใจแถลง ขอลาออกจากตำแหน่ง เพื่อรับผิดชอบและถือเป็นการแสดงสปิริตทางการเมือง หลังนำพรรคพ่ายแพ้พรรคเพื่อไทยคู่แข่งสำคัญในการเลือกตั้งอย่างหมดรูป ตามที่เคยให้สัญญากับประชาชนว่า หากผลคะแนนในการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการออกมา ปชป.ต่ำกว่า 160เสียง ก็ไม่ขออยู่
เค้าลางปรากฏชัด ตั้งแต่ นายอภิสิทธิ์ ออกมาแถลงยอมรับความพ่ายแพ้ และแสดงความยินดีกับว่าที่นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของไทย หลังทราบผลคะแนนอย่างไม่เป็นทางการ ในส่วนของพรรคปชป.เมื่อหัวหน้าพรรคลาออก ตามกฎหมายก็มีผลให้คณะกรรมการบริหารพรรคทั้ง 18 คน ก็ต้องหมดสภาพไปในทันที เหลือหน้าที่แค่รักษาการเท่านั้น จากนี้ไปต้องรอที่ประชุมใหญ่พรรคประชาธิปัตย์กำหนดวันเลือกหัวหน้าและกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ภายในกำหนดระยะเวลา 90 วัน เมื่อจับชีพจรภายในพรรค ปชป.ในขณะนี้ดูแล้ว หวยก็น่าจะออกมาเป็นว่าที่ประชุมใหญ่พรรคมี มติเลือก นายอภิสิทธิ์ กลับมานั่งเก้าอี้หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อีกรอบ
ขณะที่ แนวทางการเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่ ที่ปรากฏชื่อ นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน หรือแม้แต่ นายกรณ์ จาติกวนิช ขึ้นมาดำรงตำแหน่งแทนนายอภิสิทธิ์ ต้องยอมรับว่ามีความเป็นไปได้น้อยมาก เพราะถึงตอนนี้หากควานหาเข้าไปในพรรคประชาธิปัตย์ก็ยังไม่พบใครที่มีคุณสมบัติเหมาะสมเท่ากับนายอภิสิทธิ์ การประกาศลาออกจึงเป็นการรักษารูปมวยเท่านั้น
หากสังคมยังไม่ลืม มีคนระดับแกนนำที่เป็นคีย์แมนสำคัญในพรรคประชาธิปัตย์ อีกคนที่มีสัญญาใจกับนายอภิสิทธิ์ ทำนองถ้านำทัพพรรคพระแม่ธรณีบีบมวยผม พ่ายแพ้อย่างหมดรูป ในการเลือกตั้งก็คงต้องพิจารณาตัวเอง บุคคลที่ว่านี้เคยดำรงตำแหน่ง รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก นายสุเทพ เทือกสุบรรณเลขาธิการพรรค อดีตผู้จัดการใหญ่รัฐบาล
กับท่าทีล่าสุด นายสุเทพออกมาปรากฏตัวให้สัมภาษณ์กับสื่อฯ ถึงแม้ไม่ถึงประกาศลาออกจากตำแหน่งเลขาธิการพรรค ตามนายอภิสิทธิ์ ที่ชิงไขก๊อกไปก่อนหน้า แต่ก็ประกาศว่า หากที่ประชุมใหญ่พรรคเสนอชื่อตนกลับเข้าไปก็จะปฏิเสธไม่รับตำแหน่งเลขาธิการอีกครั้ง ดังนั้นต้องจับตาดูต่อไปว่า ส่วนตัวนายสุเทพ จะตัดสินใจอนาคตทางการเมืองอย่างไร จะทำตามที่ตัวเองเคยประกาศเอาไว้หรือไม่ ? ยังจำได้ หรือแกล้งทำเหมือนลืมไปแล้ว …
หันกลับมาที่พรรคเพื่อไทย ก็ปรากฏบุคคลระดับแกนนำคนสำคัญของพรรคถึงกับประกาศเดิมพันในทำนองเดียวกันช่วงก่อนการเลือกตั้ง “ถ้าลูกชายสุดที่รัก สอบตกไม่ได้เป็นส.ส. เขตบางบอน-หนองแขม ก็จะขอเลิกเล่นการเมืองตลอดชีวิต” สุดท้ายผลการเลือกตั้งออกมา ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนอย่าง นายวัน อยู่บำรุง ก็ต้องอกหัก พ่าย พ.ต.อ. สากล ม่วงศิริ จากปชป.ทั้งๆ ผู้ที่เป็นพ่อใช้ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตสนับสนุน ก็ไม่รู้ว่า ร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง ว่าที่ส.ส. ปาร์ตี้ลิสต์พรรคเพื่อไทยหมาดๆ ลืมคำพูดตัวเองไปแล้วหรือยัง ? จะตัดสินใจทำตามที่ประกาศไว้หรือไม่ สังคมกำลังรอดูอยู่ แต่เชื่อว่าร.ต.อ. เฉลิม คงเลือกที่จะแกล้งทำเป็นลืมซะมากกว่าเป็นแน่..
“ขึ้นชื่อว่าเป็นนักการเมืองไม่ว่าจะอยู่พรรคใด ค่ายไหน ส่วนใหญ่ก็เหมือนกันหมด ลองมีคำว่าผลประโยชน์ ไม่ว่าเรื่องอะไรที่เคยพูดหรือสัญญาไว้ ก็เลือกทำเป็นจำไม่ได้ หรือไม่ก็แกล้งทำลืมกลืนนำลายตัวเองซะ นี่ละนักการเมืองแบบไทยๆ”.
PP
未经允许不得转载:综合资讯 » ยังจำได้ไหม…??หรือลืมกันไปแล้ว