ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อ เมื่อแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ ที่รู้จักกันดีในนาม นปช. จู่ๆเกิดการแตกแยกกันขนานใหญ่ ถึงกับมีแกนนำสายฮาร์ดคอร์จำนวนไม่น้อย นำโดย นายสุพร อัตถาวงค์ (แรมโบ้) นายชินวัตร หาบุญพาด นพ.ประแสง มงคลศิริ พ.ต.ท. ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ นางไพจิตร อักษรณรงค์ นายวิสา คัญทัพ และ นายวันชนะ เกิดดี จู่ๆออกมารวมกลุ่ม กดดัน ขับไล่ นางธิดา ถาวรเศรษฐ์ รักษาการประธาน นปช. ภรรยาสุดที่รัก นพ. เหวง โตจิราการ ส.ส. บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย และ แกนนำเสื้อแดง ให้ลงจากตำแหน่ง และ ชู ดร.คณิน บุญสุวรรณ เข้ารับตำแหน่งแทน
โดยอ้างว่า เพื่อต้องการปรับภาพใหม่เพื่อสลัดให้หลุดพ้นจากภาพลักษณ์ความรุนแรง ทั้งยังเสนอให้มีเปลี่ยนชื่อองค์กรใหม่ด้วย ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับนางธิดาเป็นอย่างมาก ถึงกับมีการโต้เถียงกันอย่างดุเดือด จนถึงขั้นทั้งสองฝ่ายต้องมีการทุบโต๊ะกันนั้น
ถ้าคิดกันให้ดี นับเป็นเรื่องที่แปลกมาก เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถ้าเกิดหลังพรรคเพื่อไทยพ่ายแพ้การเลือกตั้ง ก็คงเข้าเค้าเหมือนกัน แต่นี่กลับเกิด หลังพรรคเพื่อไทย ที่มีมวลชนคนเสื้อแดงสนับสนุนมาตลอด ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งอย่างที่เรียกได้ว่า “ถล่มทลาย” ซึ่งแกนนำคนเสื้อแดงเองก็ต่างได้รับบำเหน็จรางวัลกันไปถ้วนหน้า ถึงขั้นอาจมีบางคนได้เป็นถึงตำแหน่งรัฐมนตรีใน ครม. ชุดใหม่ การทะเลาะกันครั้งนี้ของกลุ่มแกนนำ นปช. ที่เคยร่วมเป็นร่วมตายกันมาในการชุมนุมใหญ่ ทั้งที่ หน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์ ถนนพิษณุโลกข้างทำเนียบรัฐบาล แยกสะพานผ่านฟ้า-แยกราชประสงค์ ตลอดปี 2552-2553 ก่อนหน้า ช่วยไม่ได้ที่จะทำให้สังคมเห็นว่ามีความเคลือบแคลงน่าสงสัยอยู่ไม่น้อย
หากให้วิเคราะห์แล้ว เป็นไปได้หลายแนวทาง ทั้งการขัดแย้งกันในครั้งนี้ มีเหตุผลเป็นไปตามที่ แกนนำสายฮาร์ดคอร์ออกมากล่าวอ้าง คือ ต้องการสลัดภาพความรุนแรงขององค์กร เพราะนางธิดาไม่ยอมรับฟังความคิดเห็นของแกนนำคนอื่นๆ รวบอำนาจ ลำเลิกบุญคุณ โดยแกนนำเสื้อแดงสายฮาร์ดคอร์ต้องการเข้ามานำองค์กร แทนนางธิดา เนื่องจากเห็นว่า นางธิดานำกลุ่มแนวร่วม นปช.ไปในทิศทางที่ไม่ตรงกับความต้องการของพวกตนเอง จึงก่อหวอดขับไล่ หรืออาจเป็นเพราะเกิดความขัดแย้งกันเรื่อง ผลประโยชน์ แย่งกันนำมวลชนคนเสื้อแดงที่มีหลายกลุ่มก้อน
ขณะที่อีกแนวทางหนึ่ง ซึ่งมีความน่าเป็นไปได้อยู่เหมือนกัน คือ ต้องยอมรับว่า กลุ่ม นปช. กับพรรคเพื่อไทย สังคมไม่อาจปฏิเสธได้ว่า เดินเกมการเมืองสอดรับประสานกันมาตลอด โดยมี นายใหญ่ที่ตัวอยู่ดูไบ อยู่เบื้องหลัง จนได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งอย่างถล่มทลาย ส่งให้ น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของไทยนั้น เมื่อพรรคเพื่อไทย ชนะการเลือกตั้งแล้ว ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องคงมวลชนคนเสื้อแดงอยู่ต่อไป
ในทางยุทธศาสตร์ ผู้คุมบังเหียนพรรคเพื่อไทย เกิดการตัดสินใจส่งสัญญาณลดความสำคัญของมวลชนกลุ่ม นปช.ลง จึงมีการคิดเปลี่ยนหัวขบวนกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติเพื่อความเหมาะสมกับสถานการณ์ทางการเมือง ที่พรรคเพื่อไทยเข้าคุมอำนาจการบริหารประเทศ ประกอบกับนางธิดานั้น ค่อนข้างมีแนวคิดเป็นของตนเอง ควบคุมลำบาก ทำให้เกิดความพยายามที่จะเปลี่ยนตัว เอาคนอื่นที่คิดว่าน่าไว้ใจได้มากกว่าขึ้นมาทำหน้าที่แทน
ดังนั้น หากเป็นดังที่กล่าวมาแล้วจริง ทั้งหมดก็เหมือนเป็นเพียงการแสดงละครฉากหนึ่งของ พรรคเพื่อไทยและแกนนำกลุ่มนปช. ในการเปลี่ยนม้าที่คิดว่าเหมาะสมในแต่ละช่วงเวลา หลังเสร็จศึกเลือกตั้งใหญ่เท่านั้น “แกล้งทะเลาะกันเพื่อเป้าหมายสำคัญกว่า นั่นคือ รัฐบาลพรรคเพื่อไทย 300 เสียง(อาจจะมีตามเข้ามาเพิ่มอีก) ที่มีน.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาว พ.ต.ท. ทักษิณ เป็นนายกรัฐมนตรี จะต้องบริหารประเทศด้วยความราบรื่น” โดยเฉพาะเงื่อนไขจากเหตุการณ์ชุมนุมเมื่อปีที่ผ่านมาซึ่งมีผู้เสียชีวิตถึง 91 ราย ที่ต้องยอมรับว่าคู่กรณีของกลุ่มนปช.ที่ต้องการเรียกร้องหาคนกระทำความผิดมาลงโทษ คือกองทัพ และพรรคประชาธิปัตย์ ดังนั้นหากไม่รีบทำตามสำนวนโบราณ “ตัดไฟแต่ต้นลม”ใครจะรู้ว่ารัฐบาลที่มีเสียงในสภาที่นับได้ว่ามีเสถียรภาพมากที่สุดรัฐบาลหนึ่ง อาจจะอายุสั้นจบเร็ว ตามที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ดักคอไว ก็เป็นได้ …
ЫЫ
未经允许不得转载：综合资讯 » ทะเลาะกันจริง! หรือเป็นเพียงแค่ละคร??