“ธรรมศาสตร์” เติม “อ” เป็น “อธรรมศาสตร์”
โดยมุก “แหลมๆคมๆ” ของชาวลูกแม่โดมที่เชือดเฉือนกันนิ่มๆแต่บาดลึก ตามชนวน “หัวเชื้อ” จากประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ที่ถูกจุดโดยนักวิชาการกลุ่มนิติราษฎร์ ลุกลามใหญ่ โตกลายเป็นสงคราม การต่อสู้ทางความคิดอย่างรุนแรงของคนมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
แบ่งขั้วหนุนกันคนละข้าง อ้างเหตุผลของใครของมัน
ใน บรรยากาศคุ้นๆที่คนในวัยร่วมสมัยเคยอยู่ในเหตุการณ์ “6 ตุลา 19” ออกอาการผวา หวั่นภาพประวัติศาสตร์เลือดจะหวนย้อนกลับมาหลอนอีกครั้งในห้วง “กุมภาฯ 55”
เพราะเป็นอะไรที่รู้กัน ถ้านักศึกษา “จุดติด” แล้ว “ดับยาก”
ที่ แน่ๆโดยพัฒนาการของปมมาตรา 112 กระแสได้ก้าวข้ามเกมของฝ่ายการเมือง เรื่องของ “ทักษิณ” กับแนวร่วมฝ่ายต่อต้าน ไม่หยุดอยู่แค่เหลี่ยมชิงกระแสของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย กับฝ่ายค้าน พรรคประชาธิปัตย์ และเครือข่ายม็อบพันธมิตรฯ ที่ฝ่ายหนึ่งพยายามชิ่งหนี อีกฝ่ายหนึ่งก็ผูกโยงกรณีความเคลื่อนไหวของกลุ่มนิติราษฎร์ ต่อจิ๊กซอว์ขบวนการล้มสถาบัน
ตามสัญญาณที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และผู้นำฝ่ายค้าน รีบโยนกลองใส่รัฐบาลพรรคเพื่อไทย เสียดายที่รัฐบาลไม่ตัดไฟตั้งแต่ต้นลมตามที่เคยเตือนไว้ จนทำให้ความขัดแย้งขยายวงออกไปในสังคม ตอนนี้ความขัดแย้งได้ขยายวงลุกลาม
โดยเหลี่ยมถนัด ประชาธิปัตย์ชิงหลบฉากก่อน
แต่ ที่ปัดเผือกร้อนไม่ออก ตามอาการพะอืดพะอมของ “ตุ๊ดตู่” นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย จะชิ่งก็ไม่ได้ จะรับก็ไม่กล้า เลยเบี่ยงตัวเอี้ยวๆได้แค่ว่า ข้อเสนอของกลุ่มนิติราษฎร์มีเจตนาปกป้องสถาบัน แต่ถูกพรรคประชาธิปัตย์และกลุ่มอำมาตย์นำไปบิดเบือนให้ร้าย ดังนั้น แม้จะมีประชาชนเข้าชื่อหมื่นคน ขอให้แก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 แต่เชื่อว่าจะไม่มี ส.ส.คนใดกล้าโหวตให้
เพราะทราบมาว่า มีการตั้งวอร์รูมเพื่อจะจัดการรัฐบาลให้ได้ก่อนเดือนเมษายน โดยใช้เรื่องมาตรา 112 มาเป็นช่องว่างในการล้มรัฐบาล
รับ มุกกับ “สารวัตรเหลิม” ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ ที่ยอมรับเลยว่า ได้มีการมอบหมายให้ตนเองดูแลเรื่องดังกล่าว ยืนยันมีกลุ่มคนจ้องล้มรัฐบาล โดยหยิบยกประเด็นการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 แต่จากการติดตามทางลับไม่สามารถเปิดเผยได้ บอกแค่ว่า ขณะนี้สถานการณ์ยังไม่พัฒนา
ตีปี๊บดักทางรัฐประหาร วิธีการเดียวที่ได้ผลในจังหวะเบรกกระแส
สู้ข้อหาอันตราย “ล้มสถาบัน”
แต่ ก่อนอื่นเลย ในจังหวะตัดกระแส ไม่ให้ลามกลายเป็นฝ่ายตั้งรับมากเกินไป ประเมินได้จากอารมณ์ที่นายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รีบขอแก้ข่าวทันทีที่เจอหน้าสื่อมวลชน
“ขอแก้ข่าวเรื่องร้องไห้ก่อน ยืนยันไม่ได้ร้องไห้ แต่เราอาจจะคุยในเนื้อหาที่เข้มข้นในระหว่างสัมภาษณ์ พอดีเสียงหายไป ยืนยันดิฉันไม่ได้อ่อนแอค่ะ”
รีบเคลียร์กระแสแขวะ “หมดท่า” ตามรายงานที่ปรากฏในสื่อมวลชน นายกฯยิ่งลักษณ์ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวด้วยสีหน้าจริงจัง และในบางครั้งมีเสียงสั่นเครือ ในอารมณ์กดดันจากคิวที่ฝ่ายค้าน พรรคประชาธิปัตย์ แท็กทีม ส.ว.สรรหาเครือข่ายพันธมิตรฯ ยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความ พ.ร.ก.ด้านการเงิน
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดมีรายว่า คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญนัดหมายพิจารณารับคำร้องกรณีประธานสภาฯส่งความเห็น ของ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ให้วินิจฉัยพระราชกำหนดกู้เงิน 2 ฉบับขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 184 วรรค 1 และวรรค 2 หรือไม่ ในต้นสัปดาห์หน้า
ตามจังหวะต้องรีบให้เกิดความชัดเจน ไม่ให้ส่งผลต่อแผนบริหารจัดการน้ำที่หลายฝ่ายกำลังรอลุ้นความชัดเจนจาก รัฐบาล ประเมินสถานการณ์ว่าจะ “เอาอยู่” หรือไม่
แต่ก็อีกนั่นแหละ วิบากกรรมของนายกฯยิ่งลักษณ์ยังมีอีกคิว
กับ การที่สำนักผู้ตรวจการแผ่นดิน ส่งหนังสือเรียกนายกรัฐมนตรี ชี้แจงการแต่งตั้งนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรฯ และนางนลินี ทวีสิน รมต.ประจำสำนักนายกฯ เป็น รมต.โดยขัดหลักจริยธรรม ตามขั้นตอนที่นายศรีราชา เจริญพานิช ผู้ตรวจการแผ่นดิน ย้ำหากมีความผิด ก็จะยื่นผ่านวุฒิสภาในการถอดถอนต่อไป
ต้องไม่ลืมว่า อดีตนายกฯสมัคร สุนทรเวช ก็ตกเก้าอี้เพราะจัดรายการทำกับข้าวโชว์ทางทีวี
ปม “จุกจิก” ที่ “ยิ่งลักษณ์” เผลอไม่ได้ก็แล้วกัน.
ทีมข่าวการเมือง รายงาน
ЙЙ
未经允许不得转载:综合资讯 » อย่ามองข้ามปม ‘จุกจิก’