综合资讯
当前位置:综合资讯 > 资讯 > 泰国新闻 > 正文

นายกฯหุ่นเชิด "ทักษิณ" บงการ

นายกฯหุ่นเชิด "ทักษิณ" บงการ

ปรากฏการณ์ “บรรหาร-บรูไน” ตอกย้ำสถานะ “ยิ่งลักษณ์”
สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และอาคารรัฐสภา เต็มไปด้วยความคึกคัก
เมื่อ กกต.ได้ประกาศรับรองสมาชิกภาพการเป็น ส.ส.ให้แก่ผู้สมัคร ส.ส.ทั้งระบบบัญชีรายชื่อ และระบบเขต ที่ชนะการเลือกตั้ง ลอตแรก 358 คน จากทั้งหมด 500 คน
บรรดา ส.ส.ใหม่ต่างทยอยไปรับหนังสือรับรองจาก กกต. และเข้ารายงานตัวต่อสำนักงานเลขาธิการสภา-ผู้แทนราษฎรกันอย่างชื่นมื่น
การที่คณะกรรมการการเลือกตั้งประกาศรับรองสมาชิก-ภาพการเป็น ส.ส.ลอตแรก 385 คน แบ่งเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ 109 คน จากทั้งหมด 125 คน และ ส.ส.เขตเลือกตั้ง 249 คน จากทั้งหมด 375 คน
โดยมีผู้สมัครที่ชนะเลือกตั้ง แต่ กกต.ยังไม่ประกาศรับรองสมาชิกภาพการเป็น ส.ส. 142 คน เป็นผู้สมัคร
ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ 16 คน และผู้สมัคร ส.ส.ระบบเขตเลือกตั้ง 126 คน
นอกจากนี้ คณะกรรมการการเลือกตั้งได้มีมติแจกใบเหลืองใบแรก ให้แก่นายสมคิด บาลไธสง ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 จังหวัดหนองคาย พรรคเพื่อไทย ที่ได้คะแนนเป็นอันดับหนึ่ง
เนื่องจากมีการกระทำอันควรเชื่อได้ว่ามีการแจกเงิน และขนคนไปฟังการปราศรัย โดยสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ในวันที่ 31 กรกฎาคมนี้
ตัดไม้ข่มนาม ประเดิมใบเหลืองกันไปแล้ว
เหนืออื่นใด จากการที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง ยังไม่ประกาศรับรองสมาชิกภาพการเป็น ส.ส.ของผู้สมัครแบบบัญชีรายชื่อจำนวน 16 คน
กลายเป็นประเด็นใหญ่ ที่สังคมให้ความสนใจอย่างยิ่ง
เพราะในจำนวนผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ 16 คน ที่ กกต.สั่งแขวนไว้เพื่อดำเนินการสอบสวนเรื่องร้องเรียน ยังไม่รับรองสมาชิกภาพการเป็น ส.ส.
เป็นบุคคลระดับบิ๊กเนมของพรรคเพื่อไทย และพรรคประชาธิปัตย์ ได้แก่
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 1 พรรคเพื่อไทย ว่าที่นายกรัฐมนตรีหญิง
ที่ถูกร้องเรียนว่ากระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง กรณีนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ และนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ที่ถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 5 ปี ขึ้นรถ
แห่หาเสียงที่ จ.เชียงใหม่ และการขึ้นป้ายหาเสียง “ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ”
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี รักษาการหัวหน้า พรรคประชาธิปัตย์ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 1พรรคประชาธิปัตย์
ที่ถูกร้องเรียนว่าสั่งการให้เจ้าหน้าที่รัฐจัดมหกรรมลดราคาสินค้าครองชีพ จำหน่ายสินค้าราคาถูก สร้างแรงจูงใจให้ประชาชน ที่ จ.สมุทรปราการ
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ รักษาการเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ผู้สมัคร ส.ส.สุราษฎร์ธานี
ที่ถูกร้องเรียนว่ากระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง มีพฤติกรรมใส่ร้ายป้ายสี ทำให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยมของผู้สมัครพรรคอื่น
รวมทั้งผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่เป็นแกนนำกลุ่มเสื้อแดง นปช. อาทิ นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นพ.เหวง โตจิราการ นายก่อแก้ว พิกุลทอง
ที่ถูกร้องเรียนว่ามีพฤติกรรมกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ขาดคุณสมบัติในการลงสมัคร ส.ส.
ส่งผลให้เกิดแรงกระเพื่อมทั้งภายในพรรคเพื่อไทย และพรรคประชาธิปัตย์
โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย ที่มีสถานะเป็นพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และวางตัว น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นนายกรัฐมนตรี
เริ่มเกิดความไม่แน่ใจ เกิดความระแวง
ถึงขั้นมีข่าวเตรียมแผนสำรอง หาก กกต.ไม่ประกาศรับรองสมาชิกภาพ ส.ส.ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็จะให้นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เสียบเป็นนายก-รัฐมนตรีแทน
ในขณะที่แกนนำกลุ่มเสื้อแดง นปช. ก็ออกมาขู่ว่า ถ้า กกต.ไม่ประกาศรับรองสมาชิกภาพ ส.ส. ให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และแกนนำกลุ่มเสื้อแดง เรื่องใหญ่แน่
ส่งสัญญาณให้คนเสื้อแดงชาร์จแบตไว้ให้เต็ม ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เตรียมตัวให้พร้อม
พูดง่ายๆก็คือ เตรียมพร้อมที่จะเคลื่อนไหวกดดันตามสไตล์
ระแวงการทำงานของ กกต. กลัวว่าจะมีมือที่มองไม่เห็นเข้ามาสั่งการ
ทั้งๆที่ว่ากันตามความจริงแล้ว คณะกรรมการการเลือกตั้งถือเป็นผู้คุมกฎในการจัดการเลือกตั้งให้เป็นไปด้วยความสุจริตและเที่ยงธรรม
มีอำนาจตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ที่เกี่ยวข้อง มีหน้าที่ในการสืบสวนสอบสวนตัดสินชี้ขาดเรื่องร้องเรียนต่างๆ ทั้งเรื่องการทุจริต ใช้อิทธิพล ซื้อเสียง โกงเลือกตั้ง
เพื่อให้การเลือกตั้งสะอาด เป็นด่านแรกในการสกัดนักการเมืองขี้โกงเข้าสู่อำนาจรัฐ
ที่สำคัญ รัฐธรรมนูญได้กำหนดกรอบเวลาการทำงานของ กกต.ในการพิจารณารับรองสมาชิกภาพการเป็น ส.ส.ภายใน 30 วันหลังการเลือกตั้ง
เพื่อให้สามารถเรียกประชุมรัฐสภาให้สมาชิกมาประชุมเป็นครั้งแรกได้ โดยรัฐธรรมนูญกำหนดเกณฑ์ไว้ชัดเจนว่าจะต้องมี ส.ส.ร้อยละ 95 ของจำนวน ส.ส.ทั้งสภาฯ 500 คน หรือต้องมี ส.ส.อย่างน้อย 475 คน
ซึ่งทาง กกต.ก็ออกมาการันตีว่า สามารถที่จะประกาศรับรองสมาชิกภาพ ส.ส.ได้ตามเกณฑ์ร้อยละ 95 หรือ 475 คน
เพื่อให้เปิดประชุมรัฐสภาได้ทันภายใน 30 วัน ตามกำหนดของรัฐธรรมนูญ
ส่วนการพิจารณาเรื่องร้องเรียน น.ส.ยิ่งลักษณ์ และนายอภิสิทธิ์ จะรู้ผลว่าจะประกาศรับรองสมาชิกภาพหรือไม่ ในวันที่ 19 กรกฎาคมนี้
จากปรากฏการณ์ในการทำหน้าที่ของกกต. “ทีมข่าวการเมืองไทยรัฐ” ขอชี้ว่า อย่างไรเสียก็ต้องเดินไปสู่เป้าหมายที่จะต้องรับรอง ส.ส.อย่างน้อย 475 คน ทำให้เปิดสภาได้ เพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไป
นั่นก็หมายความว่า ถ้าจะมีการแจกใบแดงก็จะไม่เกิน 25 ใบ
ที่สำคัญ แม้จะมีการแจกใบแดง ใบเหลือง ก็ไม่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงสิทธิในการเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย ที่ชนะการเลือกตั้งอย่างท่วมท้น
อย่างไรก็ตาม การทำหน้าที่ของ กกต.ในการพิจารณาแจกใบแดง ใบเหลือง แก่ผู้สมัครที่กระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ก็ต้องดำเนินไปด้วยความเคร่งครัด เข้มงวดตามข้อกฎหมาย และเป็นกลาง
เพื่อให้ผลวินิจฉัยที่ออกมา เป็นที่ยอมรับของสังคม
ขณะเดียวกัน ผู้สมัครที่อาจได้รับผลกระทบจากการตัดสินชี้ขาดใบแดง ใบเหลือง จากคณะกรรมการการเลือกตั้ง ที่คิดจะขยับเคลื่อนไหวกดดัน ก็ต้องฟังเหตุผล ยอมรับคำวินิจฉัย
หากมองว่า กกต.ตัดสินโดยไม่เป็นธรรม รัฐธรรมนูญก็ให้สิทธิที่จะยื่นคำร้องเพื่อขอถอดถอนคณะกรรมการการเลือกตั้งได้
ไม่ควรใช้วิธีการปลุกมวลชนออกมาเคลื่อนไหวกดดัน ใช้กฎหมู่มาข่มขู่
ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่า บรรยากาศหลังการเลือกตั้ง ที่พรรคเพื่อไทยได้รับชัยชนะอย่างท่วมท้น ทำให้ผู้คนในสังคมเกิดความรู้สึกปลอดโปร่ง โล่งอกโล่งใจ
มีความหวังสูงว่าเหตุการณ์การชุมนุมเคลื่อนไหวอย่างรุนแรง การต่อสู้บนท้องถนนแบบเดิมๆจะไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว
แต่พอ กกต.มีการพิจารณาแขวนผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย แกนนำกลุ่มเสื้อแดงเริ่มแสดงปฏิกิริยาไม่พอใจ ส่งสัญญาณให้คนเสื้อแดงเตรียมพร้อม
ฝันร้ายของผู้คนในสังคมก็เริ่มก่อตัวขึ้นอีกครั้ง
แถมในห้วงที่คณะกรรมการการเลือกตั้งยังไม่ประกาศรับรองสมาชิกภาพ ส.ส.ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์
ก็ได้มีปรากฏการณ์ทะลุกลางปล้องจากนายมานิตย์ จิตต์จันทร์กลับ คณะทำงานด้านกฎหมายพรรคเพื่อไทย
ที่ออกมาเสนอจะทำประชามติให้นำรัฐธรรมนูญปี 2540 กลับมาใช้แทนรัฐธรรมนูญปี 2550 โดยจะออกเป็นพระราชกำหนดให้ใช้รัฐธรรมนูญ 2540
ทำให้ถูกมองว่า เป็นการเดินเกมเพื่อล้างผิดให้ “นายใหญ่”
กระตุ้นกระแสต่อต้านกันตั้งแต่ยังไม่ได้ตั้งรัฐบาล
เหนืออื่นใด ท่ามกลางบรรยากาศหลังการเลือกตั้ง ที่อยู่ในห้วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่จะมีการจัดตั้งรัฐบาล
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ในฐานะ พี่ชาย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ว่าที่นายกรัฐมนตรี ก็ได้ออกมาแสดงบทบาทผ่านสื่อต่างๆ
ทั้งการแนะนำ ชี้นำ เกี่ยวกับนโยบายรัฐบาลและการจัดฟอร์ม ครม.ถี่ขึ้นเรื่อยๆ
ในขณะที่แกนนำกลุ่มก๊วนการเมืองในพรรคเพื่อไทย ก็ยกโขยงตีตั๋วเครื่องบินเดินทางไปพบปะหารือกับ “ทักษิณ” ทั้งที่ดูไบ ฮ่องกง บรูไน หัวบันไดไม่แห้ง
โดยมีกระแสข่าวสะพัดว่า เป็นการเดินทางไปขอตำแหน่ง ขอเก้าอี้รัฐมนตรี
แต่ก็มีเสียงปฏิเสธออกมาจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ว่า พ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้เกี่ยวข้องกับการจัดวางตำแหน่งรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดใหม่
ยืนยันการจัดทำนโยบายรัฐบาล การจัดสรรโควตากระทรวง และการจัดวางตัวรัฐมนตรี เป็นเรื่องของคณะกรรมการบริหารพรรค ไม่มีใบสั่งจากคนแดนไกล
แต่ล่าสุด ก็เป็นนายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ที่ออกมายอมรับว่า ได้แวะไปกินข้าวต้มกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ประเทศบรูไน ในช่วงที่เดินทางไปปฏิบัติภารกิจติดต่อซื้อเสือขาวมาไว้ที่บึงฉวาก
แม้จะปฏิเสธว่าไม่ได้มีการพูดคุยเรื่องการเมือง แต่ก็หลุดปากบอกสื่อมวลชนอย่างมั่นใจว่าพรรคชาติไทยพัฒนาจะได้ตำแหน่งรัฐมนตรี 3 เก้าอี้
แน่นอน เมื่อคนระดับนายบรรหารเดินทางไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณด้วยตัวเอง ในห้วงที่กำลังมีการจัดสรรโควตากระทรวง จัดสรรเก้าอี้รัฐมนตรีในรัฐบาลชุดใหม่
คนในสังคมก็พอจะมองออกว่าไปพูดคุยกันเรื่องอะไร
ความเคลื่อนไหวของนายบรรหารที่เดินทางไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ จึงกลายเป็นข่าวครึกโครม และ เป็นที่สนใจของบรรดาคอการเมือง
ขณะเดียวกัน ความเคลื่อนไหวของ “บรรหาร” ครั้งนี้ ก็ทำให้เสียงปฏิเสธของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ที่ยืนยันว่า “ทักษิณ” ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการจัดวางตำแหน่งรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดใหม่
ดูไร้ความหมาย ไร้น้ำหนัก ไปโดยปริยาย
สะท้อนภาพให้เห็นว่า ใครคือตัวจริง เสียงจริง ที่สามารถชี้นิ้วในการจัดตั้งรัฐบาล
แน่นอน เมื่อมีภาพสะท้อนชัดขึ้นเรื่อยๆว่า “ทักษิณ” คือผู้ชี้นิ้วบงการ
สถานภาพของ “ยิ่งลักษณ์” ในรัฐบาลชุดใหม่ ก็หนีไม่พ้นที่จะต้องถูกมองว่าเป็นแค่
“นายกฯหุ่นเชิด”.

“ทีมการเมือง”

ww

未经允许不得转载:综合资讯 » นายกฯหุ่นเชิด "ทักษิณ" บงการ

赞 (0)
分享到:更多 ()