บอลโลกเพิ่งจบไปไม่นาน นักเตะในยุโรปต้องกลับมารับใช้ชาติภายในเวลาอันรวดเร็วกับเกมคัดยูโร 2012
ประเดิมนัดแรกกันไปเมื่อวันศุกร์ ทีมยักษ์ใหญ่ที่ทำผลงานน่าผิดหวังจากเวิลด์คัพอย่างฝรั่งเศสช้ำหนักกว่าเก่า พ่ายเบลารุสคาบ้านตัวเอง 0-1โลรองต์ บลองก์ กุนซือคนใหม่ คงเครียดหนัก เจอสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก เพราะต้องเล่นบทเฮี้ยบไปตามคำสั่งของสมาคมฟุตบอลฝรั่งเศสที่ลงโทษแบนนักเตะตัวหลักไปหลายคน จากเรื่องอื้อฉาวในบอลโลก
สื่อเมืองน้ำหอมเองวิจารณ์กันแบบสิ้นหวัง ไม่ได้รุมสับบลองก์มากนัก ได้แต่แสดงอาการทดท้อว่า วงการลูกหนังฝรั่งเศสถึงคราวตกต่ำจริงๆ
เล่นในบ้านยังแพ้เบลารุส ทีมอันดับ 78 ของโลก นัดต่อไปวันอังคารนี้ไปเยือนบอสเนีย ไม่มีใครกล้าเชื่อว่าจะบุกไปชนะได้
มองในแง่ของการรักษากฎระเบียบ เพื่อไม่ให้ เป็นเยี่ยงอย่างก็น่าเห็นใจสมาคมฟุตบอลฝรั่งเศส ยามนี้คงต้องกลืนเลือดกันไปก่อน และคงต้องใช้เวลาพอสมควรในการสร้างทีมขึ้นมาใหม่
ส่วนอิตาลีที่ตกรอบแรกบอลโลกเช่นกัน หวิดเอาชื่อไปทิ้งที่เอสโตเนีย ถูกเจ้าถิ่นนำก่อน แต่ยังแซงกลับมาชนะฉิวเฉียด 2-1 ลิงโลดกว่าใครคงไม่พ้น "สิงโตคำราม" อังกฤษ ที่ถล่มบัลแกเรีย 4-0 ด้วยฟอร์มการเล่นที่เฉียบขาด โดยเฉพาะในครึ่งหลังที่ทำได้ 3 ประตู
ย้อนกลับไปในช่วงคัดบอลโลก 2010 ฟาบิโอ คาเปลโล ได้รับการยกย่องจากสื่ออังกฤษราวกับเทวดา
พอจบบอลโลกกลับตรงข้าม มีการตำหนิแนวทางการทำทีมของเขามากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะการสื่อสารกับลูกทีมที่ขาดจิตวิทยาในการกระตุ้นนักเตะแต่ดูเหมือนว่า สื่อจะเล่นข่าวทำนองนี้อยู่ฝ่ายเดียว ลูกทีมของคาเปลโลออกมายืนยันว่า พวกเขายังสนับสนุนโค้ชชาวอิตาเลียนรายนี้อย่างเต็มที่ และแสดงออกมาในสนามด้วยผลงานนัดนี้
ผมมองว่าปัญหาของอังกฤษอยู่ที่เรื่องสภาพจิตใจเป็นหลัก รอบคัดเลือกรายการใหญ่ยังมีโอกาสแก้ตัว ได้เล่นแบบเหย้าเยือน ไม่เหมือนบอลโลกหรือบอลยูโร เจอทัวร์นาเมนต์ที่เข้มข้นทุกนัด อยู่ในสายตาชาวโลกแล้วปอดกระเส่า กลัวพลาด กลัวสื่อเล่นงาน
แมตช์นี้ถึงอังกฤษจะขาดตัวหลักหลายคน แต่ที่ลงมาทดแทนก็ไม่เลวร้ายอะไร บางคนฟอร์มกระฉูดทั้งที่ได้เป็นตัวจริงนัดแรกๆ4 คนที่โดดเด่นในสายตาผมคือ เวย์น รูนีย์, เจอร์เมน เดโฟ, โจ ฮาร์ท และอดัม จอห์นสัน
นาทีนี้แฟนบอลอังกฤษสบายใจได้แล้วกับตำแหน่งผู้รักษาประตู นายทวารทีมชาติอังกฤษหลายคนที่ผ่านมา เล่นให้สโมสรได้ดี แต่พอเล่นทีมชาติยังไม่นิ่งพอ ฮาร์ทอายุยังน้อยแต่เล่นด้วยความห้าวหาญ นิ่งมาก มีสมาธิและปฏิกิริยาที่รวดเร็วเขาพัฒนาฝีมือไปไกลเหลือเชื่อ จากที่เป็นดาวรุ่งตัวสำรองในทีมแมนฯซิตี้ ไม่มีทีท่าว่าจะสอดแทรกมาเป็นตัวจริงได้ ถูกยืมตัวไปเล่นให้ทีมอื่นอยู่เรื่อย
แต่ฤดูกาลนี้โผล่พรวดมาเบียดเชย์ กีฟเวน หลุดมือ 1 ได้ และโชว์ฟอร์มซุปเปอร์เซฟที่เห็นกันชัดๆ 3 นัด คือ เกมที่เสมอสเปอร์ส ชนะลิเวอร์พูล และการเล่นทีมชาตินัดนี้ที่ฮาร์ทป้องกันลูกยิงจังๆของบัลแกเรียได้ 2 ครั้งในครึ่งหลัง
ส่วนจอห์นสันลงมาแทนธีโอ วัลคอตต์ ไม่กี่นาทีก็ทำประตูได้ วัลคอตต์ออกสตาร์ตกับอาร์เซนอลสวยงามซัดไป 4 ลูก แต่กับทีมชาติยังตื่นๆอยู่
ทางด้านเดโฟตกอยู่ในร่มเงาของรูนีย์มาตลอด ทำให้เขาไม่ค่อยมีโอกาสเป็นตัวจริง จนกระทั่งคาเปล-โลปรับขบวนแดนหน้าใหม่ ให้เขาเป็นตัวเป้าและรูนีย์เป็นหน้าต่ำเข้าขากัน ส่งผลให้เดโฟทำแฮตทริกได้
สำหรับรูนีย์โชว์ฟอร์มดีที่สุดในเกมที่เขาไม่ได้ทำประตู แต่มีส่วนร่วมทั้ง 4 ลูก โดยเฉพาะ 3 ลูกหลังที่ไหลบอลงามๆให้เดโฟและจอห์นสันยิง
รูนีย์เล่นเหมือนจอมทัพ เติบโตเป็นหนุ่มใหญ่ราวกับนักเตะที่มีช่วงอายุท็อปฟอร์ม 28-29 ปี ทั้งรุกและรับ จ่ายบอลซ้ายขวาแบบ "คิลเลอร์ พาส" ให้เพื่อนทำประตูได้เลย นี่คือพอล สโคลส์ คนใหม่ชัดๆหรือนี่คือตำแหน่งที่เหมาะที่สุดของเขา
ไม่ใช่ศูนย์หน้าตัวเป้าอย่างที่คาเปลโลเคยใช้งานมา.
โต้ บ้านแหลม
╀╀
未经允许不得转载:综合资讯 » รูนีย์คนใหม่