综合资讯
当前位置:综合资讯 > 资讯 > 泰国新闻 > 正文

เซ็งแขวนเหตุแม้วจุ้น ‘ปู’ แก้เกมโยนกก.พรรครับแทน

จำลองฟ้องล้มเลือกตั้ง ผบ.ทบ.ลั่นห้ามล้ำเส้น
‘ยิ่งลักษณ์’ เปิดห้องเรียกกุนซือถกเครียดเตรียมหลักฐานตามพรายกระซิบ รอเข้าชี้แจงกกต. ‘มาดามปู’ ไม่เชื่อถูกกลั่นแกล้ง ‘เด็จพี่’ สวดยับถูกเตะขัดขวางอีกแล้ว ‘เสื้อแดง’ ชาร์จแบตหยั่งเชิงแล้วด้าน ‘เทพเทือก’ มึน เอาเหตุอะไรไม่รับรอง โวยไม่เห็นกกต.เรียกชี้แจง “มาร์ค”วอนเพื่อไทยคุม “เสื้อแดง” เลิกป่วน ขอความสงบกลับคืนหลังเลือกตั้ง จับไต๋อย่าเร่งแก้รธน.นิรโทษกรรม “บรรหาร” ห่วงสุญญากาศการเมือง หากกกต.ดึงเช็งไม่รับรองส.ส.ให้เปิดสภาฯได้ ด้าน “พล.อ.ประยุทธ์” ลั่นไม่กลัวถูกย้าย ยันทำหน้าที่ทหารเพื่อประชาชน ทุกอย่างมีกฎหมายรองรับ “ไชยวัฒน์” ร้องกกต.ยุบ 6 พรรค อ้างเหตุให้ “คนไม่มีสิทธิ” ช่วยหาเสียง “มหาจำลอง” เคลื่อนยุบเลือกตั้ง ระบุเสียสิทธิเลือกตั้งล่วงหน้า “ชวน” กลับบ้านได้ แค่กินยาแก้อักเสบรักษากระเพาะปัสสาวะ “พระรักเกียรติ” ชวน “ทักษิณ” กลับมานอนคุก เชื่อเดี๋ยวดีขึ้น พท.มั่นใจขึ้นค่าแรงวันละ 300 บ. ช่วยคนจนต้องหารือรอบด้าน ติงเสี่ยส.อ.ท.เอาแต่ได้

“ยิ่งลักษณ์”ไม่เชื่อถูกแกล้ง

เมื่อวันที่ 13 ก.ค. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าที่นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยังไม่รับรองสถานะ ส.ส.หลังชนะการเลือกตั้ง จากกรณีที่ นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ ได้ยื่นหนังสือเร่งรัดให้ ป.ป.ช. สอบสวนกรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ให้การเท็จคดีซุกหุ้นของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และกรณีที่แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยยื่นเรื่องให้ กกต.ตรวจสอบกรณีนโยบาย “ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ” ว่า ขณะนี้ยังเป็นกระบวนการปกติ เนื่องจาก กกต.ยังมีเวลาในการรับรองสถานะ ส.ส.ถึง 30 วัน ช่วงนี้จึงเป็นช่วงที่ กกต.จะทยอยรับรองรายชื่อเพิ่มเติม ตนและพรรคเพื่อไทย จึงเชื่อมั่นว่า กกต.จะให้ความเป็นธรรมกับตัวเองและพรรคเพื่อไทย อย่างไรก็ตามจนถึงวันนี้ตนยังไม่ทราบว่าถูกร้องเรียนเรื่องอะไรบ้าง เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องร้องเรียนใหม่ แต่เชื่อว่าทุกอย่างจะชี้แจงได้

เมื่อถามว่า คุณสมบัติที่ กกต.จะต้องตรวจสอบกรณีการถือครองหุ้น จะทำให้เกิดอุบัติเหตุทางการเมืองจนถึงขั้นต้องเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีคนใหม่หรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า เวลานี้คงจะยังไม่ถึงจุดนั้น เพราะจากที่ได้ฟังการแถลงข่าวของ กกต. ระบุว่ายังไม่ได้นำเรื่องนี้เข้าไปพิจารณา คงต้องรอให้อยู่ในกระบวนการดีกว่า เพราะถือว่าการดำเนินการของ กกต.ยังอยู่ในช่วง 30 วัน และเมื่อถึงเวลาก็คงต้องรอให้ ทางกกต.เป็นคนพูด แต่ก็ยังเชื่อมั่นว่าทุกอย่างเราทำถูกต้องตามกฎระเบียบของ กกต. ซึ่งคงต้องฝากเรื่องนี้ไปถึงผู้ที่พิจารณาด้วย

หวิววืดเก้าอี้นายกฯหญิง

เมื่อถามว่าข้อกล่าวหาเรื่อง “ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ” ถือว่าเป็นข้อกล่าวหาที่รุนแรงจะแก้เกมอย่างไร น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า “ตรงนี้เป็นเรื่องในแง่ของความคิด ซึ่งเป็นการแนะนำ แต่ไม่ได้หมายความว่าทุกอย่างจะต้องมาร่วมในการบริหารหรือตัดสินใจ การบริหารทั้งหมดอยู่ที่พรรคเพื่อไทย อยู่แล้ว” เมื่อถามว่า จำเป็นต้องเตรียมเอกสารชี้แจง กกต.เพิ่มเติมหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมายของพรรคที่จะดำเนินการ เมื่อถามว่า หากเป็นกรณีร้องเรียนเรื่อง “ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ” ทำไมเจาะจงไม่รับรองชื่อของว่าที่นายกฯ เท่านั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ยังไม่อยากแสดงความคิดเห็น ขอให้เป็นเรื่องของ กกต. และหากประเด็นนี้ผิดจริง ๆ ก็ควรจะไม่รับรองกรรมการบริหารพรรคต่างหาก ตนจึงหวังว่าทุกอย่างจะได้รับความยุติธรรมและความเป็นธรรม เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่กรณีที่กกต.ยังไม่รับรองว่าที่ ส.ส. กลุ่มเสื้อแดง ซึ่งอาจทำให้เกิดความไม่พอใจและเคลื่อนไหวจนส่งผลกระทบต่อพรรคได้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ยังไม่อยากให้สรุปแบบนั้น เพราะ กกต.ยังมีเวลาในการทำงาน หากไปสรุปก่อน จะถือเป็นการไปกดดันเจ้าหน้าที่ วันนี้ถือว่ายังอยู่ในเงื่อนไขของเวลา เมื่อถามว่า คิดว่าพรรคเพื่อไทยถูกกลั่นแกล้งหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า “ยังไม่อยากสรุปแบบนั้น และยังเชื่อว่าพรรคเพื่อไทยและตัวดิฉันเองจะได้รับความยุติธรรม” เมื่อถามว่า มั่นใจว่าจะได้เป็นนายกฯหญิงตามที่คาดหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีสีหน้าไม่สู้ดี และเลี่ยงที่จะตอบคำถาม โดยบอกเพียงว่า ขออนุญาตไปประชุมร่วมกับแกนนำพรรคเพื่อไทยก่อน

“เด็จพี่”สับหวังสกัดขัดขา

นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงสืบเนื่องจากกรณีที่ กกต.ยังไม่รับรองความเป็น ส.ส. ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ พร้อมสมาชิกพรรคเพื่อไทยโดยเฉพาะบัญชีรายชื่อ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแกนนำกลุ่ม นปช. รวมทั้งสิ้น 11 ราย เนื่องจากมีผู้ร้องคัดค้านประเด็นคุณสมบัติต้องห้ามนั้น ตนอยากให้ กกต.ทบทวนตรวจสอบให้ดีพออย่าห่วงว่าจะมีคนร้องว่าละเว้นปฏิบัติหน้าที่หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ โดยเฉพาะกรณีนายจตุพร พรหมพันธุ์ และแกนนำกลุ่ม นปช. รวม 10 ราย เนื่องจาก กกต.ได้เคยวินิจฉัยและรับรองคุณสมบัติให้เป็นผู้สมัคร  ส.ส.ไปแล้วทั้งที่ขณะนั้นก็มีคนร้องคัดค้าน

นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า กรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ กกต.ควรพิจารณาตรวจสอบและให้ความเป็นธรรมว่าคนที่ร้องเกี่ยวข้องอย่างไรหรือเพราะต้องการกลั่นแกล้งทางการเมืองหรือต้องการสกัดกั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์เท่านั้นหรือไม่ กกต.ต้องทบทวน พิจารณาตามข้อกฎหมายเพราะการทำอย่างนี้ประชาชนจะตั้งข้อสงสัยได้ ทั้งนี้โพลสำรวจความเห็นเลือกตั้งพบว่าดัชนีความสุขของประชาชนเพิ่มขึ้นเป็นประวัติการณ์ และประชาชนกำลังรอคอยรัฐบาลชุดใหม่มาแก้ไขปัญหาประเทศทั้งเรื่องปากท้อง ความปรองดองและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศจึงอยากให้ กกต.เร่งให้การรับรองด้วยความเป็นธรรม อย่างไรก็ตามวันที่ 19 ก.ค.นี้ ยังเชื่อมั่นว่า กกต.จะรับรอง ส.ส.ครบ 95 เปอร์เซ็นต์ และสามารถเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรนัดแรกได้ทัน 30 วัน

พรายกระซิบเตรียมชี้แจง

ขณะที่ความเคลื่อนไหวของพรรคเพื่อไทยหลังจาก กกต.ไม่รับรองความเป็น ส.ส.ของน.ส.ยิ่งลักษณ์ รวมถึงแกนนำกลุ่ม นปช.ในการพิจารณารอบแรก ปรากฏว่าแกนนำพรรค นำโดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รวมถึงนายภูมิธรรม เวชชยชัยพล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช นายชูศักดิ์ ศิรินิล อดีตเลขาธิการนายกฯ และแกนนำกลุ่มเตรียมทหารรุ่น 10 ได้เข้ามาหารือกันตั้งแต่ช่วงเช้าเพื่อประเมินสถานการณ์โดยมีการแจ้งว่า ได้มีเจ้าหน้าที่โทรศัพท์มาแจ้งให้แกนนำพรรคเพื่อไทย ทราบว่าต้องเตรียมเอกสาร หลักฐานอย่างไรเพื่อชี้แจงต่อ กกต. กรณีที่ถูกร้องเรียนเรื่อง “ทักษิณคิดเพื่อไทยทำ” และกรณีที่สมาชิกบ้านเลขที่ 111 และ 109 อดีตกรรมการบริหารพรรคการเมืองที่ถูกยุบไปช่วย น.ส.ยิ่งลักษณ์ หาเสียง แหล่งข่าวจากพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า สำหรับความคืบหน้าในการเจรจาโควตารัฐมนตรีให้กับพรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะพรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน (ชพน.) ที่เดิมต้องการกระทรวงพลังงานนั้น ล่าสุดทางแกนนำพรรคเพื่อไทย ได้มีการตกลงกับแกนนำ ชพน.เรียบร้อยแล้วว่าจะยกกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ให้ไปดูแลแทน  เพราะกระทรวงพลังงานนั้น ทางพรรคเพื่อไทยจำเป็นต้องขอดูแลเอง เพราะมีนโยบายหลักในเรื่องของการลดราคาน้ำมันเบนซิน 91 และ 95  

“มาร์ค”จับไต๋แก้ รธน.เอื้อ

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี รักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เสนอให้ทำประชามติเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยให้เลือกระหว่างรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 กับฉบับปี 25540 มาเป็นหลักในการแก้ไขว่า ไม่ได้มีเหตุผลในตัวของมัน เพราะรัฐสภาสามารถดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ ทำไมจึงต้องจำกัดสิทธิของประชาชนว่าต้องยึดอยู่กับฉบับใดฉบับหนึ่ง และทุกฉบับมีทั้งจุดแข็งและจุดอ่อนสามารถที่จะปรับปรุงกันไปได้

นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวว่า นอกจากนี้ ทุกพรรค รวมถึงพรรคไทยรักไทยเคยบอกว่ารัฐธรรมนูญปี 2540 ต้องถูกแก้ไขครั้งใหญ่ หลังจากที่มันเกิดปัญหาขึ้นในช่วงปี 2548-2549 และมีบางบทบัญญัติที่จำกัดสิทธิคนที่ไม่จบปริญญาไม่ให้สมัคร ส.ส. ตนจึงมองว่าคนที่คิดเรื่องนี้ ต้องการจะลบล้างบางมาตราในรัฐธรรมนูญปี 2550 เพื่อหวังผลให้เกิดการนิรโทษกรรม ซึ่งมันไม่ถูกต้อง และการพยายามลบล้างคำพิพากษาของศาลนั้น ทำให้มีปัญหาแน่นอน ตนจึงยืนยันว่าอย่าไปทำเลย

อย่าใช้กฎหมู่บีบแก้รธน.

ต่อข้อถามว่าจุดยืนของพรรคประชา ธิปัตย์ต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 309 ควรจะแก้ไขหรือไม่ อย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า มาตรานี้ไม่มีประเด็นใดแล้ว ถ้าอยากจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ ต้องพูดกันให้ชัดว่าประเด็นใดที่ยังติดใจอยู่ การไปพูดถึงว่าฉบับปี 2540 หรือปี 2550 นั้น ตนไม่เข้าใจว่ามีหลักคิดในแง่เนื้อหาสาระของรัฐธรรมนูญอย่างไร เมื่อถามว่าไพ่ใบสุดท้ายที่จะทำประชามติมาเป็นหักล้างทุกอย่าง จะมีปัญหาหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ในระบบของการบริหารบ้านเมืองที่เป็นประชาธิปไตยอำนาจของแต่ละฝ่าย ทั้งนิติบัญญัติ บริหาร และตุลาการ จะกำหนดบทบาทขอบเขตอำนาจหน้าที่เอาไว้คานซึ่งกันและกัน การทำอะไรที่ถูกหรือผิดกฎหมาย เป็นเรื่องที่ฝ่ายตุลาการเป็นฝ่ายตัดสิน ดังนั้นการพยายามเอาเสียงของประชาชนหรือคะแนนนิยมต่าง ๆ มาลบล้าง มันไม่ถูกหลัก มิฉะนั้นต่อไปนี้ใครที่ประชาชนนิยม ก็ทำผิดกฎหมายได้อย่างนั้นหรือไม่

ต่อข้อถามว่า เหตุผลของนายมานิต จิตต์จันทร์กลับ คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย อ้างว่าถ้าไม่แก้รัฐธรรมนูญ พรรคเพื่อไทยจะถูกยุบอีกครั้ง และควรยุบองค์กรต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นภายหลังการปฏิวัติ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถ้าจะแก้ประเด็นยุบพรรค ก็เสนอมาได้ ทำไมต้องรื้อทั้งฉบับ และพยายามให้มีผลย้อนหลังไปในเรื่องนิรโทษกรรม ซึ่งส่วนตัวก็ไม่เห็นด้วยกับการยุบพรรค แต่เห็นด้วยกับการลงโทษคณะกรรมการบริหารพรรค เมื่อถามว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ควรแสดงท่าทีที่ชัดเจนในการแก้รัฐธรรมนูญหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถ้าเป็นไปได้ ตนอยากบอกว่ามันไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน

ลาขรก.ซักซ้อมงานใหม่

ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล เวลา 11.00 น. นายอภิสิทธิ์ ได้เรียกประชุมหัวหน้าส่วนราชการระดับปลัดกระทรวง ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง จากนั้น นายอภิสิทธิ์ เปิดเผยว่า ตนได้ขอบคุณหัวหน้าส่วนราชการที่ช่วยขับเคลื่อนงาน ทั้งการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าและเดินหน้านโยบายสำคัญ นอกจากนี้ ยังซักซ้อมในช่วงเปลี่ยนผ่านว่าขอให้ทำงานไปตามปกติ ทั้งนี้ ส่วนตัวหวังว่ารัฐบาลใหม่จะแถลงนโยบายต่อรัฐสภาอย่างช้าสุด ช่วงปลายเดือน ส.ค.นี้  ส่วนการจัดทำร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2555 น่าจะใช้เวลาจัดทำหลังจากนั้น 3-4 เดือน ขณะที่สำนักงบประมาณบอกว่าอยากให้เดินหน้าเรื่องการจัดทำงบสมดุลภายใน 3-4 ปีข้างหน้า

เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยเตรียมรื้อร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2555 ที่เตรียมไว้เดิม นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องธรรมดา เพราะงบประมาณต้องสะท้อนนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่ เมื่อถามต่อว่า ถ้ามีการตั้งงบขาดดุล เพิ่มเติม 50,000 ล้านบาท จะส่งผลกระทบต่อสถานะการเงินการคลังหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังไม่ชัดเจนเรื่องตัวเลข เพราะการจัดเก็บรายได้ขณะนี้เกินเป้าอยู่ 1.7 แสนล้านบาท ดังนั้น การประเมินว่าจะมีงบประมาณรายจ่าย หรืองบประมาณขาดดุลเท่าไรนั้น คงต้องมาประเมินกันอีกครั้ง ส่วนจะกระทบสถานะการเงินการคลังหรือไม่นั้นขึ้นอยู่ที่ว่าจะใช้งบประมาณด้านต่าง ๆ เท่าใด

ให้พอแล้วป่วนบ้านเมือง

นายอภิสิทธิ์ ยังให้สัมภาษณ์ถึงกรณีกกต.ไม่ได้รับรองชื่อให้เป็น ส.ส.ว่า ตนไม่กังวล แต่ตนไม่ทราบว่าถูกร้องเรียนเรื่องใด แต่ก็มั่นใจว่าชี้แจงได้ทุกเรื่อง และเชื่อว่าไม่ได้ทำอะไรที่ผิดกฎหมาย ส่วนการที่แกนนำคนเสื้อแดงขู่ว่าจะนำมวลชนออกมาชุมนุมกดดัน กกต. ถ้าไม่มีการรับรอง น.ส.ยิ่งลักษณ์ และแกนนำคนเสื้อแดงให้เป็น ส.ส. นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า มันควรพอได้แล้วกับการเมืองแบบนี้ เพราะเรายุบสภาแล้วมีการเลือกตั้ง ทุกอย่างเข้าสู่กระบวนการ ถ้าจะใช้วิธีการนำมวลชนมากดดันไม่จบสิ้น บ้านเมืองก็จะมีปัญหาต่อไป  
เมื่อถามว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะมีบทบาทอย่างไรในการลดปัญหาเหล่านี้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ในฐานะที่จะเป็นหัวหน้าฝ่ายบริหารและมีความใกล้ชิดอยู่กับคนเสื้อแดง น่าจะแสดงออกให้เห็นว่าไม่สนับสนุนแนวทางแบบนี้ และต้องอย่าให้ กกต.ทำงานอยู่ภายใต้แรงกดดัน นอกจากนี้ สิ่งท้าทายในการบริหารประเทศของพรรคเพื่อไทย ตนเห็นว่า 1. พรรคเพื่อไทยต้องดำเนินการตามนโยบายกับความคาดหวังของประชาชน เป็นสิ่งที่ต้องทำให้ได้ในวิถีทางประชาธิปไตย 2. อย่าสร้างปัญหาเรื่องความขัดแย้ง

“สุเทพ”มึนยังไม่ได้รับรอง

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ และว่าที่ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึง กกต. ยังไม่ได้รับรองชื่อให้เป็นส.ส.ว่า ตนไม่ทราบว่าถูกร้องเรียนในเรื่องใดและไม่รู้ว่ามีคนมาร้องเรียนตน อีกทั้งแปลกใจว่ากกต.ไม่มีการแจ้งให้ตนไปชี้แจงหรือพบเพื่อรับทราบคำร้องเรียน จึงรู้สึกแปลกใจต่อการที่ยังไม่ได้รับการรับรองให้เป็น ส.ส. แต่ตนจะรอดูต่อไปว่าเขาจะทำอย่างไร เมื่อถามว่าจะไปสอบถาม กกต. ถึงเรื่องนี้หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ตนไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรในกรณีที่ยังไม่ได้รับการรับรองให้เป็น ส.ส. จะต้องไปถาม กกต. เอง หรือรอให้กกต.เรียก เพราะตนไม่เคยเจอแบบนี้  

ต่อข้อถามว่ากรณีนี้มีนัยใดหรือไม่ เพราะ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และนายอภิสิทธิ์ ในฐานะว่าที่ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ยังไม่ได้รับการรับรองให้เป็น ส.ส.เช่นกัน นายสุเทพ กล่าวว่า คาดการณ์ไม่ได้ ไม่ทราบจริง ๆ ว่าเขาทำอะไรของเขา โดยในส่วนที่เขายังไม่รับรองให้เป็น ส.ส. ก็ต้องมีการสอบสวนว่าจะให้ใบเหลืองหรือใบแดง การพิจารณารับรองให้เป็น ส.ส. ต้องทำให้เสร็จภายใน 30 วัน คือก่อนสิ้นเดือนนี้ เพราะมีกำหนดที่ต้องมีการเรียกประชุมสภาหลังการเลือกตั้ง เมื่อถามต่อว่า คิดว่ามีกระบวนการใดหรือไม่ที่ทำให้ต้องขยับเวลาการเปิดประชุมสภาออกไป นายสุเทพ กล่าวว่า อย่ามองอะไรในแง่ร้าย ขอให้พยายามมองในแง่ดีเข้าไว้ว่า ให้กกต.ทำหน้าที่ของเขาให้สมบูรณ์

“ชวน”หายป่วยกลับบ้านได้

ที่อาคารศูนย์การแพทย์สิริกิติ์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี เวลา 08.50 น. นายอภิสิทธิ์ ได้เดินทางเพื่อเข้าเยี่ยมนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ หลังเข้ารักษาตัวอยู่ที่ห้อง 810 ชั้น 8 ตั้งแต่คืนวันที่ 12 ก.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากมีอาการหนาวสั่น ทั้งนี้ได้มี ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ทยอยมาเยี่ยมนายชวนด้วย อาทิ นายถวิล ไพรสณฑ์  นายเทพไท เสนพงศ์  นายสาธิต ปิตุเตชะ และนายนริศ ขำนุรักษ์

ทั้งนี้ ศ.พญ.สุวรรณา เรืองกาญจนเศรษฐ์ ผู้อำนวยการศูนย์การแพทย์สิริกิติ์ เปิดเผยว่า นายชวน เกิดการติดเชื้อซึ่งเป็นผลจากการพักผ่อนไม่เพียงพอ ความอ่อนเพลีย และการกลั้นปัสสาวะในช่วงการหาเสียงเลือกตั้ง แต่ขณะนี้หลังจากที่แพทย์ให้ยาปฏิชีวนะแล้ว นายชวนก็มีอาการดีขึ้น และได้เดินทางออกจากโรงพยาบาลเพื่อกลับบ้านพักในเวลา 15.30 น.และคงจะเดินทางไปยัง จ.ตรัง ได้ในวันที่ 14 ก.ค.นี้ ส่วนนายชวน ระบุว่า ตนไม่ได้ถูกหามเข้าโรงพยาบาล แต่มาตามที่โทรฯนัดหมาย หลังเริ่มพบอาการร่างกายผิดปกติจากการช่วยตระเวนหาเสียง เมื่อมาพบแพทย์จึงได้ลงความเห็นว่าต้องมารับยาฆ่าเชื้อให้ครบ 24 ชม. พร้อมกับยอมรับว่า สาเหตุการติดเชื้อมาจากการกลั้นปัสสาวะในช่วงช่วยสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์หาเสียง

“เติ้ง”ห่วงดึงเช็งสุญญากาศ

ที่พรรคชาติไทยพัฒนา นายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่กกต.ประกาศรับรอง ส.ส.เพียง 358 คน ไม่ถึงร้อยละ 95 ว่า ต้องให้เวลาและโอกาสกกต.พิจารณาให้ถี่ถ้วน ปัญหาอยู่ที่ว่าจะต้องเปิดสภาภายใน 30 วันหลังการเลือกตั้งเพื่อจัดตั้งรัฐบาล โดยจะต้องมี ส.ส.ร้อยละ 95 คงจะต้องฝาก กกต. ให้เร่งรัดพิจารณา เพราะในอดีตที่ผ่านมาเมื่อมีปัญหาร้องเรียนก็จะปล่อยไปก่อน แล้วค่อยมาสอยกันทีหลังเพื่อให้สภาเปิดได้ ซึ่งเป็นประเพณีปฏิบัติที่ทำมา และประชาชนก็คาดหวังอยากให้มีรัฐบาลใหม่ รวมทั้งขณะนี้มีช่องว่างครม.เดิมก็ไม่มีการประชุมแล้ว อย่างไรก็ตาม คิดว่าภายใน 30 วัน จะต้องมีรัฐบาล

เมื่อถามว่า ทุกคนเป็นห่วงว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ถูกแขวนจะมีอะไรเกิดขึ้นหรือไม่ นายบรรหาร กล่าวว่า คงไม่มีอะไร อย่าไปตกใจก่อน เมื่อถามว่า ควรจะประกาศให้ครบร้อยละ 95 นายบรรหาร ตอบว่า ไม่ใช่ว่าเห็นควร เมื่อถามตนอย่างนี้กลายเป็นว่าตนไปสั่ง กกต. ตนถึงไม่อยากให้สัมภาษณ์ กลัวจะกลายเป็นไปชี้นำ เพียงแต่บอกว่าประเพณีที่ทำมาหลังวันที่ 3 ก.ค.ก็ปล่อยไปก่อนแล้วสอยทีหลัง ตนแค่มีความเห็นอย่างนี้ อย่าไปบอกว่าตนไปบังคับ เดี๋ยว กกต.มาโกรธตน เสียวไส้เพราะถูกยุบมาแล้ว จะแย่อยู่แล้วตอนนี้ พูดมากเดี๋ยวเป็นภัยกับตัวเอง

สมประโยชน์รมต.ครอบครัว

สำหรับความคืบหน้าในการจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรีในส่วนของพรรคชาติไทยพัฒนา ได้ข้อสรุปในเบื้องต้นล่าสุดว่าพรรคเพื่อไทยจะจัดให้พรรคชาติไทยพัฒนา 3 ตำแหน่ง แบ่งเป็น รมว. 2 ตำแหน่ง และ รมช. อีก 1 ตำแหน่ง ทั้งนี้มีความชัดเจนว่าในตำแหน่งรมว.พรรคชาติไทยพัฒนายังได้ดูแลกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยยังคงให้ทั้งนายธีระ วงศ์สมุทร และ นายชุมพล ศิลปอาชา เข้ามาดำรงตำแหน่งเหมือนเดิม

ขณะที่ ตำแหน่ง รมช.ยังไม่มีความลงตัว โดยนายบรรหาร รับปากกับพล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ประธานที่ปรึกษาพรรคว่าจะให้นายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ ส.ส.พิจิตร เข้ามานั่งในตำแหน่ง รมช.มหาดไทย เพราะเป็นกระทรวงเดิมที่ พล.ต.สนั่น เข้าดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีเป็นครั้งแรก แต่ยังต้องรอความชัดเจนจากพรรคเพื่อไทย นอกจากนี้ มีรายงานว่ามีการประสานไปยังพ.ต.ท.ทักษิณ เพื่อจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรีจากคนนอกเพื่อให้กับนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา มาดำรงตำแหน่งรมช.เพิ่มเติมอีกหนึ่งตำแหน่ง โดยตอนนี้อยู่ในระหว่างการตอบรับจาก พ.ต.ท.ทักษิณ

“บิ๊กตู่”ขอผู้นำทหารรู้ใจกัน
            
ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ให้สัมภาษณ์ถึงบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่ง รมว.กลาโหมว่า ก็พูดกันไป ไม่ใช่ขนมหรือของกินที่อยากได้ ขณะนี้เป็นเรื่องของรัฐบาล ฝ่ายบริหารเลือกอยู่ ถ้าพูดคุยกันคงมีการพูดคุยกันในทางลับ เปิดเผยไม่ได้ ส่วนบุคลิกของผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งรมว.กลาโหม ต้องเป็นคนดี มีคุณธรรม มีจริยธรรม ให้เกียรติกองทัพ ไม่อยากใช้คำว่า ปรองดอง แต่ใช้คำว่า สร้างบรรยากาศในการทำงานที่ดีระหว่าง พี่กับน้อง อย่างไรก็ตามคิดว่า หาก รมว.กลาโหมเป็นทหารน่าจะดีกว่า เพราะจะรู้ว่า ทหารเป็นอย่างไร และเข้าใจความรู้สึกทหาร

เมื่อถามว่า รัฐบาลต้องพูดคุยกับกองทัพก่อนหรือไม่ว่า จะนำใครมาเป็น รมว.กลาโหม พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า แล้วแต่ท่าน แล้วแต่เขาจะให้เกียรติกัน ตอนนี้ยังมีแต่ข่าว เมื่อถามว่า ขณะนี้ยินดีที่จะพูดคุยกับน.ส.ยิ่งลักษณ์หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า กกต. ยังไม่รับรอง ค่อย ๆ ว่ากันไปทีละวัน ส่วนจุดยืนกองทัพไม่มีเปลี่ยนแปลง กองทัพเป็นของประชาชน ดูแลชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และเป็นอย่างนี้มาตลอด ไม่ว่าตนหรือใครจะเป็น ผบ.ทบ.ก็แล้วแต่ ตั้งแต่อดีตจนปัจจุบันทุกคนมุ่งหวังให้กองทัพเป็นอย่างนั้น ดังนั้นอย่าเอาทหารไปเกี่ยวข้อง เพราะไม่ว่า ใครเป็นฝ่ายบริหารก็ต้องใช้ทหารในการทำหน้าที่

ลั่นทหารเป็นของประชาชน

“ผมไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง แต่ทำด้วยหน้าที่ตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญและกฎหมายที่มีอยู่ทุกฉบับว่า ทหารมีหน้าที่อะไร และเราทำเพื่อประโยชน์สุขของประชาชนโดยรวมทั้งสิ้นและเป็นไปตามกฎหมาย ไม่ได้มุ่งหวังให้เกิดความไม่เรียบร้อย หรือการเสียหาย อย่าไปพูดในทางเสื่อมเสียหรือเสียหายว่า ทหารไม่เป็นกลาง ทหารเป็นทหารของประชาชน เป็นข้าราชการประจำ ระบบการบังคับบัญชาของทหาร เรียกว่า วินัยทหาร ซึ่งจะปกครองดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาที่เป็นทหาร เราสั่งการผู้ใต้บังคับบัญชาด้วยความชอบธรรม ด้วยความมีคุณธรรม เรารู้ดีว่า เรามีกรอบอำนาจแค่ไหน โลกวันนี้กว้างไกลอย่าคิดว่า ทหารจะเข้าไปครอบ หรือควบคุมทุกเรื่อง วันนี้ต้องเข้าไปสู่กระบวนการประชาธิปไตยที่ถูกต้องตามกฎหมาย” ผบ.ทบ.กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า เกรงหรือไม่ว่า เมื่อมีการเปลี่ยนขั้วอำนาจ กองทัพจะถูกแทรกแซงจากการเมือง  พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ใช้คำว่าขอร้อง กองทัพเป็นของประชาชนอยู่แล้ว และพร้อมทำงานในหน้าที่ให้ที่สุด ถ้าเมื่อใดก็ตามกองทัพไม่เข้มแข็งหรืออ่อนแอ เมื่อนั้นประเทศชาติจะไม่ปลอดภัยเป็นอันตราย เพราะกองทัพเป็นสถาบันหนึ่งให้ประเทศชาติอยู่ได้ อะไรจะเกิดขึ้นก็ตามไม่อยากให้กองทัพอ่อนแอลง ท่านทราบดีว่า ทำอย่างไรกองทัพจะอ่อนแอ ตนเป็นห่วงอย่างเดียวว่า ถ้าทุกคนเข้าใจซึ่งกันและกันก็จบ ทุกคนทำตามหน้าที่ของตนเองไป ก็จะเป็นไปได้ด้วยดี

ไม่หวั่นไม่กลัวโดนปลด

เมื่อถามว่า ท่านหวั่นไหวหรือไม่ต่อการจับตามองว่า อาจจะมีการโยกย้ายตำแหน่ง ผบ.ทบ. หลังมีการเปลี่ยนรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ย้อนถามกลับว่า “ทำไม ผมไม่ได้ทำความผิดอะไร และผมทำตามหน้าที่ของผม ในฐานะที่เป็นข้าราชการประจำก็ต้องให้กำลังใจ และทุกคนน่าจะให้กำลังใจทหาร ที่ผ่านมาทำให้บ้านเมืองเรียบร้อย อาจมีปัญหาอยู่บ้างก็ไปทบทวนดูว่า ต่อไปจะใช้ทหารอย่างไร จะทำให้ทหารไม่ตกเป็นจำเลยต่อสังคมอย่างไร ต้องเห็นใจทหารเพราะเป็นพี่น้องท่านทั้งนั้น”

ผบ.ทบ. ยังกล่าวว่า ที่ผ่านมา ทหารออกมาตามหน้าที่ และคำสั่ง ด้วย พ.ร.บ.ความมั่นคง ไม่ได้อยู่ดี ๆ ตนเอาทหารออกมาข้างนอก ตนเรียนตั้งแต่ต้นว่า การที่ทหารออกมานอกกรม กองผิดกฎหมาย หากไม่มีการขออนุมัติตามกฎกติกามันผิดกฎหมาย ตนก็ไม่ทำ ตนทำตามคำสั่ง คิดว่าไม่น่าจะผิด ส่วนกรณีที่รัฐบาลจะมีการรื้อฟื้นคดี 91 ศพนั้น ถ้ารื้อก็รื้อกันไป ขณะนี้มีการสอบสวนอยู่แล้วก็รื้อไปเถอะ ไม่ว่าอะไรหรอก  เพราะต้องว่ากันไปตามข้อเท็จจริง

“ทรงกิตติ”ไม่เล่นการเมือง

ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผบ.สส. ให้สัมภาษณ์ก่อนออกเดินทางไปปฏิบัติภารกิจที่ประเทศติมอร์ ถึงกระแสข่าวการนั่งตำแหน่ง รมว.กลาโหมว่า ตนไม่รู้เรื่อง และก่อนหน้านี้ก็ให้สัมภาษณ์ไปแล้วว่าจะไม่เล่นการเมือง เพราะเล่นการเมืองไม่เป็น อีกทั้งอยากอยู่อย่างสงบจะดีกว่า และที่ผ่านมาก็ทำงานมาอย่างเดียว ทุกอย่างตนพูดเหมือนกับ พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ ผบ.ทร. ที่ผ่านมาไม่มีใครที่จะผลักดันให้ตนมาดำรงตำแหน่ง รมว.กลาโหม รวมถึงเพื่อน ตท.10 ก็ไม่เคยมาพูดถึงเรื่องนี้ รวมถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ไม่เคยมาทาบทาม หรือพูดคุยกันตามที่เป็นข่าว

“ไม่มีใครเขามาสนใจผมหรอก ผมทำงานตามหน้าที่ของผม ไม่ต้องถามว่าสนในเรื่องการเมืองหรือไม่ เพราะทุกอย่างผมพูดไปหมดแล้วว่า ผมยืนยันได้ว่าไม่มีใครมาพูดกับผมในเรื่องนี้ การเมืองผมทำไม่เป็นเล่นไม่เป็น เราทำเป็นอย่างเดียวคือการเป็นทหาร และไม่ทราบสถานการณ์บ้านเมืองจะเป็นอย่างไรต่อไป โดยเฉพาะเรื่องการเมืองปวดหัว ทั้งนี้คนไทย 66 ล้านคน ผมไม่เป็นห่วง เพราะทุกคนมีสติปัญญา” พล.อ.ทรงกิตติ กล่าว

พระเสนอ“ทักษิณ”นอนคุก

ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พระรักเกียรติ รักขิตะธัมโม (สุขธนะ) อดีต รมว.สาธารณสุข กล่าวบรรยายแก่ข้าราชการทำเนียบรัฐบาล เรื่อง “ธรรมะเปลี่ยนชีวิต” ซึ่งจัดโดยคณะทำงานดำเนินการตามมาตรการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ของสำนักเลขาธิการนายกฯ โดยพระรักเกียรติ กล่าวตอนหนึ่งว่า ในสมัยที่เป็นนักการเมือง ที่เคยดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีถึง 5 สมัย ใช้ชีวิตแบบสุด ๆ บนความประมาท ซึ่งตอนนั้นคิดว่ามีความสุขที่สุดแล้ว แต่ที่จริงไม่ใช่เลย และเมื่อเกิดทุกข์และต้องรับโทษ อาตมาจึงไม่โทษใคร เพราะทั้งหมดเป็นผลจากการกระทำของตัวเอง อาตมาถือเป็นนักการเมืองคนแรกที่ถูกพิจารณาคดีโดยศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เมื่อศาลเห็นว่าเป็นถึงข้าราชการการเมือง และได้ถวายสัตย์ปฏิญาณต่อหน้าพระพักตร์ แต่กลับเป็นผู้กระทำผิดเสียเอง จึงให้ถูกลงโทษสถานหนัก 3 เท่าของโทษปกติ

พระรักเกียรติ กล่าวอีกว่า ขอเตือนข้าราชการให้ตระหนักด้วยว่าถ้ากระทำผิดจะต้องรับโทษหนักกว่าคนทั่วไปหลายเท่า และขออย่าได้มีความหลงใหลในอำนาจและความอยากได้ใคร่มี เพราะจะนำมาซึ่งความทุกข์ ยกตัวอย่างคดีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่จะมีการนิรโทษกรรมหรือการให้คนเสื้อแดงรวมชื่อกันเพื่อขออภัยโทษนั้น เป็นสิ่งที่ทำไม่ได้ และผิดหลักของบ้านเมือง แต่ถ้าเขาอยากพ้นทุกข์และอยากกลับบ้าน ต้องรับโทษจำคุกก่อน ทำตัวดีแล้วจึงขออภัยโทษ อาตมารู้จักทักษิณ ดี เคยบอกแล้วว่าโทษจำคุก 2 ปี แต่เมื่อจำคุกจริง ๆ อาจไม่ถึง เมื่อมาจำคุกจริงแล้วให้รัฐบาลของน้องตัวเองขออภัยโทษตามหลักปรองดองเลย คนจะยอมรับ ปัญหาจะได้จบ ความสามัคคีจะได้เกิด

หลังเลือกตั้งยังอึมครึม

ที่วิทยาลัยการสื่อสารการเมือง มหา วิทยาลัยเกริก ได้จัดเสวนาเรื่อง “เมืองไทยกับรัฐบาลใหม่ สดใสหรืออึมครึม” โดย ศ.ดร.ลิขิต ธีรเวคิน ผอ.โครงการปริญญาเอก วิทยาลัยสื่อสารการเมือง กล่าวว่า ตนไม่สบายใจตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้ง เพราะได้ข่าวว่าเกือบไม่ได้เลือกตั้ง เมื่อการเลือกตั้งผ่านมาได้ ก็ยังลูกผีลูกคน กว่าจะเปิดสภา เลือกนายกฯได้ ก็มีปัญหา ขณะนี้มีการยังไม่รับรองผู้สมัคร ส.ส.หรือการแขวน โดยเฉพาะที่ต้องจับตา คือ การแขวน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ซึ่งกระทบมากถึงขนาดพรรคเพื่อไทยต้องเปลี่ยนตัวว่าที่นายกฯ และยังมีการฟ้องร้องคดีเกี่ยวกับการเลือกตั้งหลายเรื่อง ตนหวังว่า คงไม่มีการล้มการเลือกตั้ง  มิฉะนั้นจะเหมือนพม่า ที่เลือกตั้งได้แต่คุณอย่าชนะ ตนไม่แน่ใจแล้วว่าถ้าพรรคเพื่อไทยต้องเปลี่ยนตัวนายกฯจริง จะมีผลต่อความสงบหรือไม่  

รศ.สุขุม นวลสกุล อดีตคณบดีคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง กล่าวว่า รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ เข้าใจผิดว่า นโยบายที่ออกมาแก้ปัญหาเศรษฐกิจพอแล้วจึงยุบสภา แต่ความจริงไม่พอพรรคประชาธิปัตย์ล้มเหลวเรื่องแก้ปัญหาเศรษฐกิจ แต่ไปเอาเรื่องเศรษฐกิจหาเสียง เรื่องไข่แพง สร้างปัญหาให้รัฐบาลประชาธิปัตย์ทุกยุค ยิ่งในการเลือกตั้งครั้งนี้ เขาเลือกคนแก้ปัญหาเศรษฐกิจเป็นหลัก หลังเลือกตั้งจะสดใสหรือไม่ ขึ้นอยู่กับรัฐบาลต้องแก้เศรษฐกิจได้ตามที่วางแผนไว้ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่จะทำให้เกิดความระแวง อึมครึม คือ วันนี้ สงครามยังไม่จบ ยังมีคนพยายามจะรบ โดยการฟ้องให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ ต้องระวังเรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่ได้

โรงเรียนเก่าโชว์รูป“ปู”

ที่ จ.เชียงใหม่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ประชาชนที่สัญจรไปมาบริเวณสี่แยกตลอดบุญอยู่ ต.พระสิงห์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ในเขตรั้วโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย ซึ่งเป็นโรงเรียนเก่าของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ต่างฮือฮาเมื่อเห็นว่ามีการขึ้นป้ายรูปของน.ส.ยิ่งลักษณ์ สมัยเมื่อครั้งเป็นนักเรียน คู่กับภาพขณะปัจจุบัน พร้อมมีข้อความระบุ จากคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย ว่า ขอแสดงความยินดีกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เลขประจำตัวนักเรียน 19582 ศิษย์เก่ารุ่น 24-27 (บัวเกี๋ยง) ทำให้ผู้คนที่สัญจรไปมาต้องจอดแวะดูและชื่นชมกับความสำเร็จของ น.ส.ยิ่งลักษณ์

สั่ง“เสื้อแดง”ชาร์จแบต

ที่พรรคเพื่อไทย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทยในฐานะแกนนำกลุ่ม นปช. กล่าวถึงกรณีที่ กกต.ไม่ประกาศรับรอง ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคเพื่อไทยซึ่งส่วนใหญ่ประกอบไปด้วยแกนนำ นปช. รวมทั้ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ว่า ที่ผ่านมา กกต.จะรับรอง ส.ส.บัญชีรายชื่อทั้งหมดออกมาก่อนจึงจะมาพิจารณาเรื่องร้องเรียนภายหลัง แต่ครั้งนี้น่าแปลกกว่าเดิมที่ กกต.กลับแขวนเรื่องรอการพิจารณา ถ้า กตต.จะอธิบายว่าเป็นเรื่องของการทำงานเราก็ต้องรอดูไปก่อนและเชื่อว่าประชาชนได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด “ตอนนี้ต้องรักษาสมาธิ สมาธิอยู่ที่นิ่ง ไม่ได้อยู่ที่นั่ง ออกกำลังกายให้เคลื่อนไหว ออกกำลังใจให้สงบ เพราะยังมองไม่เห็นว่าเขาจะทำอย่างไร จึงต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด”

ส่วนนางธิดา ถาวรเศรษฐ รักษาการประธาน นปช. แถลงว่า ขณะนี้มีเหตุการณ์หลายเหตุการณ์ที่พี่น้องไม่สบายใจ ที่สำคัญคือการที่ กกต. ยังไม่สามารถประกาศรับรอง ส.ส.เป็นจำนวนมากได้ แต่ว่าทางเราได้ปรึกษาหารือกันไม่ว่าจะเป็นนายจตุพร พรหมพันธุ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. ได้มีการพูดคุยกันว่า เราจะเฝ้าดูว่าในการประกาศรับรองผล ส.ส. ในวันที่ 19 ก.ค. จนถึงวันที่ 3 ส.ค. ของ กกต.อีกครั้ง ดังนั้นใครที่หวังว่านายจตุพรจะได้ออกจากคุกภายใน 1-2 วันนี้ จึงเป็นไปไม่ได้ แต่นายจตุพรก็ยังยิ้มและมีกำลังใจดี และฝากมาบอกพี่น้องว่าขอให้ช่วยกันเฝ้าดูเหตุการณ์ เพราะ ว่าคนเสื้อแดงมีแบตเตอรี่เต็มอยู่ ถ้าหลายคนแบตเตอรี่อ่อนในระหว่างนี้ก็ให้ชาร์จแบตเตอรี่ไว้ให้เต็มและพร้อมอยู่เสมอ

ลุยทวงความยุติธรรมคืน

รักษาการประธาน นปช. กล่าวอีกว่า ด้วยเหตุที่ว่ายังมีปัญหาและกลุ่มที่แสดงออกว่าผลการเลือกตั้งและการตั้งรัฐบาลของประชาชนยังไม่ราบรื่น เข็มมุ่งของเรามี 2 อย่างที่ต้องทำควบคู่กัน คือ การทวงความยุติธรรม และการผลักดันจัดตั้งรัฐบาลประชาชน ทั้งนี้ภารกิจทั้ง 2 อย่างยังไม่สำเร็จ เราจึงจำเป็นที่ต้องเลื่อนการจัดคอนเสิร์ตที่สวนลุมพินี ในวันที่ 17 ก.ค. ออกไปอย่างไม่มีกำหนดจนกว่าจะตั้งรัฐบาลได้  

นางธิดา กล่าวอีกว่า สำหรับคนตายและคนที่ถูกจับกุมคุมขัง เราจะตั้งกองทุนยุติธรรมโดยได้รับการสนับสนุนจากเพื่อนมิตรของเราที่พอมีกำลัง ซึ่งกองทุนยุติธรรมของนปช.แดงทั้งแผ่นดิน มีวัตถุประสงค์เพื่อให้การสนับสนุนด้านกฎหมายในการให้การสนับสนุนพี่น้องเสื้อแดงจากเหตุการณ์ เม.ย.-พ.ค. 2553 ตลอดจนเหตุการณ์ต่อเนื่องถึงการเลือกตั้ง 3 ก.ค. ที่ผ่านมา ส่วนในเรื่องการผลักดันจัดตั้งรัฐบาลประชาชน เป็นภาระหน้าที่ของพรรคเพื่อไทยที่จะไปดำเนินงานนี้ แต่หากมีอะไรที่เกี่ยวข้องกับการที่ผลประโยชน์ของประชาชนถูกทำลาย นปช.ก็พร้อมที่จะปกป้องรักษาสิทธิและผลประโยชน์ของประชาชน   

ร้องยุบ6พรรคปล่อยผีจุ้น

ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ แกนนำเครือข่ายสมัชชาประชาชนแห่งประเทศไทย เดินทางมายื่นหนังสือถึงนายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานกกต. และ กกต. ทั้ง 4 คน ให้พิจารณาตรวจสอบยุบพรรคการเมือง 6 พรรคการเมือง ประกอบด้วย พรรคเพื่อไทย พรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน และพรรคพลังชล เนื่องจากทั้ง 6 พรรคนี้ปล่อยให้บุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้เพิกถอนสิทธิทางการเมืองเข้ามามีบทบาท รวมทั้งกระทำตัวเปรียบเสมือนเป็นหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรค นอกจากนี้ ยังมีหลักฐานเพิ่มเติมที่พรรคเพื่อไทย เป็นพวกเดียวกับกลุ่ม นปช. ที่ออกมาเคลื่อนไหวเผาบ้านเผาเมือง

ที่ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง สนามหลวง พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ได้ยื่นฟ้องนายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานกกต. และกกต.ทั้งคณะ เรื่องพิพาทเกี่ยวกับการเลือกตั้ง เพื่อขอให้ศาลฎีกาฯ มีคำพิพากษาเพิกถอนการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 3 ก.ค. ที่ไม่ได้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม และให้มีคำสั่งเลือกตั้งใหม่ เนื่องจากเคยใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าที่จ.กาญจนบุรี แต่ในการเลือกตั้งครั้งนี้กลับไม่มีรายชื่อปรากฏในหน่วยเลือกตั้งตามทะเบียนบ้าน ทั้งที่ไม่ได้แจ้งใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้า และไม่ได้แจ้งเปลี่ยนแปลงรายชื่อที่ขอลงทะเบียนเลือกตั้งนอกเขตเลือกตั้ง โดยเห็นว่าการวินิจฉัยลักษณะนี้ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญและกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ โดยยื่นคำร้องวันที่ 11 ก.ค. ให้ระงับการประกาศผลการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 3 ก.ค. แต่กลับมีการรับรองมาถึง 358 คน ทั้งนี้ศาลฎีกาฯรับคำร้องไว้พิจารณาและนัดฟังคำสั่งในวันที่ 20 ก.ค. เวลา 16.00 น.

สวดเสี่ยอย่าขี้เหนียว300บ.

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ภาคเอกชน คัดค้านการขึ้นค่าแรง 300 บาทต่อวัน โดยมองว่าเป็นการหาเสียงของพรรคการเมืองมากกว่าว่า ความคิดเห็นของภาคเอกชนตนก็ได้รับฟัง ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ดี ตนได้เรียนแล้วว่าเป็นแนวทางของพรรคเพื่อไทยอยู่แล้วว่าหากเราได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ เราก็คงต้องหารือกับทุกภาคส่วน และคงต้องนั่งคุยกันว่าจะมีความเป็นไปได้มากน้อยอย่างไร ส่วนที่สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ขอให้รัฐอุดหนุนส่วนต่างในช่วงหนึ่งก่อนให้ผู้ประกอบการนั้น เรื่องนี้ต้องขอเวลาทำงานอีกสักพักหนึ่ง และจะดูว่าตรงนี้จะมีคำตอบอย่างไร

นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ อดีตรมว.แรงงาน กล่าวถึงกรณีที่ ส.อ.ท. คัดค้านนโยบายขึ้นค่าแรงขั้นต่ำวันละ 300 บาทว่า ต้องถามกลับไปที่ ส.อ.ท.ว่าพี่น้องแรงงานที่ทำงานขั้นกรรมาชีพได้เงินเดือน 6,000 บาท พอกินพอใช้หรือไม่ ส.อ.ท.น่าจะคิดถึงผู้คนเหล่านี้บ้างไม่ใช่คิดถึงแต่ตัวเอง แต่ต้องให้ความเป็นธรรมกับคนอื่นบ้าง ตัวเองร่ำรวยมาเยอะแล้ว ถ้าขาดทุนจริงป่านนี้ก็คงปิดกิจการกันไปแล้วแต่นี่ก็ยังไม่เห็นปิด วันนี้เราต้องให้ความเป็นธรรมกับผู้ใช้แรงงาน ไม่เช่นนั้นเขาจะอยู่ได้อย่างไรเพราะข้าวแกงก็จานละ 30 บาทแล้วยังไม่รวมค่าเดินทาง หรือจะคิดเอาแต่ว่าตัวเองอยู่ได้แล้วปล่อยให้คนอื่นตายช่างมันหรืออย่างไร

ปัดการเมืองเข้ามาบงการ

ที่กระทรวงแรงงาน นายสมเกียรติ ฉายะศรีวงศ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน ในฐานะประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) ค่าจ้างกลาง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) คัดค้านนโยบายการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาทต่อวันของพรรคเพื่อไทยว่า จะนำความเห็นในส่วนนี้เป็นข้อมูลในการพิจารณาปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ ซึ่งขณะนี้บอร์ดค่าจ้างกลางอยู่ในช่วงเปิดรับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่าย ซึ่งกรณีเรื่องของค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาททางฝ่ายการเมืองก็ไม่ได้เข้ามาสั่งการหรือกดดันใด ๆ

นางอัมพร นิติสิริ อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) กล่าวหลังประชุมผู้บริหาร กสร. เพื่อเตรียมรับนโยบายการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาทต่อวันว่า ที่ประชุมได้วิเคราะห์ถึงความเป็นไปได้ในการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาทต่อและข้อดีข้อเสียของนโยบายนี้โดยข้อดีได้แก่ 1. เป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ใช้แรงงาน 2. ช่วยลดภาวะการขาดแคลนแรงงานเพราะเชื่อว่าค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาทต่อวันจะช่วยจูงใจให้แรงงานไทยเข้าสู่ตลาดแรงงานมากขึ้น 3. ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวม  4. ทำให้รัฐบาลมีรายได้จากภาษีเพิ่มขึ้น 5. กองทุนประกันสังคมสามารถเก็บเงินสมทบได้มากขึ้น ส่งผลให้กองทุนประกันสังคมมีเงินเพิ่มขึ้นส่วนข้อเสียพบว่าบริษัทต่างชาติย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศเพื่อนบ้านที่มีต้นทุนค่าแรงถูกกว่า

เอสซีตั้งคนแทน“ยิ่งลักษณ์”

นายอรรถพล สฤษฎิพันธาวาทย์  ประธานเจ้าหน้าที่ด้านการเงิน บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)  หรือเอสซี ได้ส่งหนังสือแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทในวันที่ 13 ก.ค.ที่ผ่านมา  มีมติแต่งตั้ง นางบุษบา ดามาพงศ์ ขึ้นดำรงตำแหน่ง ประธานกรรมการบริหาร และ รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร แทนน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กรรมการคนเดิมที่ขอลาออกจากตำแหน่ง โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 13 ก.ค. เป็นต้นไป นอกจากนี้ ได้แต่งตั้งให้นางเพ็ญโสม ดามาพงศ์ เป็นกรรมการบริหาร, นายณัฎฐ์พัฒน์ เอื้อใจ เป็นกรรมการบริหาร และน.ส.พินทองทา ชินวัตร เป็นกรรมการบริหาร

ปชป.เลี้ยงต้อนรับส.ส.ใหม่

ที่ห้องแกรนด์บอลล์รูม โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ เวลา 18.30 น. พรรคประชาธิปัตย์  ได้จัดงานเลี้ยงต้อนรับ ส.ส.ใหม่ ตามประเพณี แม้จะแพ้เลือกตั้งได้ ส.ส.มาเพียง 159 คน ก็ตาม โดยจัดโต๊ะไว้ 17 โต๊ะ รวมเก้าอี้ 170 ตัว พร้อมเตรียมเมนูอาหารจีนขึ้นชื่อ ทั้งออร์เดิร์ฟรวมมิตร หูฉลามน้ำแดง เป็ดปักกิ่ง เอ็นกวาง-เห็ดหอมน้ำแดง ผัดผักสี่สหาย กุ้งผัดหน่อไม้ฝรั่ง ปลาเก๋าทอดราดซีอิ๊ว และข้าวผัดทะเล รวมถึงไวน์แดงรสนุ่ม ยี่ห้อชาโตว์ ลินซ์ แอนด์ แบดจ์ ขวดละประมาณ 1 หมื่นบาท ไว้ต้อนรับ นอกจากนี้ ยังว่าจ้างวงดนตรีดุริยางค์ทหารบกมาเล่นดนตรีขับกล่อม

ทั้งนี้นายสุเทพ เจ้าของงานได้มาถึงงานแต่ไก่โห่ พร้อมยิ้มแย้มต้อนรับผู้ที่มาถึงอย่างอารมณ์ดี ต่อมาเวลา 18.45 น. นายอภิสิทธิ์เดินทางมาถึง นายไพฑูรย์ แก้วทอง แกนนำ ส.ส.ภาคเหนือตอนล่างของพรรคประชาธิปัตย์ ได้เข้าไปจับมือนายอภิสิทธิ์พร้อมกล่าวคำขอโทษ เนื่องจากได้ ส.ส.ไม่ถึงเป้า แต่นายอภิสิทธิ์บอกว่า ไม่เป็นไร อย่างน้อยใน จ.เพชรบูรณ์ ก็ได้ ส.ส. มา 1 คน เมื่อเข้าไปในงานนายอภิสิทธิ์ก็เดินทักทายว่าที่ ส.ส.ตามโต๊ะต่าง ๆ เรียงโต๊ะด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ภายหลังเดินทักทายว่าที่ ส.ส.ของพรรคเสร็จ นายอภิสิทธิ์ ก็นั่งร่วมโต๊ะกับแกนนำพรรค อาทิ นายสุเทพ นายบัญญัติ นายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ ฯลฯ ทั้งนี้เป็นที่น่าสังเกตว่า นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์หาเสียง ไม่ได้มาร่วมงานแต่อย่างใด.

未经允许不得转载:综合资讯 » เซ็งแขวนเหตุแม้วจุ้น ‘ปู’ แก้เกมโยนกก.พรรครับแทน

赞 (0)
分享到:更多 ()